ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 209 งานแต่ง
ตอนที่ 209 งานแต่ง
เสิ่นเหลียงยังส่งอิโมจิหน้า “เย็นชา” ให้กับมู่น่อนน่อน “ที่ฉันพูดไป ฉันจริงจังนะ เพราะยังไงตอนนี้สถานะของเธอก็โสด”
เมื่อได้ยินเสิ่นเหลียงพูดอย่างนั้น มู่น่อนน่อนก็คิดถึงเรื่องทะเบียนสมรส
ชื่อที่บนทะเบียนสมรสนั้นคือชื่อของเฉินถิงเซียวกับมู่หวั่นขี
หลังจากที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลเฉิน ก็ยังไม่เคยเห็นทะเบียนสมรมของทั้งสองคนมาก่อน ดังนั้นเฉินถิงเซียวจึงไม่รู้ว่าชื่อในทะเบียนสมรสนั้นเป็นของใคร
แต่รูปภาพใบทะเบียนสมรมใบนั้นคือรูปที่ซือเฉิงหยู้ให้กับมู่หวั่นขี
และมู่หวั่นขีก็ปรากฏตัวในฐานะผู้เคราะห์ที่เป็นเหยื่อ ไม่ว่าเธอจะเคยมีชีวิตส่วนตัวที่วุ่นวายมามากแค่ไหน แต่ในทางกฎหมายแล้วนั้น มู่หวั่นขีก็คือภรรยาของเฉินถิงเซียว และการที่มู่น่อนน่อนมาอยู่กับเขานั้นก็ถูกมองว่าเป็น “เมียน้อย”
เมื่อเสิ่นเหลียงพูดจบ ก็ได้สติและคิดทบทวนว่ามีอะไรที่ตัวเองพูดไม่ถูกต้อง
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น……” เสิ่นเหลียงพยายามจะอธิบาย
“ไม่เป็นไรหรอก” มู่น่อนน่อนพูดปลอบใจเธอ
หลังจากที่วางสายเสร็จ เธอก็ไปหาเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท เพราะกำลังยุ่งกับการจัดการเรื่องของมู่น่อนน่อน
วันแรกที่ข่าวของซือเฉิงหยู้ออกไปว่าเป็นเกย์ วันถัดไปก็มีการประกาศข่าวรักๆใคร่ๆของผู้คนในวงการบันเทิง
วันนี้เป็นวันที่สาม สองวันนี้ที่มีข่าวปรากฏออกมามากมาย ก็เพื่อต้องการจะเบี่ยงเบนความสนใจ จนตอนนี้ไม่มีใครพูดถึงเรื่องมู่น่อนน่อนอีก
แต่ข่าวที่กลายเป็นประเด็นของคือข่าวของดารานักแสดงของบริษัทเสิ้งติ่ง
มู่น่อนน่อนรู้ดีกว่าใคร ว่าทั้งหมดนี้คือฝีมือของเฉินถิงเซียว
ข่าวลือนั้นค่อยๆถูกกลบไป แต่ที่ยังเหลือก็คือเรื่องของทะเบียนสมรส
ช่วงไม่กี่วันนี้การดำเนินชีวิตของมู่หวั่นขีนั้นก็ไม่ง่ายเลย เธอถูกมู่เจิ้งซิวขังไว้ในบ้าน ไม่อนุญาตให้เธอนั้นออกไปไหน และไม่ให้เธอออกไปหาซือเฉิงหยู้ด้วยเช่นกัน
มู่เจิ้งซิวเป็นคนที่เข้มงวด และเขาก็รู้จักนิสัยของมู่หวั่นขีเป็นอย่างดี
ถ้าปล่อยให้เธอออกไปข้างนอกตอนนี้ เธอก็คงปากมากและพูดอะไรออกไปเรื่อยเปื่อย
ตอนนี้เขาแค่ต้องการให้บริษัทมู่ซื่อนั้นสงบสุข ไม่อยากยั่วยุตระกูลเฉินอีกต่อไป
……
ห้องหนังสือของเฉินถิงเซียวนั้นไม่ได้ล็อกประตู มู่น่อนน่อนผลักเข้าไปอย่างเบาๆ ประตูถูกเปิดออก
เธอยังไม่ได้ก้าวเข้าไป ก็ได้ยินเสียงขู่คำรามของเฉินถิงเซียว
“นายคิดว่าในปีนั้นฉันไม่รู้เรื่องระหว่างนายกับแม่อย่างนั้นเหรอ? นายทำเรื่องที่น่าอับอายที่สุดและเข้าไปเอาอกเอาใจมู่เจิ้งซิวอย่างนั้นเหรอ? ตอนนี้กระทั้งเรื่องของทะเบียนสมรมนายก็จะยื่นมือเข้ามายุ่งอย่างนั้นเหรอ”
ในห้องนั้นเปิดไว้เพียงแค่โคมไฟตัวเล็กๆ เฉินถิงเซียวยืนอยู่ที่ระเบียง พูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
จู่ๆความรู้สึกของเขาก็ทำให้เขานั้นหันกลับไปมองที่ตรงประตู เมื่อเขามองเห็นมู่น่อนน่อนอยู่ที่ตรงประตู เขาก็นิ่งชะงัก จากนั้นก็รีบตัดสายทิ้ง
มู่น่อน่อนรีบเดินเข้ามา “ฉันแวะมาถามเรื่องของทะเบียนสมรส”
เฉินถิงเซียวหรี่ตามอง ระงับความโกรธเอาไว้ จากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สำหรับเรื่องนี้เธอไม่ต้องกังวลหรอกนะ”
