ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 266 ฉันถามว่ามู่น่อนน่อนอยู่ไหน!
ความรักของเธอกับเฉินถิงเซียว ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่เท่าเทียมกันอยู่แล้ว
เฉินถิงเซียวเป็นคนชอบควบคุมคน และเขาก็ทำแบบนี้กับเธอเหมือนกัน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจำกัดความเป็นอิสระของเธอแล้ว
ไม่ว่าจะมีเรื่องของท่านปู่เฉินหรือไม่ ระหว่างเธอกับเฉินถิงเซียวก็ชอบมีปัญหากันตลอด
แทนที่จะรอการพิจารณาคดีที่ไม่แน่นอน ปล่อยให้เธอออกไปค้นหาความจริงด้วยตัวเองดีกว่า
แม้ตระกูลเฉินจะมีอำนาจมาก เธอสู้กับตระกูลเฉินก็เหมือนกับมดสู้กับช้าง แต่เธอเชื่อว่าความจริงจะต้องถูกเปิดเผยในสักวันแน่
……
บริษัทเฉินซื่อ
หลังจากที่ท่านปู่เฉินตื่นมาแล้ว เฉินถิงเซียวก็เริ่มจัดการเรื่องในตระกูลเฉิน จากนั้นก็หาเวลาว่างไปเยี่ยมท่านปู่เฉินที่โรงพยาบาล
สิบโมง เขาเพิ่งประชุมเสร็จออกมา ก็ได้รับสายจากบอดี้การ์ด
“คุณชาย คุณนายน้อยก็ทั้งทุบของ แล้วยังไล่คนรับใช้ทั้งหมดออกไปจากคฤหาสน์อีก”
มู่น่อนน่อนทำลายข้าวของอีกแล้วเหรอ?
ในอินเทอร์เน็ตบอกว่าเวลาผู้หญิงท้องจะอารมณ์อ่อนไหวและหุนหันพลันแล่น
เฉินถิงเซียวเงียบสักพัก ก็พูดว่า: “ปล่อยเธอไป”
บอดี้การ์ดได้ยินคำตอบของเฉินถิงเซียว ก็อดไม่ได้พึมพำ คุณชายตามใจคุณนายน้อยมากจริงๆ
แต่ว่า เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เรื่องของท่านปู่เฉินเป็นฝีมือของคุณนายน้อยจริงเหรอ?
ด้านนอกต่างก็พูดกันว่าคุณนายน้อยเป็นคนทำ
คุณชายเหมือนจะสงสัยคุณนายน้อย แต่จากการกระทำของคุณชายแล้ว คุณชายไม่ได้ทารุณคุณนายน้อยเพราะเรื่องของท่านปู่เฉินเลย
ช่างเถอะ คิดไม่ได้ก็ไม่ต้องคิดแล้ว
เฉินถิงเซียววางสายไป ก็เดินไปที่ห้องทำงานตัวเอง
ห้องประชุมกับห้องทำงานประธานก็ห่างกันแค่สิบเมตร เขาเดินได้สักพัก ผู้ช่วยก็เอาเอกสารเร่งด่วนมาให้เขาเซ็นสองฉบับ
เขาถือเอกสาร แล้วเดินไปด้วยอ่านไปด้วย
พออ่านเอกสารทั้งสองฉบับเสร็จ ตอนที่เฉินถิงเซียวกำลังจะเซ็นชื่อ ทันใดนั้นก็นึกย้อนคำพูดของบอดี้การ์ด
เฉินถิงเซียวกำลังจะเซ็นชื่อนั้นก็ชะงัก เขาเอาโทรศัพท์ขึ้นมา แต่เพราะมือสั่น ไม่ทันระวังโทรศัพท์ก็ตกลงพื้นไป
มู่น่อนน่อนไม่ใช่คนเอาแต่ใจ และไม่มีนิสัยของลูกคุณหนูด้วย
เธอไม่ได้มีนิสัยที่ทำลายข้าวของเพราะอารมณ์ไม่ดี
ครั้งก่อน เธอบอกว่าทุบของ ก็เพื่อไปขโมยสำเนาทะเบียนบ้านที่ห้องเขา
งั้นครั้งนี้ เธอ “ทำลายข้าวของ” ก็ต้องมีเป้าหมายอื่นอยู่แล้ว
แต่เพราะช่วงนี้มู่น่อนน่อนอารมณ์ไม่ดี ถ้าเธอ “ทำลายข้าวของ” เล็กๆน้อยๆ เฉินถิงเซียวก็คงไม่สนใจ
แต่ว่า เมื่อกี้เขากำลังหวนนึกถึงคำพูดของบอดี้การ์ด
ทำลายข้าวของ แถมยังไล่คนรับใช้ออกจากคฤหาสน์อีก…….
