ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 262 คุณปู่ตื่นแล้ว
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่มู่น่อนน่อนแกล้งสลบไปโรงพยาบาล ก็หาโอกาสออกไปไม่ได้อีกเลย
เฉินถิงเซียวยังเอาหมอมาไว้ในคฤหาสน์เพื่อดูแลเธอโดยเฉพาะ
รอบๆคฤหาสน์ก็มีบอดี้การ์ดล้อมอยู่ ทำเหมือนว่ากำลังเฝ้าคนร้ายเลย มู่น่อนน่อนหนีออกไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
และเฉินถิงเซียวก็แทบจะไม่เคยกลับมาเลย
จนกระทั่งเช้าวันที่เจ็ด มู่น่อนน่อนตื่นขึ้นมา ก็เห็นเฉินถิงเซียวนั่งอยู่บนโซฟา
สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เขานอนพิงอยู่บนโซฟา หายใจเบามาก ทั้งตัวดูเหมือนสงบมาก
ในห้องแม้จะเปิดฮีตเตอร์แล้ว แต่ถ้าไม่ห่มผ้ายังไงก็หนาวอยู่ดี และเฉินถิงเซียวใส่แค่เสื้อเชิ้ตและชุดสูทบางๆ
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นจากเตียง แล้วไปหยิบผ้ามาคลุมให้เขา
แต่ว่า เธอเพิ่งโน้มตัวลงไปวางผ้าไปที่บนตัวเขา เขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมาทันที
สบเข้ากับดวงตาที่มืดมนของเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนใจสั่นคลอนอย่างควบคุมไม่ได้: “นายตื่นแล้วเหรอ”
มู่น่อนน่อนพูดอยู่นั้น ก็ลุกขึ้นมา
เฉินถิงเซียวเอาผ้าบนตัวออกและโยนไปข้างๆ นั่งตัวตรงยืดเส้นยืดสาย และนวดระหว่างคิ้วเบาๆ สักพักเขาก็ถึงพูดว่า: “เมื่อคืนคุณปู่ตื่นแล้ว”
มู่น่อนน่อนอึ้ง: “นายว่าคุณปู่ตื่นแล้วเหรอ?”
เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมองเธอ พูดด้วยสีหน้ายากที่จะอธิบาย: “อย่าเพิ่งดีใจไป เขายังไม่รู้จักใครเลย”
ท่านปู่เฉินตื่นแล้ว มู่น่อนน่อนก็ต้องดีใจอยู่แล้วสิ
ยังมีอีกเรื่องก็คือ ถ้าท่านปู่เฉินฟื้นขึ้นมาได้ งั้นก็พิสูจน์ได้ว่ามู่น่อนน่อนไม่ได้ผลักเขาลงไปในตอนนั้น
แต่ว่า คำพูดของเฉินถิงเซียวกลับทำให้มู่น่อนน่อนต้องผิดหวังอีกครั้ง
“หมายความว่ายังไง?”
“แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วไปโรงพยาบาลกัน”
เฉินถิงเซียวพูดจบ ก็ลุกขึ้นไปห้องอาบน้ำ
……
มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวไปโรงพยาบาลด้วยกัน
ห้องของท่านปู่เฉินมีคนยืนอยู่เต็มเลย แต่กลับเงียบมาก
พอเห็นเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนเข้ามา คนพวกนั้นก็ถอยออกไปเปิดทางให้พวกเขาเดินเข้าไป
มู่น่อนน่อนเดินตามหลังเฉินถิงเซียว พอเดินเข้าไปใกล้ เธอก็ถึงเห็นอาการของท่านปู่เฉิน
ท่านปู่เฉินตื่นแล้วก็จริง
คนรับใช้กำลังป้อนน้ำให้เขา
“คุณท่านคะ ดื่มน้ำค่ะ” คนรับใช้ยื่นหลอนไปใกล้ๆปากของท่านปู่เฉิน
ท่านปู่เฉินเหมือนจะไม่ได้ยิน เอียงหน้าออกไปไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ปากก็เผยอยิ้มออกมา และยังมีน้ำลายไหลออกมาจากปากอีก
เฉินถิงเซียวที่อยู่ข้างๆก็ด่าด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ป้อนน้ำเรื่องเล็กแค่นี้ก็ยังทำไม่ได้งั้นเหรอ?”
