ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 244 ตกนรกอเวจี
มู่น่อนน่อนอ้าปาก ไม่รู้จะพูดอะไร
เฉินถิงเซียวปล่อยเธอ น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่หาได้ยาก “คุณควรงีบหลับได้แล้ว”
หลังตั้งครรภ์มู่น่อนน่อนมีนิสัยชอบงีบหลับ งีบไม่นาน แต่มันติดเป็นนิสัยที่ต้องงีบหลับสักพัก
หัวของเธอมึนๆ นิดหน่อย จากนั้นก็พยักหน้า “อืม”
เธอนอนบนเตียง คิดว่าตาจะไม่ปิด แต่ไม่นานเธอก็หลับไป
มองดูมู่น่อนน่อนหลับ ก่อนที่เฉินถิงเซียวจะห่มผ้าห่มให้เธอแล้วลุกออกไป
เฉินถิงเซียวปิดประตูอย่างระมัดระวัง แล้วเดินไปยังหน้าต้นพุทราในสวน
มันเป็นตอนที่เขายังเด็กมาก แม่เป็นคุณปลูกมัน เขาจำไม่ได้ว่าอายุเท่าไร
มันเป็นฤดูหนาว ต้นพุทราโกร๋นไม่มีใบ ที่ใต้ต้นแม้แต่ใบเหี่ยวก็ไม่มี เพราะในสวนมีแม่บ้านทำความสะอาดทุกวัน
ข้างหลังมีเสียงฝีเท้าดังมา
ฉับพลันเสียงของซือเฉิงหยู้ก็ดังขึ้น “คนอื่นๆ ต่างบอกว่าเราสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สนิทกันมาก พวกเขาก็แค่มองจากภายนอกเท่านั้น สองคนมีรูปร่างความสูงพอๆ กัน เมื่อมายืนเทียบกันก็รู้สึกว่าสูสี”
ซือเฉิงหยู้หัวเราะ น้ำเสียงอ่อนโยนเป็นปกติ “เพื่อมู่น่อนน่อน นายถึงกับยกเลิกสัญญากับฉัน แถมยังจ้างพวกสร้างกระแสโซเชียลมาโจมตีเล่นสกปรกกับฉัน ความรู้สึกทางพี่น้องของเรามันก็แค่นี้”
เฉินถิงเซียวไม่แม้แต่กะพริบตา และไม่เคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น “เพื่อมู่หวั่นชี แม้แต่ศักดิ์ศรีก็เหยียบย่ำได้ นายมันก็แค่นี้”
นายมันก็แค่นี้
คำพูดนี้มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหูของซือเฉิงหยู้
การแสดงออกของเขากลายเป็นความดุร้ายในฉับพลัน “นายมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกฉัน”
แต่เฉินถิงเซียวยังคงไร้อารมณ์เช่นเดิมไม่เปลี่ยน “ฉันดูถูกนายจริง ถ้าอยากจัดการกับฉันมากนัก ก็พุ่งเข้ามาที่ฉันเลย อย่ายุ่งกับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์”
ที่มู่หวั่นชีจะขับรถชนมู่น่อนน่อน เพราะได้รับการกระตุ้นจากซือเฉิงหยู้
ซึ่งเพราะเรื่องนี้ จึงทำให้เฉินถิงเซียวโกรธมาก
“อีกอย่าง เรื่องที่หาพวกสร้างกระแสมาเล่นสกปรกกับนาย ฉันไม่จำเป็นต้องทำเลย ที่ออกจากบริษัทเสิ้งติ่งไป นายคิดว่านายเป็นใคร นายมันก็แค่ซือเฉิงหยู้เท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าคนพวกนั้นคิดจะทำอะไรกับนาย”
ในน้ำเสียงของซือเฉิงหยู้ไม่ได้ฟังดูเหยียดหยามแม้แต่น้อย แต่ซือเฉิงหยู้กลับรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวเหยียดหยามเขา
ซือเฉิงหยู้กำกำปั้น พูดอย่างกดความโกรธว่า “คุณอาให้ฉันไปบริษัทเฉินซื่อ!”
