ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 267 ออกจากเมืองหู้หยาง
สือเย่เจ็บจนสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้เขากลับ ปล่อยให้เฉินถิงเซียวต่อยตัวเองไป
กู้จื่อหยั่นตามมาในเวลานี้ เขาคว้าข้อมือเฉินถิงเซียวไว้: “ถิงเซียว นายใจเย็นหน่อยสิ!”
ตอนนี้เฉินถิงเซียวเสียสติไปแล้ว เขาไม่ฟังคำกู้จื่อหยั่นเลย แล้วต่อยเขาด้วย
ครอบครัวกู้จื่อหยั่นเมื่อก่อนเคยเป็นแก๊งมาเฟีย กู้จื่อหยั่นก็มีฝีมือการชกต่อยที่ไม่เลว แต่ก็รับมือกับแรงชกของเฉินถิงเซียวไม่ไหว
สุดท้าย ทั้งสองถูกต่อยจนเละไปหมด เหนื่อยจนขยับไม่ได้ เลยนอนไปยังพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงสีดำ
ตอนที่ทั้งสองชกกัน สือเย่ไม่ได้ไปห้ามพวกเขา แต่แค่นำกำลังคนค้นหารอบๆบริเวณคฤหาสน์
เหมือนที่คาดเดาไว้เลย ไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่เลย
ไฟไหม้ครั้งนี้เผาได้สะอาดมาก
สือเย่เดินไปข้างๆเฉินถิงเซียว พูดเสียงเบาและแหบว่า: “หาคุณนายน้อยไม่เจอ”
สือเย่พูดจบ ก็เตรียมพร้อมสำหรับการโดนชกแล้ว
แต่ไม่เหมือนกับที่เขาคาดเดาไว้
เฉินถิงเซียวได้ยินคำพูดของเขา กลับชะงักค้างไปเลย เขาจ้องมองเพดานที่ดำปี๋นิ่งๆ เหมือนไม่ได้ยินคำพูดของสือเย่
สือเย่หันไปมองกู้จื่อหยั่น
กู้จื่อหยั่นยื่นมือไปเช็ดมุมปากตัวเอง ลุกขึ้นมาอย่างลำบากแล้วถ่มน้ำลายที่เต็มไปด้วยเลือดบนเศษผง: “อย่าไปสนใจมัน ให้มันบ้าต่อไป ให้ตายสิ! ฉันลุกไม่ได้ขึ้นเนี่ย สือเย่มาช่วยฉันหน่อย……”
สือเย่รีบเข้าไปพยุงตัวกู้จื่อหยั่นขึ้นมา
กู้จื่อหยั่นโซเซไปมาถึงจะยืนได้นิ่ง
เมื่อกี้เฉินถิงเซียวต่อยแรงเกินไปแล้ว ถ้าเขาไม่เคยฝึกมวยมา ยังสามารถต่อยกับเฉินถิงเซียวได้ ไม่งั้นคงได้เข้าไอซียูแน่
กระทบถึงบาดแผล กู้จื่อหยั่นก็สูดหายใจ ‘ซี้ด~’ เข้าลึกๆ แล้วกระซิบข้างหูสือเย่ว่า: “ปล่อยให้คุณนายของนายใจเย็นลงก่อน อย่าเพิ่งไปสนใจเขา”
สือเย่แม้จะไม่วางใจ แต่ก็พยักหน้าตกลง
กู้จื่อหยั่นถูกสือเย่พยุงออกไปด้านนอก ก็เห็นพวกนักข่าวกำลังหันหลังไลฟ์สดคฤหาสน์ที่ถูกเผาจนไม่มีชิ้นดี
กู้จื่อหยั่นรีบอ้อมเข้าไปทางอื่นแล้วขึ้นไปนั่งบนรถ
แต่สือเย่ก็ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น
นักข่าวเหลือบไปเห็นสือเย่ ก็รีบล้อมวงกันเข้ามา
“ขอถามหน่อยค่ะคุณคือลูกน้องของคุณชายเฉินใช่ไหมคะ? คุณนายน้อยยังอยู่ด้านในไหมคะ? เธอฆ่าตัวตายเพราะรู้สึกผิดใช่ไหมคะ?”
“เมื่อกี้ฉันเห็นคุณชายเฉินเข้าไป เขาเข้าไปทำอะไรกันครับ แล้วจะออกมาเมื่อไหร่ครับ?”