ผู้ช่วยข้างๆที่เห็นแบบนี้ ก็ช่วยเฉินถิงเซียวเห็นโทรศัพท์ขึ้นมา
ผู้ช่วยมาช่วยเฉินถิงเซียวตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในบริษัทเฉินซื่อ ตัวเองถูกยกระดับมาจากระดับล่าง
ในใจเขา เฉินถิงเซียวเป็นคนที่ไม่เคยสติแตกเลย อย่างกับหุ่นยนต์ไม่มีผิด
เห็นท่าทีสติแตกของเฉินถิงเซียว เขาก็คิดว่าตัวเองตาฝาดไปเสียอีก
เขาเอาโทรศัพท์ยื่นให้เฉินถิงเซียว แล้วถามอย่างระวังว่า: “ประธาน เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”
เฉินถิงเซียวกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสันนูน สีหน้าดูเย็นชาจนน่ากลัว
เขาไม่สนใจคำถามของผู้ช่วย แต่รีบกดโทรหาบอดี้การ์ดทันที
โทรศัพท์ปลายสายรับเร็วมาก เขายังไม่ทันได้พูดอะไร ทางปลายสายก็มีเสียงที่ร้อนรนของบอดี้การ์ดดังขึ้น: “คุณชายครับ คุณนายน้อยล็อกประตูคฤหาสน์ทั้งหน้าทั้งหลังเลยครับ พวกเราสงสัยว่าคุณนายน้อยอาจจะกำลังคิดสั้น……”
เฉินถิงเซียวลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเร็ว ตะคอกเสียงดังว่า: “พังประตูเข้าไป! ถ้ามู่น่อนน่อนเป็นอะไรไป! พวกนายก็ไปตายกับเธอด้วย!”
ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆอยู่เงียบๆไม่กล้าพูดอะไรเลย
เฉินถิงเซียวก็ไม่สนใจเขา ถือโทรศัพท์รีบเดินออกไปด้านนอก
เจอเฉินชิงเฟิงที่หน้าประตู
เฉินชิงเฟิงขวางทางเขาไว้: “นายจะไปไหน? ฉันมีธุระมาหานาย”
เฉินถิงเซียวยื่นมือไปผลักเฉินชิงเฟิงออกไป
เขามองเฉินชิงเฟิงด้วยสีหน้าที่ดุร้าย นัยน์ตาของเขาอย่างกับบ่อน้ำลึก ที่หนาวเหน็บจนแทบไม่มีอุณหภูมิเลย
ทั้งสองสบตากันได้ครึ่งวินาที ไม่พูดอะไรกันเลย แต่เฉินชิงเฟิงกลับก็ต้องตะลึงกับแววตาที่ดุร้ายของเฉินถิงเซียว แล้วถอยหลังออกไปอย่างไม่รู้ตัว
ความเกลียดเหรอ?
ต่อมา เฉินถิงเซียวละสายตาออก พูดอย่างเย็นชาว่า: “ที่บ้านเกิดเรื่อง ฉันกลับไปก่อน”
ไม่ให้โอกาสเฉินชิงเฟิงได้พูด เฉินถิงเซียวพูดจบก็เดินออกไปทันที
ตอนที่เฉินถิงเซียวรีบขับรถไปถึงที่บ้าน ก็เห็นคฤหาสน์มีควันโขมงสีดำขึ้นเต็มไปหมด
มองดูคฤหาสน์ที่ถูกเผาจนเละเทะไปหมด เฉินถิงเซียวลงรถแล้วก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ ผ่านไปสองวินาที เขาก็ถึงตั้งสติได้ แล้วรีบวิ่งเข้าไปด้านในคฤหาสน์
แต่เขากลับถูกบอดี้การ์ดห้ามไว้ก่อน
“คุณชายครับ ไฟแรงมากนะครับ ตอนนี้ยังเข้าไปไม่ได้……”
เฉินถิงเซียวเมื่อก่อนเคยฝึกต่อยมวยมาก่อน ใครที่ห้ามเขา จะถูกเขาทำร้ายหมด
พวกบอดี้การ์ดไม่กล้าตอบโต้เขากลับ แต่ก็สู้กับเขาไม่ไหวเหมือนกัน
บอดี้การ์ดทุกคนที่มาขวางทางเฉินถิงเซียว สุดท้ายก็ถูกเฉินถิงเซียวทำร้ายจนไปนอนกองกับพื้น
เฉินถิงเซียวก็พุ่งเข้าไปได้
ไฟเผาคฤหาสน์จนไม่มีชิ้นดี
เข้าไปในห้องโถงก็ร้อนจนแทบจะย่างคนได้
สือเย่ตอนนี้ก็ตามมาด้วยเหมือนกัน
เขาพุ่งเข้าไป รีบดึงตัวเฉินถิงเซียวไว้: “คุณชาย เข้าไปไม่ได้นะครับ!”