“ฉันแค่อยากมาถามว่าจริงๆแล้วเรื่องมันเป็นอย่างไร ก็แค่นั้นเอง” ตอนนี้ความคิดของมู่น่อนน่อนเริ่มซับซ้อน
ในใจของเธอนั้นแน่นอนว่าเธอรู้สึกชอบเฉินถิงเซียว
รู้แน่ชัดว่าถึงแม้ว่าเธอกับเฉินถิงเซียวหลังจากนี้ไปจะไม่มีทะเบียนสมรม อาจจะอยู่ในความงุนงง แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยความสุขแบบประหลาด
ไม่มีทะเบียนสมรม พวกเขาเป็นสามีภรรยากันที่ไม่ได้ถูกรับการรับรองทางกฎหมาย เมื่อเป็นแบบนี้หากวันใดที่เธอต้องการจะไปจากเฉินถิงเซียว มันก็จะเป็นอิสระได้ง่าย
ผู้ชายอันตรายและคาดเดาอยากอย่างเฉินถิงเซียวนั้น เธอเลือกที่จะอยู่กับเขา เหมือนแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ
แต่จู่ๆก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น มันก็เหมือนเป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้เธอถอย
เฉินถิงเซียวจ้องมองไปที่เธอ ด้วยสายตาที่ลุ่มลึก
มู่น่อนน่อนก็สบตาไปที่เขาด้วยเช่นกัน แต่ความรู้สึกในตอนนี้ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิด ราวกับว่าเฉินถิงเซียวนั้นกำลังจะเข้าใจถึงความคิดของเธอ
มู่น่อนน่อนรู้สึกผิดจนต้องหันหน้าหนี “ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร”
“วิธีการแก้ปัญหาเรื่องๆนี้ก็คือ พวกเราจะต้องจัดงานแต่งงาน”
เฉินถิงเซียวไม่รีบร้อนในการที่จะพูดประโยคนี้ออกมา เสียงอันนุ่มนวลของเขาเขามาในหูของเธอ และวนเวียนอยู่ในหูของเธอไม่ไปไหน
จัดงานแต่งงานอย่างนั้นเหรอ?
มู่น่อนน่อนอ้าปากค้างด้วยอาการตกตะลึง “จัดงานแต่งอย่างนั้นเหรอ?”
“พวกเราไม่เคยจัดงานแต่งมาก่อน ในช่วงเวลาแบบนี้เธอก็เก็บไปคิดดูนะ ว่าถึงตอนนั้นอยากจะไปฮันนีมูนที่ไหน จะไปที่ต่างประเทศหรือในประเทศก็ได้ทั้งนั้น”
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวนั้นหนักแน่น จนทำให้มู่น่อนน่อนนั้นไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้
แต่ม่าน่อนน่อนก็ยังเอ่ยปากพูด “ไม่ต้องลำบากวุ่นวายขนาดนั้นหรอก ถึงเวลาค่อยว่ากันอีกที”
ในตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกสนใจเรื่องแบบนั้นแล้ว
เฉินถิงเซียวสัมผัสได้ว่า ถึงแม้ว่ามู่น่อนน่อนจะไม่ค่อยได้ทะเลาะกับเขา และไม่ได้ทุกข์ใจ แต่เรื่องระหว่างเขาทั้งสองคนนั้น ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่ได้ใส่ใจมันเท่าเมื่อก่อน
เฉินถิงเซียวก้มหน้า เธอก็สัมผัสได้ว่าสีหน้าของเฉินถิงเซียวนั้นมืดมนไปชั่วขณะหนึ่ง
……
ช่วงนี้มู่น่อนน่อนไม่ต้องไปทำงาน และไม่ได้ออกไปไหน สิ่งที่เธอจดจ่ออยู่ตลอดก็คือการเขียนบทละคร
เช้าของวันถัดไป เฉินถิงเซียวก็ออกไปข้างนอก
มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้ถามว่าเขานั้นออกไปไหน
เธอเขียนบทละครจนเหนื่อยล้า จากนั้นก็เดินลงไปรินน้ำ และเดินไปนั่งที่โซฟาเพื่อเปิดโทรทัศน์ดู
พอเปิดโทรทัศน์ก็เห็นข่าวที่นักข่าวกำลังสัมภาษณ์มู่หวั่นขี
สีหน้าของมู่หวั่นขีนั้นไร้ชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก ใบหน้าซีดเซียวเหมือนผู้ป่วยที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล
เมื่อสองวันก่อนที่เธอได้เจอกันมู่หวั่นขี มู่หวั่นขีก็ดูสบายดีอยู่ไม่ใช่เหรอ?