“ได้ยินว่าคุณนายน้อยได้รับจดหมายศาลวันนี้ เธอเลยตัดสินใจฆ่าตัวตายหรือเปล่าคะ หรือนี่ก็พิสูจน์ได้ว่า เธอผลักท่านปู่เฉินตกบันไดไปจริงๆ?”
“……”
คำถามของนักข่าวมีแต่มู่น่อนน่อน แต่ละคำถามแรงขึ้นอย่างลำดับเรื่อยๆ
สือเย่แค่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ยังบอกไม่ได้ครับ”
ต่อมา ก็มีบอดี้การ์ดมาไล่พวกนักข่าวออกไป
……
หมู่บ้านในเมืองทางเหนือของเมืองหู้หยาง ภายในร้านบะหมี่เก่าๆร้านหนึ่ง
มู่น่อนน่อนนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะอาหาร ด้านหน้ามีบะหมี่ไข่ที่ยังร้อนๆอยู่ตรงหน้าเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมองข่าวที่กำลังออกในโทรทัศน์
“วันนี้ตอนเที่ยง เมืองเรามีคฤหาสน์หลังหนึ่งเกิดเพลิงไหม้ขึ้น ตามข้อมูลที่ได้มา คฤหาสน์หลังนี้เป็นบ้านของเฉินถิงเซียวทายาทของบริษัทเฉินซื่อ……”
ต่อมาภาพก็เปลี่ยนไป เป็นภาพของนักข่าวที่กำลังสัมภาษณ์ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น
มองตามภาพนั้น มู่น่อนน่อนก็เห็นคฤหาสน์ที่เคยหรูหรามาก่อน กลายเป็นสภาพที่เละเทะจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย
กล้องถ่ายไปที่สือเย่
สือเย่ที่สวมชุดสูทสะอาดสะอ้านมาตลอด ในกล้องเขากลับผมเผ้ายุ่งเหยิงตัวเต็มไปด้วยฝุ่นดำท่าทางดูไม่ได้เลย
มู่น่อนน่อนคิด สือเย่คงนำกำลังคนเข้าไปตามหาเธอในคฤหาสน์ ถึงได้เป็นแบบนี้
ปล่อยให้นักข่าวถามคำถามที่โหดร้าย สือเย่แค่ตอบอย่างใจเย็นและเย็นชาว่า: “ยังบอกไม่ได้ครับ”
คนของเฉินถิงเซียว แต่ละคนจะแตะต้องไม่ได้เลย และสือเย่เป็นเพียงผู้ช่วยพิเศษธรรมดาคนหนึ่ง ความสามารถเขาดีกว่าการเป็นแค่ผู้ช่วยเสียอีก
เจ้าของร้านบะหมี่มีอายุวัยกลางคน
เห็นมู่น่อนน่อนอยู่ในข่าว ก็นั่งอยู่ข้างๆพูดพึมพำว่า: “คนมีเงินพวกนี้ มีเยอะจริงๆเลยนะ ได้ยินว่าเด็กสาวคนนั้นเพิ่งจะยี่สิบกว่าๆเอง? ลูกสาวฉันอายุนี้ก็เพิ่งจะเข้ามหาลัย เห้อ~ น่าเสียดายจริงเชียว……”
มู่น่อนน่อนได้ข่าวแล้ว ก็ยื่นมือไปดึงหมวกแก๊ปของตัวเองลงมา หยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินบะหมี่
พูดขึ้นอย่างไม่สนใจว่า: “ฉันเห็นด้านบนมีคนบอกว่าผู้หญิงฆ่าตัวตายเพราะรู้สึกผิด”
เจ้าของร้านพูดตอบว่า: “มีความผิดแค่ไหนที่ถึงขนาดจะฆ่าตัวตายเลย เธอพูดเรื่องของท่านปู่เฉินสินะ? ได้ยินว่าเขายังไม่ตาย สถานการณ์แบบนี้มากสุดก็คงจำคุกไม่กี่ปี?”
มู่น่อนน่อนกินบะหมี่อีกคำ กวนบะหมี่ในถ้วยแล้วพูดว่า: “ไม่แน่นะ ถ้าเกิดคนของตระกูลเฉินรู้สึกว่าขังเธอไว้ในคุกหลายปี ก็ไม่มีทางดับไฟความแค้นได้ล่ะ? บวกกับอำนาจของตระกูลเฉินอีก สุดท้ายชะตากรรมของสาวน้อยคนนี้ก็ตกอยู่ในมือของคนตระกูลเฉินอยู่ดี ไม่ใช่เหรอ?”
