ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 270 เมืองหู้หยางก็คือโลกของตระกูลเฉิน
มู่น่อนน่อนขัดขืนเฉินถิงเซียว ไม่ได้ยื่นมือไปโอบคอเฉินถิงเซียวไว้
เฉินถิงเซียวเหมือนจะอารมณ์ดีมาก เลยไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า: “มู่น่อนน่อน เธอเผาคฤหาสน์ของฉัน ก็เพื่อหนีมาสถานที่บ้าๆนี้เหรอ?”
ครั้งนี้มู่น่อนน่อนก็เลือกโรงแรมที่ไม่ต้องใช้บัตรประชาชนก็เข้าอยู่ได้เลย
ดังนั้นสถานที่เลยโทรมไปหน่อย
ที่นี่มีคนหลายประเภท
มู่น่อนน่อนเม้มปากไม่พูดอะไร
แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร ตอนนี้เธอถูกเฉินถิงเซียวจับตัวได้แล้ว ครั้งนี้เธอแพ้แล้ว เธอไม่มีอะไรจะพูดอีก
ตอนบ่าย เธอเห็นห้องโถงโรงแรมเงียบไม่มีคนเลย เจ้าของโรงแรมกับแขกคนอื่นๆก็คงถูกเฉินถิงเซียวไล่ตะเพิดออกไป
เฉินถิงเซียวนำกำลังคนมาไม่น้อย บอดี้การ์ดที่สวมชุดสูทราคาแพง แค่ดูก็รู้แล้วว่ายุ่งไม่ได้ คนทั่วไปต่างก็กลัวพวกเขาหัวหด
รถของเขาจอดอยู่หน้าประตูโรงแรม บอดี้การ์ดรีบเดินไปเปิดประตูให้พวกเขา เฉินถิงเซียวก็อุ้มมู่น่อนน่อนเข้าไปนั่ง
มู่น่อนน่อนนั่งแล้ว ก็ขยับไปนั่งอีกทาง
แต่ไม่นาน เฉินถิงเซียวก็คว้าข้อมือเธอไว้ แล้วลากเธอขยับมาใกล้เขา
มู่น่อนน่อนสู้แรงเฉินถิงเซียวไม่ได้ ทำได้แค่ล้มตัวลงไปที่ตัวเขา
เฉินถิงเซียวกอดเธอเอาไว้ มือข้างหนึ่งโอบเอวอีกข้างก็พยุงหลังหัวเธอไว้ จากนั้นริมฝีปากบางก็บดขยี้ลงไปทันที
เขาประทับริมฝีปากลงไปโดยไม่มีความอ่อนโยนและกระบวนท่าเลย
เขาเอาแต่บดขยี้ลงไปอย่างรุนแรงและบังคับขืนใจเธอ
ต่อมาเขาก็กดหลังหัวมู่น่อนน่อนไว้ กัดริมฝีปากเธอแรงๆ และหายใจถี่ๆ
จนกระทั่งริมฝีปากมู่น่อนน่อนเจ็บเล็กน้อย เฉินถิงเซียวก็ถึงปล่อยเธอออกไป
เธอเม้มปากบางของตัวเอง เธอรู้สึกริมฝีปากของเธอชาและเปื่อยไปหมดแล้ว
มู่น่อนน่อนไม่มีแรงผลักเขา จึงถามอย่างเย็นชาว่า: “ตอนนี้จะกลับเมืองหู้หยางเหรอ?”
“ทำไม ยังอยากเล่นเกมแมวจับหนูกับฉันเหรอ?” เฉินถิงเซียวไม่ได้ปล่อยเธอออกไป เขายังคงกอดเธอไว้แน่น เหมือนกลัวว่าเธอจะหนีไปอย่างงั้น
“ดึกมากแล้ว ฉันเหนื่อยน่ะ ไม่อยากนั่งรถกลับไป” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็หาวด้วยความอ่อนเพลีย
นี่แค่ข้ออ้างเท่านั้น ที่มากไปกว่านั้นคือมู่น่อนน่อนไม่พอใจต่างหาก
เธอไม่อยากถูกเฉินถิงเซียวจับตัวกลับไปแบบนี้
มู่น่อนน่อนคิดได้เลยว่า ตอนนี้ถ้าเธอกลับไปกับเฉินถิงเซียวแล้ว สิ่งที่รอเธออยู่คืออะไร
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแน่นอน เฉินถิงเซียวยังคงควบคุมและสั่งการเธอได้ทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นยังจะควบคุมตัวเองหนักกว่าเดิมด้วย
เธอนึกถึงข่าวที่เห็นในโทรทัศน์ตอนกลางวัน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองเฉินถิงเซียว: “ข่าวนั่นนายให้นักข่าวออกหรือเปล่า?”