“รูปทะเบียนสมรสอันนั้นฉันเป็นคนถ่ายและแชร์ออกไปเอง”
“ฉันแค่อยากเข้าไปในวงการบันเทิง และอยากจะดังแค่นั้นเอง”
“ทะเบียนสมอันนั้นเป็นของปลอม”
“มู่น่อนน่อนคือภรรยาของเฉินถิงเซียวอย่างถูกกฎหมาย ฉันแค่อยากจะดังจึงทำแบบนั้นออกไป……”
ตอนที่มู่หวั่นขีพูดประโยคเหล่านั้นออกมา ใบหน้าของเธอนั้นมึนงง และการแสดงออกของเขามันก็แข็งทื่อ
มีนักข่าวคนหนึ่งถามขึ้นมา “ขอสอบถามหน่อยค่ะคุณมู่หวั่นขี ทำไมจู่ๆคุณถึงยอมรับขึ้นมาว่าทะเบียนสมรสอันนั้นเป็นของปลอม คุณโดนใครบีบบังคับมาหรือเปล่า?”
มู่หวั่นขีเบิกตากว้าง และพูดเสียงดัง“ไม่ใช่! ทะเบียนสมรมอันนั้นฉันเป็นคนทำ และฉันก็เป็นคนถ่ายมันเอง! มู่น่อนน่อนเป็นน้องสาวของฉัน ฉันทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ! ฉันผิดไปแล้ว!”
จากนั้นพวกนักข่าวก็ยังสัมภาษณ์ต่อ แต่มู่น่อนน่อนก็ดูไม่ได้สนใจอะไร
เธอสนใจและเพ่งไปที่ตัวของมู่หวั่นขี
อิงจากที่เธอรู้จักมู่หวั่นขีมากนั้น เธอเป็นคนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี
การที่มู่หวั่นขีออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนแบบนี้ แน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเฉินถิงเซียว
แต่แค่ไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวนั้นใช้วิธีการอะไร ถึงทำให้เธอกลัวขนาดนี้
เปลี่ยนไปกี่ช่อง ก็เป็นข่าวสัมภาษณ์ของมู่หวั่นขีทั้งหมด
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ จึงเปลี่ยนช่องไปดูภาพยนตร์เก่าๆ
ดูไปจนถึงครึ่งเรื่อง เฉินถิงเซียวก็กลับมา
เขาเดินตรงเข้ามาเธอ กำลังจะดึงเธอเข้าไปกอด
แต่มู่น่อนน่อนก็ขยับออก แต่เฉินถิงเซียวก็ยังขยับเข้าไป และจูบเธอด้วยความอ่อนโยน “พรุ่งนี้ไปลองชุดแต่งงานนะ”
เขาพูดไปด้วย พลางกอดเธอไปด้วย
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้น “ฉันยังเขียนบทละครไม่เสร็จ ฉันกำลังยุ่ง”
“ลองเสร็จค่อยกลับมาเขียน”
“ไม่ได้ ฉันกำลังมีอารมณ์เขียน”
สีหน้าของเฉินถิงเซียวเริ่มแข็งท่อ ยื่นมือจับที่คางของเธอ ดูเหมือนว่าเขานั้นได้อดทนจนถึงที่สุดแล้ว จากนั้นก็พูดกัดฟัน “มู่น่อนน่อน เธอลองปฎิเสธฉันอีกครั้ง