“คงไม่โหดร้ายขนาดนั้นหรอก ไม่ว่ายังไงก็เป็นภรรยาของคุณชายเฉินนี่…….”
มู่น่อนน่อนหัวเราะ ไม่พูดอะไรอีก
มู่น่อนน่อนกินเสร็จแล้ว ก็เอากล่องออกมาจากด้านนอก
เป็นของรักของหวงเฉินถิงเซียว เป็นปากกาในกล่องที่ล็อกอยู่ในลิ้นชักของเขา
เธอน้อยครั้งที่จะเห็นเฉินถิงเซียวหวงของแบบนี้ ก่อนหน้านี้ที่จะราดน้ำมัน เธอคิดแล้วก็อดใจไม่ได้ เลยเอามันออกมาด้วย
รหัสของตู้เซฟง่ายมาก ก็คือวันเกิดของเฉินถิงเซียว เธอลองครั้งเดียวก็ได้แล้ว
มู่น่อนน่อนหัวเราะแล้วจ่ายเงินให้เจ้าของร้าน: “เถ้าแก่เนี้ย เก็บเงินค่ะ”
เจ้าของร้านมาเก็บเงิน: “นี่ รอฉันหาเงินถอนก่อนนะ”
ข้างๆร้านบะหมี่มีที่ส่งไปรษณีย์พอดี
มู่น่อนน่อนถือกล้องเดินออกไป: “ส่งไปรษณีย์ค่ะ”
ด้านหน้าประตูมีกล่องไปรษณีย์วางอยู่เต็มไปหมด เจ้าของร้านไม่เงยหน้าเลยด้วยซ้ำ: “ส่งไปไหน?”
มู่น่อนน่อนดัดเสียงแล้วพูดว่า: “เมืองเดียวกัน ไปที่บริษัทเสิ้งติ่ง”
“สิบหยวน” เจ้าของร้านมองของในมือมู่น่อนน่อน ก็ส่งเอกสารแบบฟอร์มให้เธอกรอก
มู่น่อนน่อนใส่กล่องเสร็จแล้ว ก็เขียนชื่อผู้รับกู้จื่อหยั่นสามคำ สุดท้ายก็เพิ่มตัวอักษรภาษาอังกฤษ “XN” ลงไป
ตัวอักษรเล็กมาก ดูไม่สะดุดตาเลย
เธอเพิ่งเผาคฤหาสน์ไปเองนะ ไม่ใช่เพื่อสร้างเรื่องที่ว่าตัวเองฆ่าตัวเอง แต่เพื่อหนีต่างหาก
เฉินถิงเซียวฉลาดขนาดนั้น คงไม่เชื่อว่าเธอตายแล้ว เหมือนที่ข่าวด้านนอกว่ากันหรอก
ดังนั้น เธอก็ไม่มีอะไรให้ปิดบังแล้วล่ะ
แต่ว่าต่อไป คงต้องพยายามหลบเฉินถิงเซียวแล้วล่ะ
เฉินถิงเซียวจะต้องสั่งคนมาตามหาเธอแน่
และคดีของท่านปู่เฉิน คงจะต้องหยุดเพราะไฟไหม้ที่ทำให้ไม่รู้ว่าเธอตายหรือยัง
ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อยๆไม่สะดุด อยู่ในแผนทั้งหมด
แต่ว่า……
มู่น่อนน่อนยื่นมือไปลูบท้องน้อยของตัวเอง
การอยู่ของเด็กคนนี้กลับทำลายแผนการของเธอทั้งหมดเลย
ตอนนี้ยังเดือนแรกๆอยู่ ฤดูหนาวใส่เสื้อผ้าหนาหน่อยก็คงดูไม่ออกแล้วล่ะ
ผ่านไปหลายเดือน ท้องก็จะเริ่มโตขึ้น ทำอะไรก็คงไม่สะดวกแล้ว
และตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำคือ ออกจากเมืองหู้หยาง ให้เฉินถิงเซียวตามหาตัวเองไม่เจอตลอดไป
เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะหลบการค้นหาของเฉินถิงเซียวได้หรือเปล่า แต่ในเมื่อเธอก้าวออกมาแล้ว ก็หันหลังไม่ได้แล้วล่ะ