เฉินถิงเซียวตอบบางเบา “แล้วแต่นาย”
เมื่อเขาพูดจบก็ก้มหน้ามองดูเวลา
การงีบหลับของมู่น่อนน่อนมักใช้เวลา 40 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้เขาจะสูบบุหรี่และจะกลับไป เพราะเธอใกล้ตื่นแล้ว
เฉินถิงเซียวหยิบเอากล่องบุหรี่ออกมาจุดบุหรี่โดยไม่สนใจใคร
ซือเฉิงหยู้เห็นเฉินถิงเซียวเมินเขา ก็ไม่อยู่ให้ตัวเองต้องอับอายอีกต่อไป มองซือเฉิงหยู้เขม็งก่อนจะหันหลับเดินจากไป
ซือเฉิงหยู้นั้นเพราะเรื่องของแม่ จึงกลายเป็นคนเงียบขรึมและเข้าถึงได้ยากตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ต่อมาเพราะเฉินเจียฉิน เขาถึงได้ค่อยๆ สนิทกับเฉินถิงเซียวขึ้นมาบ้าง
และหลังจากนั้นเฉินถิงเซียวได้เปิดบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ เขาได้เข้าร่วมกับเสิ้งติ่ง ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงสนิทไปอีกก้าว
เมื่อสิบปีก่อน เขาก็เป็นแค่คนที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะเท่านั้น
ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยรุ่นส่วนใหญ่เป็นเด็กดีเชื่อฟัง ซึ่งในวัยเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีพฤติกรรมต่อต้านมากกว่า
ดังนั้นเขาจึงเข้าสู่วงการบันเทิงโดยแบกตระกูลไว้บนหลัง
ตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ไม่ได้มีจุดประสงค์ และไม่ได้รักแนวนี้ ในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดว่าเฉินถิงเซียวจะทำให้บริษัทเสิ้งติ่งยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตไม่สามารถคาดเดาได้
มันเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะเข้าสู่วงการบันเทิงเลย แต่กลับเหยียบเข้าไปเป็นสิบปี
และหลังจากบริษัทเสิ้งติ่งดำเนินการผ่านไปสิบปี ก็ได้กลายเป็นผู้นำในธุรกิจบันเทิง
สิบปี ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเฉินถิงเซียวแข็งแกร่งมากขึ้น
ถ้า…
บนโลกนี้ไม่มีถ้า
ณ เวลานี้ ซือเฉิงหยู้เดินไปถึงประตูหน้าห้องของตัวเองแล้ว
เขาเปิดประตูเข้าไปแล้วล็อคประตู เดินตรงไปที่ตู้เซฟ เอากุญแจออกมาเปิดตู้เซฟ
ภายในมีรายงานการทดสอบดีเอ็นเอสองครั้งนอนอยู่เงียบๆ
เขากระตุกมุมปากยกยิ้มเย็นชามาก
เขาเอาใบตรวจดีเอ็นเอสองครั้งออกมา เข้าไปในห้องน้ำ ที่หน้าอ่างล้างมือ จุดไฟแช็กบนรายงานการตรวจดีเอ็นเอสองครั้ง
เขาเฝ้าดูการตรวจดีเอ็นเอสองครั้งที่ทำให้ชีวิตของเขาจมดิ่งลงสู่นรกถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน เปิดก๊อกน้ำด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ปล่อยให้น้ำชะล้างขี้เถ้าสีเทาดำออกไป
ชีวิตคนมันน่าเบื่อจริงๆ