คนรับใช้ถูกเฉินถิงเซียวด่าแบบนี้ ก็ตกใจจนตัวสั่นเทา จากนั้นก็ถึงยัดหลอดเข้าไปในปากท่านปู่เฉินได้
ท่านปู่เฉินอมหลอนไว้ ดูดไปสองคำ ก็เหมือนเด็กเล็กที่เพิ่งหัดดื่มน้ำด้วยหลอด
มู่น่อนน่อนมองท่านปู่เฉินด้วยแววตาที่ตกตะลึง เธอหันไปมองเฉินถิงเซียวอย่างไม่อยากจะเชื่อ และถามด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า: “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”
“ตื่นมาก็เป็นแบบนี้แล้วล่ะ” ใบหน้าของเฉินถิงเซียวไม่มีอารมณ์ใดๆ สีหน้าเขาดูใจเย็นมาก เดาไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ขอบตาของมู่น่อนน่อนแดงระเรื่อขึ้นมา เธอนั่งลงข้างๆเตียง เรียกท่านปู่เฉินด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน: “คุณปู่คะ?”
ท่านปู่เฉินไม่รู้สึกตัวอะไรเลย
เธอก็พูดขึ้นอย่างไม่ตายใจอีกว่า: “คุณปู่คะ หนูเองค่ะ น่อนน่อนเอง”
ท่านปู่เฉินเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ปากก็พึมพำอะไรสักอย่าง เขาไม่สนใจใครเลย
“พอแล้ว!”
เฉินจิ่งหยุ้นที่เงียบมาตลอด ในตอนนี้เองก็ยืนออกมา พูดกับมู่น่อนน่อนด้วยใบหน้าที่เย็นชา: “ไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นห่วงคุณปู่ตรงนี้เลย ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
มู่น่อนน่อนมองไปที่เฉินจิ่งหยุ้น สูดน้ำมูกและพูดกับท่านปู่เฉินเสียงเบาว่า: “คุณปู่คะ หนูไปก่อนนะคะ ครั้งหน้าหนูค่อยมาใหม่ค่ะ”
ท่านปู่เฉินที่ไม่มีการตอบรับใดๆ ในตอนนี้เองก็กลับหัวเราะ “แหะๆ” ออกมา
มู่น่อนน่อนกลืนน้ำลายลงไปอย่างยากลำบาก เธอลุกขึ้นและเดินออกไปด้านนอก
เฉินจิ่งหยุ้นก็เดินตามออกไป
เฉินถิงเซียวก็เดินตามหลังมาเหมือนกัน
พวกเขาเดินไปจนถึงมุมที่ไม่มีคน
มู่น่อนน่อนเดินอยู่ตรงหน้าเฉินจิ่งหยุ้น ทั้งสองหยุดเดิน เฉินจิ่งหยุ้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “มู่น่อนน่อน เห็นคุณปู่เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าเธอยังมีหัวใจอยู่ ก็อย่าโกหกอีกเลย ใครเป็นคนผลักคุณปู่กันแน่!”
“ฉันไม่ได้ผลักนะ” มู่น่อนน่อนสบตาเธอกลับด้วยความบริสุทธิ์ใจ และพูดอย่างเด็ดขาดว่า: “ถึงแม้เธอจะถามเป็นร้อยครั้งพันครั้ง คำตอบของฉันก็ยังเหมือนเดิม”
“ได้!” เฉินจิ่งหยุ้นหัวเราะเย็นชา: “ถึงตอนนั้น ถ้าตรวจสอบได้ว่าเธอเป็นคนผลักคุณปู่จริง เธอก็ไปอยู่ในคุกตลอดชีวิตเถอะ!”
