ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 272 ทุกคนต่างมีความลับของตัวเอง
ทันทีที่มู่น่อนน่อนขึ้นรถมาได้ คนขับก็เหยียบคันเร่ง แล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่ในขณะที่ขับค่อนข้างเร็วนั้นรถก็เคลื่อนตัวไปอย่างทุลักทุเลด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้มู่น่อนน่อนรู้สึกแย่อะไร
เธอชะโงกหน้าไปมองคนขับรถ ก็พบว่าเป็นใบหน้าของคนที่เธอไม่รู้จัก
มู่น่อนน่อนเอ่ยถามไปว่า“ใครให้คุณมารับฉัน ?”
“คุณผู้ชายของผมครับ” คนขับตั้งใจอยู่กับการขับรถ แต่ในตอนที่ตอบคำถามเธอ น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความเคารพนบนอบ
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว“คุณผู้ชายของคุณเป็นใคร?”
คนขับไม่ได้ตอบว่าคุณผู้ชายของเขาเป็นใคร พูดแค่เพียงว่า“คุณผู้ชายของผมบอกว่า คุณมู่รู้ว่าเขาเป็นใคร ”
เธอรู้ ?
ป้ายทะเบียนรถคันนี้เธอคุ้นกับมันมากจริงๆ
แต่เธอนึกไม่ออก ว่าเป็นป้ายทะเบียนรถของใคร
มู่น่อนน่อนคิดไปคิดมา คิดถึงคนที่เธอรู้จักทุกคน สุดท้ายหัวสมองก็มีแสงสว่างวาบเข้ามา ในที่สุดก็นึกออกแล้วว่าเจ้าของป้ายทะเบียนรถนี้คือใคร
หลังจากที่รู้ว่าใครเป็นคนช่วยเหลือเธอ ในใจของมู่น่อนน่อนก็สับสนวุ่นวาย
ในตอนนี้เอง จู่ๆคนขับก็พูดขึ้นว่า“ถึงทางแยกหน้าผมจะจอดรถ หลังจากที่คุณมู่ลงไปแล้ว ก็ไปขึ้นรถคันสีขาวอีกคันได้เลยนะครับ”
มู่น่อนน่อนหรี่ตาลงแล้วมองตรงไป ก็เห็นรถสีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ริมถนน
ในใจของเธอค่อนข้างสับสน
คนที่ช่วยเหลือเธอคนนี้ คือคนที่เธอไม่อยากจะข้องเกี่ยวด้วย
แต่คนที่ไล่ตามเธอมาคือเฉินถิงเซียว หากถูกเขาตามมาทัน เธอคงหนีไม่พ้นจริงๆ
หนีให้ไกลจากเฉินถิงเซียว กับเป็นหนี้บุญคุณคนที่ไม่อยากจะข้องเกี่ยวด้วย เห็นชัดว่าอย่างแรกนั้นแรงจูงใจมากกว่า
และแล้ว ในตอนที่คนขับจอดรถ มู่น่อนน่อนก็ขึ้นรถคันสีขาวไปอย่างไม่ลังเล
รถคันสีขาวกับรถที่เธอนั่งมาเมื่อครู่ขับออกไปคนละทิศทาง เธอหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นรถของพวกเฉินถิงเซียวขับไล่ตามรถคันเมื่อกี้ที่เธอนั่งไป
มู่น่อนน่อนก็อึ้งไปชั่วขณะ แล้วถามคนขับไปว่า“ พวกเราหนีการไล่ตามของพวกเฉินถิงเซียวพ้นแล้วใช่ไหม?”
“ตามหลักแล้ว ก็ถูกครับ”คนขับที่ตอบเธอ ก็ยังคงเป็นคนแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จักอีกคน
มู่น่อนน่อนรู้แล้วว่า“คุณผู้ชาย”ที่คนขับรถพูดถึงนั้นคือใคร แต่ก็ยังรู้สึกประหลาดใจเล็กๆกับความคิดที่รอบคอบของ“คุณผู้ชาย”ของพวกเขา จึงอดไม่ได้ที่จะถามไปว่า“คุณผู้ชายของพวกคุณล่ะ ?”
คนขับตอบว่า“คุณผู้ชายกำลังรอคุณอยู่ที่สนามบินครับ ”
สนามบิน?
มู่น่อนน่อนไม่ได้ถามอะไรอีก
ระหว่างนั้นก็เปลี่ยนรถไปอีกหลายคัน
รถทุกคันที่เธอเคยนั่ง กับรถที่เธอกำลังนั่งอยู่ ต่างล้วนขับไปกันคนละทิศกับรถที่นั่งมาก่อนหน้า
ด้วยวิธีนี้ ต่อให้เฉินถิงเซียวจะรู้ว่ารถที่พวกเขาขับตามอยู่นั้นจะไม่มีมู่น่อนน่อนนั่งอยู่ และต่อให้จะรู้ตัวมันก็สายจนไล่ตามไม่ทันแล้ว
เธอเปลี่ยนรถระหว่างทางตั้งหลายคันแบบนี้ หนำซ้ำยังขับไปยังคนละทิศกับทางเดิมอีก เฉินถิงเซียวหาไม่เจอแน่นอน
มู่น่อนน่อนรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ในใจไม่มีความรู้สึกว่านี่มันเป็นเรื่องจริงเอาซะเลย
เธอสามารถหนีพ้นเฉินถิงเซียวได้จริงๆเหรอ ?