เหมือนว่าสิ่งที่เขาคิดอย่างจริงจังมาเป็นยี่สิบแปดปี ในที่สุดก็เป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น
หึ
……
เฉินถิงเซียวสูบบุหรี่แค่สองทีก็ดับมัน
เขาเหลือบมองไปยังทิศทางที่ซือเฉิงหยู้ไป ก่อนจะหันหลังเดินไป
แวบหนึ่งโดยบังเอิญ เขาเห็นร่างตะคุ่มๆ อยู่ข้างพุ่มไม้เขียวชอุ่ม
เฉินถิงเซียวก้าวกว้างเข้าไป ก็เห็นว่าเฉินเจียฉินกำลังเตรียมจะแอบวิ่งหนี
“ยังจะหนีอีกเหรอ” เฉินถิงเซียวหรี่ตามองพลางพูดเสียงเย็น
เฉินเจียฉินรีบหันกลับมายิ้มประจบ “ญาติผู้พี่”
“มาซ่อนทำอะไรที่นี่”
“เปล่า เปล่าทำอะไรครับ”
“หืม”
เฉินถิงเซียวทำสายตาคลางแคลงใจบังคับให้เฉินเจียฉินพูดความจริงออกมา
“ก่อหน้านี้ผมผ่านมา แล้วเห็นคุณกับพี่ใหญ่อยู่ที่นี่ หลังจากนั้นก็…” จึงอดจะมาแอบฟังอยู่ที่นี่ไม่ได้
จากบทสนทนาระหว่างเฉินถิงเซียวกับซือเฉิงหยู้ เฉินเจียฉินได้ยิน ทั้งสองคนแตกหักกันโดยสิ้นเชิงแล้ว
เฉินเจียฉินเศร้าเล็กน้อย พูดเสียงเบาว่า “คุณกับพี่ชายผม ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ครับ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าพวกคุณยังดีๆ กันอยู่เหรอครับ…”
เฉินถิงเซียวไม่อยากให้เฉินเจียฉินสนใจกับปัญหานี้ แต่ว่าเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าของเฉินเจียฉิน เขาจึงเกิดประกายในแววตา และพูดอีกประโยคหนึ่งว่า “เรื่องนี้ต้องถามพี่ชายนาย”
เฉินเจียฉินมองเขาด้วยสีหน้าสับสน เรื่องบนอินเตอร์เน็ตก็รู้มาบ้าง แต่ก็ไม่เข้าใจ
เฉินถิงเซียวรู้สึกว่าเด็กผีนี่น่ารำคาญมาก
แต่ก็ยังอดทนอธิบายกับเขา “ที่มู่น่อนน่อนเป็นฮ็อตเซิร์ชกับเขา ทุกอย่างถูกเขาจัดวางไว้ หลังจากนั้นเรื่องที่เธอถูกคนด่าว่ามีเป็นชู้ ก็เป็นเขาที่จัดการ…”
ช่วงนั้นที่เฉินเจียฉินไปอยู่กับซือเฉิงหยู้ สิ่งเหล่านี้ก็มีให้เห็นบนอินเทอร์เน็ต ตอนนั้นเขายังพูดล้อให้มู่น่อนน่อนคบกับพี่ชายเขาอยู่เลย
“ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นครับ”
“นายต้องไปถามเขา”
เฉินถิงเซียวไม่ได้บอกเรื่องที่ซือเฉิงหยู้ยุยงให้มู่หวั่นชีขับรถชนมู่น่อนน่อน
เฉินเจียฉินยังเด็กเกินไป ถึงแม้ว่าเขาจะน่ารำคาญ แต่เขากลับเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กดี
เฉินถิงเซียวถอนหายใจเล็กน้อยแทบไม่ได้ยิน ลูบศีรษะเฉินเจียฉิน “กลับห้องไปเถอะ ข้างนอกมันหนาว”
เขาเดินไปสองก้าว ก็ถูกเฉินเจียฉินเรียกไว้ “ญาติผู้พี่ครับ”
เขาหันหน้ามา เห็นเฉินเจียฉินขมวดคิ้วพลางพูดว่า “ก่อนที่เรื่องอื้อฉาวระหว่างเขากับพี่น่อนน่อนจะร้ายแรงขึ้นมา เขาไปโรงพยาบาลหลายครั้งครับ แต่ว่าตอนนั้นเขาไม่ได้ป่วย เหมือนกับว่ากำลังตรวจสอบบางสิ่ง”
เฉินถิงเซียวสีหน้าเย็นชา แล้วจากนั้นก็พยักหน้า