เฉินถิงเซียวตอนนี้ไม่ฟังใครทั้งนั้น เขาสะบัดมือสือเย่ออกไป
ยังไงสือเย่ก็รู้จักกับเฉินถิงเซียวมานานกว่าใคร คำพูดของเขาก็มีน้ำหนักกว่า ตอนที่เขามาก็เอาบอดี้การ์ดมาเหมือนกัน แล้วก็ส่งซิกทางสายไปให้บอดี้การ์ด
บอดี้การ์ดตอบรับ แล้วใช้มือฟาดลงไปที่หลังคอของเฉินถิงเซียว ร่างสูงโปร่งของเฉินถิงเซียวล้มลงไปทันที
สือเย่สั่งคนให้ลากตัวเฉินถิงเซียวออกไปล็อกไว้ที่รถ
แม้จะถูกฟาดจนสลบแล้ว เฉินถิงเซียวก็ยังคงขมวดคิ้วเป็นปม ระหว่างคิ้วเป็นปมที่ไม่อาจคลายไปได้
รถดับเพลิงมาเร็วมาก แต่สถานการณ์ไฟที่คฤหาสน์รุนแรงเกินไป ต้องใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าจะดับไฟได้
และคฤหาสน์ที่เคยสวยและหรูหรา ก็ถูกไฟเผาจนเละเทะ ไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย
สือเย่นำกำลังคนเข้าไปในคฤหาสน์
คฤหาสน์ถูกเผาจนไม่มีเค้าโครงเดิม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตามหาคนเลย
ตอนนี้เอง เฉินถิงเซียวก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
บอดี้การ์ดก็ไม่กล้าล็อกเขาไว้อีก เลยปล่อยตัวเขาออกมา
เฉินถิงเซียวดวงตาแดงก่ำ เหมือนราชสีห์ที่บ้าคลั่ง กระชากคอเสื้อบอดี้การ์ดที่ปล่อยตัวเขาออกมา แล้วถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า: “มู่น่อนน่อนล่ะ?”
“คือว่า……คุณนายน้อย……” บอดี้การ์ดเห็นเฉินถิงเซียวเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรเลย
เฉินถิงเซียวกระชากคอเสื้อเขาไว้แน่น หลังมือมีเส้นเลือดนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เขาตะคอกเสียงดังว่า: “ฉันถามว่ามู่น่อนน่อนอยู่ไหน!”
บอดี้การ์ดตะกุกตะกักพูดไม่ออกเลยสักคำ
เฉินถิงเซียวสะบัดตัวเขาออกไป แล้วพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์
สือเย่กำลังนำกำลังคนตามหามู่น่อนน่อนอยู่
แม้เขาจะรู้ดี ถ้าตอนที่ไฟไหม้มู่น่อนน่อนยังอยู่ข้างในนั้น หลังจากที่ไฟไหม้ใหญ่ขนาดนั้น คงจะถูกเผาเป็นผงธุลีแล้วล่ะ
แต่ว่า ยังไงเขาก็จะต้องหาให้เจอ
สือเย่เห็นเฉินถิงเซียวพุ่งเข้ามา ก็รีบเดินไปหาเขา
“คุณชาย!”
เฉินถิงเซียวชกไปที่หน้าสือเย่แรงๆ
แรงของเฉินถิงเซียวเยอะมาก สือเย่ถูกเขาชกจนกระเด็นออกไปไกล เฉินถิงเซียวรีบเดินไป แล้วชกลงไปอีกครั้ง