เธอพูดจบก็สะบัดมือออกไปทันที
ตอนที่เฉินจิ่งหยุ้นเดินผ่านเฉินถิงเซียว เธอก็หยุดเดินและพูดว่า: “เฉินถิงเซียว เรื่องของคุณปู่พวกเราจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน หวังว่าตอนความจริงเปิดเผย ผู้หญิงของนายจะยังบริสุทธิ์อยู่”
เฉินถิงเซียวทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ เขาไม่มองเธอด้วยซ้ำ แถมยังเดินผ่านเธอไปเหมือนไม่รู้จัก และไปหยุดอยู่ตรงหน้ามู่น่อนน่อน
“หมอว่ายังไงบ้าง? คุณปู่จะยังหายดีเป็นปกติได้อยู่ไหม?” ตอนนี้เองเรื่องที่มู่น่อนน่อนกังวล มีแค่สุขภาพของท่านปู่เฉินเท่านั้น
เฉินถิงเซียวมองเธอและพูดว่า: “อาจจะหายดี”
ความหมายก็คือการจะท่านปู่เฉินจะหายดีมีความเป็นไปได้ต่ำมาก
มู่น่อนน่อนกอดอก กุมขมับและพูดว่า: “ทางตำรวจเป็นยังไงแล้วบ้าง?”
เฉินถิงเซียวพูดกับเธอสามคำว่า: “ต้องรอข่าว”
มู่น่อนน่อนถามตรงๆไปเลยว่า: “ถ้าข่าวบอกว่าพวกเราคิดว่าฉันเป็นคนร้ายล่ะ?”
“งั้นเธอก็ต้องรับการลงโทษจากกฎหมาย” น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวเยือกเย็นและโหดร้าย
มู่น่อนน่อนตะลึง เธอพยายามทำใจให้สงบ: “นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้ผลักคุณปู่”
เฉินถิงเซียวยังคงมีสีหน้าเย็นชาอยู่: “ฉันไม่รู้”
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปาก เธอผลักเฉินถิงเซียวและวิ่งออกไปอย่างเร็ว
เฉินถิงเซียวอึ้งไปสองวินาที จากนั้นก็ถึงตามไป: “มู่น่อนน่อน หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เรื่องของท่านปู่เฉินทับอยู่ในใจมู่น่อนน่อน เหมือนก้อนหินที่หนักอึ้ง ทำให้เธอเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก
แต่ดูเฉินถิงเซียวพูดสิ เขาทำให้หินก้อนนี้หนักขึ้นกว่าเดิม
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตัวเองไม่อยากอยู่ในโรงพยาบาลนี้แล้ว ถ้าอยู่ต่อเธออาจจะบ้าตายก็ได้
รถของเฉินถิงเซียวจอดอยู่หน้าโรงพยาบาล มู่น่อนน่อนวิ่งออกจากโรงพยาบาลแล้วขึ้นรถ ขับรถของเขาออกไปทันที
ตอนที่เฉินถิงเซียวตามออกมา ก็เห็นแค่ท้ายรถที่ขับออกไปแล้ว
เขากัดฟันกรอด เตะกระถางดอกไม้ข้างๆแรงๆ
บอดี้การ์ดเห็นเฉินถิงเซียว ทุกคนก็รีบวิ่งเข้ามา: “คุณชายครับ!”
เฉินถิงเซียวหันหน้าไปด่าตะคอกด่าพวกเขาว่า: “ไม่เห็นหรือไงว่าคุณนายน้อยขับรถหนีไปแล้ว? ยังไม่รีบตามไปอีก!”
มู่น่อนน่อนอารมณ์อ่อนไหวง่าย แถมตอนนี้เธอยังท้องอีก เขากลัวเธอจะเป็นอะไรไปจริงๆ
บอดี้การ์ดขับรถมา เฉินถิงเซียวผลักบอดี้การ์ดไปข้างๆ ตัวเองขึ้นไปนั่ง และรีบตามมู่น่อนน่อนไปทันที
มู่น่อนน่อนแม้จะอารมณ์อ่อนไหว แต่เธอก็ยังระวังตัวเองอยู่ ไม่ได้หุนหันพลันแล่น
ไม่นาน เขาก็ตามมู่น่อนน่อนจนทัน