คำพูดของมู่น่อนน่อนไม่ค่อยชัดเจน แต่เฉินถิงเซียวกลับรู้ดีว่าเธอพูดอะไรอยู่
เฉินถิงเซียวลูบไล้ใบหน้าของเธอ สีหน้ามีความอ่อนโยนแปลกๆ: “แน่นอนสิ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันปล่อยข่าวออกไป พวกเขาจะกล้าพูดได้ยังไงว่าสะใภ้ตระกูลเฉินเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเพลิงไหม้?”
นักข่าวพวกนั้นไม่ว่าจะมีอำนาจมากแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าหาเรื่องตระกูลเฉินแน่นอน
ในเมืองหู้หยาง ก็คือโลกของตระกูลเฉิน
มู่น่อนน่อนเพิ่งรู้ตัวเมื่อกี้
เฉินถิงเซียวปล่อยข่าวออกไป ให้นักข่าวปล่อยข่าวเรื่องที่ตายในที่เกิดเหตุกันอย่างบ้าคลั่ง งั้นครั้งนี้หลังจากที่เธอถูกเฉินถิงเซียวนำตัวกลับไปแล้ว เขาก็คงมีเหตุผลชัดเจนที่จะควบคุมกักขังฉัน
เพราะยังไง เธอก็เป็นคนที่ “ตาย” ในโลกข้างนอกแล้ว
มู่น่อนน่อนคิดถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ขนลุกซู่
เฉินถิงเซียวรู้สึกได้ถึงร่างกายที่แข็งทื่อของมู่น่อนน่อน สายตามืดมน เหมือนจะรู้ว่ามู่น่อนน่อนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาก้มหน้าลงจูบไปที่หน้าผากเธอเบาๆ และพูดปลอบใจว่า: “คืนนี้ไปนอนที่โรงแรมก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยกลับเมืองหู้หยาง”
มู่น่อนน่อนอยากขัดขืนการสัมผัสของเฉินถิงเซียว
ตัวเธอแข็งทื่อเหมือนกับก้อนหินในอ้อมกอดของเฉินถิงเซียว แต่ก็ต้องปล่อยให้เฉินถิงเซียวพาเธอไปโรงแรม ปฏิเสธอะไรเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ด้วยนิสัยของเฉินถิงเซียว ครั้งนี้มู่น่อนน่อนเผาคฤหาสน์ขนาดนั้น เขาคงโกรธไปนานแล้ว ตั้งแต่ที่เฉินถิงเซียวตามหาเธอจนเจอจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ดุด่าเธอเลยสักคำ นี่ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
มู่น่อนน่อนก็ไม่กล้าทำให้เขาโมโหอีก
……
เฉินถิงเซียวจะต้องพักในโรงแรมที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
ระบบหรือการตกแต่งภายในดีกว่าโรงแรมเล็กๆที่มู่น่อนน่อนไปพักร้อยเท่าพันเท่า
พอเข้าห้องมา มู่น่อนน่อนก็นั่งบนเตียงไม่ขยับตัวเลย
เฉินถิงเซียวถอดเสื้อนอกออก แล้วสั่งเธอว่า: “ไปอาบน้ำ”
มู่น่อนน่อนเหมือนหุ่นยนต์ที่พอเฉินถิงเซียวออกคำสั่ง เธอก็จะไปทำตาม
แต่ว่า เธอเพิ่งก้าวเข้าไปในห้องน้ำ ก็เห็นเฉินถิงเซียวเดินตามมาจากด้านหลัง
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว: “นายจะทำอะไรน่ะ?”
เฉินถิงเซียวแสยะยิ้ม รอยยิ้มนั้นดูไม่มีความอบอุ่นเลย เขาพูดเสียงทุ้มต่ำว่า: “ก็ต้องค่อยเฝ้าเธออยู่แล้ว”
เสียงท้ายประโยคนั้นเบาลง และมีความเยือกเย็นเบาๆ
“ตอนนี้ฉันยังจะหนีไปที่ไหนได้อีกเล่า?” มู่น่อนน่อนหัวเราะ เสียงหัวเราะนั้นมีความประชดประชัน
เฉินถิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า: “ขนาดคฤหาสน์ฉันเธอยังกล้าเผาเลย ยิ่งเป็นโรงแรมนี้อีก?”
มู่น่อนน่อนได้ยินแล้ว ก็อึ้งไปสักพัก
เธอไม่เข้าใจความคิดของเฉินถิงเซียวเลย
คฤหาสน์ของเฉินถิงเซียว เธอกล้าเผามันอยู่แล้ว นั่นเป็นเพียงเพราะว่าเธอคิดว่าเฉินถิงเซียวคงไม่ใส่ใจคฤหาสน์หลังนั้นหรอก
แต่โรงแรมนี้ เธอจะกล้าเผาได้ยังไงล่ะ?
คิดว่าเธอไม่กลัวฟ้ากลัวดิน แล้วยังไม่มีสามัญสำนึกงั้นเหรอ?
มู่น่อนน่อนเห็นเฉินถิงเซียวมีความคิดที่แน่วแน่ ท่าทางเหมือนจะไม่ยอมถอยง่ายๆ เธอก็เลยถอนเสื้อผ้าต่อหน้าเฉินถิงเซียวแล้วเข้าไปอาบน้ำเสียเลย
เธอนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ หันหลังให้เฉินถิงเซียว
แต่ว่า แม้จะหันหลังให้เฉินถิงเซียวยังไง เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาของเฉินถิงเซียวที่มองมายังร่างกายของเธอ เหมือนเป็นไฟที่พร้อมจะแผดเผาเธอได้ทุกครั้ง
มู่น่อนน่อนอาบน้ำให้เสร็จต่อหน้าเขา พออาบเสร็จแล้ว ก็ถูกเฉินถิงเซียวเอาผ้าเช็ดตัวห่อตัวไว้แล้วอุ้มไปที่เตียง
ตอนนี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตู
เฉินถิงเซียวไปเปิดประตู ตอนที่กลับมาในมือก็มีถุงเพิ่มมาหนึ่งใบ
เขาวางถุงไปที่หัวเตียง: “ใส่ซะ”
พูดจบ เขาก็เดินเข้าห้องอาบน้ำไป
มู่น่อนน่อนเปิดดู เห็นว่าด้านในเป็นชุดนอน มีขนนุ่มๆด้านนอกดูแล้วน่าจะใส่สบายน่าดู
มู่น่อนน่อนเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ของตัวเองดี เธอไม่มีสิทธิ์เถียงเฉินถิงเซียว ทำได้แค่ฟังที่เขาพูด
เฉินถิงเซียวอาบน้ำเสร็จออกมา ก็เห็นมู่น่อนน่อนสวมชุดนอนที่เขาเอามาให้อย่างเชื่อฟัง จากนั้นเขาก็ยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ
เขาโน้มตัวลงไปจุ๊บปากมู่น่อนน่อนเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า: “ต่อไปก็ต้องเชื่อฟังเหมือนตอนนี้นะ อย่าทำให้ฉันโกรธอีก”
มู่น่อนน่อนกำหมัดแน่น ไม่ขัดขืนและไม่ตอบโต้
เฉินถิงเซียวมองดูปฏิกิริยาเล็กน้อยนั้นของเธอ แววตาก็เย็นชาลงแต่กลับไม่ได้โกรธอะไร
เขากอดมู่น่อนน่อนเอาไว้: “นอนเถอะ”
สองวันมานี้มู่น่อนน่อนเอาแต่หนี ไม่ก็หลบตรงนั้นตรงนี้ กินอยู่ไม่ดี ในเมื่อเธอปฏิเสธเฉินถิงเซียวในใจ แต่ก็ง่วงนอนมากจริงๆ ไม่นานเธอก็ค่อยๆหลับตาลงนอน
เฉินถิงเซียวมองดูใบหน้าที่หลับสนิทของเธอ สีหน้าของเขาก็มีความบ้าคลั่งขึ้นมา
เธอหนีไม่รอดหรอก