จนกระทั่งรถมาถึงที่สนามบิน มู่น่อนน่อนเพิ่งจะมาได้สติ
เธอกำลังจะเปิดประตูรถด้วยตัวเอง แต่ประตูกลับถูกเปิดออกจากทางด้านนอก
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมอง มีใบหน้าของชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มปรากฏ
เขาเอ่ยเรียกอย่างสนิทสนมและเป็นกันเอง “มู่น่อนน่อน”
แม้ว่ามู่น่อนน่อนจะนึกออกแต่แรกแล้วว่าเจ้าของป้ายทะเบียนรถนี้เป็นใคร แต่ในตอนที่เขามาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ เธอก็ไม่สามารถเก็บซ่อนความประหลาดใจนั้นได้
“เสิ่นชูหาน เป็นนายจริงๆด้วย”
มู่น่อนน่อนลงจากรถ แล้วจ้องมองไปที่เสิ่นชูหาน ราวกับเพิ่งจะรู้จักกับเสิ่นชูหานยังไงอย่างงั้น
เมื่อเสิ่นชูหานได้ยินที่เธอพูด รอยยิ้มก็ยิ่งกว้างขึ้น “ฉันรู้อยู่แล้ว ว่าเธอต้องจำทะเบียนรถของฉันได้”
เธอรู้จักกับเสิ่นชูหานมานาน ในตอนนั้นเธอเองก็ชอบเสิ่นชูหานมาก
ตอนอายุราวๆสิบขวบ การชอบใครสักคนเราก็มักจะจดจำทุกอย่างของคนคนนั้นได้อย่างไม่รู้ตัว และทะเบียนรถของเขา มู่น่อนน่อนก็จำมันได้ในตอนที่เธอชอบเขาด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ชอบเสิ่นชูหานอีก และเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเสิ่นชูหาน มันก็ค่อยๆเลือนรางหายไป
แต่ว่า เสิ่นชูหานตรงหน้ากับเสิ่นชูหานที่เธอเคยรู้จักนั้นไม่เหมือนกัน
มู่น่อนน่อนหรี่ตาลง ถามอย่างระแวดระวังไปว่า“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่กับเฉินถิงเซียวที่โรงแรมนั่น? แล้วทำไมต้องช่วยฉันด้วย ? ”
เมื่อก่อนเสิ่นชูหานเคยคั่วอยู่กับมู่หวั่นขี และสิ่งที่เขาทำ เธอเองก็ไม่เคยลืม
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นชูหานก็เปลี่ยนไป น้ำเสียงก็จริงจังขึ้นมา “วิลล่าของเฉินถิงเซียวไฟไหม้ สำนักข่าวต่างก็รายงานว่าเธอถูกไฟคลอกตายแล้ว ฉันไม่เชื่อ เลยให้คนตามดูเฉินถิงเซียว”
ตามดูเฉินถิงเซียว ก็จะเจอตัวมู่น่อนน่อนได้เอง
สายตาของเสิ่นชูหาน ทำให้มู่น่อนน่อนประหลาดใจเล็กน้อย
เธอพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาไปว่า“ฉันจะตายหรือไม่ตายมันเกี่ยวอะไรกับนาย ?”
เสิ่นชูหานก้าวเดินมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ยกมุมปาก ยิ้มออกมาอย่างสื่อความหมาย“ต้องเกี่ยวซิ ”
เขาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ แล้วพูดเสริมอีกคำว่า“ ฉันต้องเสียใจอยู่แล้ว ”
น้ำเสียงทีเล่นทีจริง แยกไม่ออกว่าพูดจริงหรือพูดเล่น
มู่น่อนน่อนยากที่จะมองชายหนุ่มตรงหน้าที่มีความคิดซับซ้อน กับเสิ่นชูหานคนเก่าที่อ่อนแอไม่เอาไหนคนนั้นให้เป็นคนเดียวกัน
มู่น่อนน่อนจึงต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ ไม่ตลกนะ”
“ฉันรู้ว่าเธอไม่มีทางเชื่อฉัน แต่เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างเอง”หลังจากเสิ่นชูหานพูดจบ เขาก็หยิบตั๋วเครื่องบินสองใบออกมา “ได้เวลาที่เราควรไปเช็กอินกันแล้ว ”
“ไปไหน?”
คนขับรถที่พาเธอมาส่งก่อนหน้าก็ได้พูดเอาไว้ ว่าเสิ่นชูหานรอเธออยู่ที่สนามบิน
เสิ่นชูหานก็พูดขึ้นว่า“ต่างประเทศ”
มู่น่อนน่อนนิ่งอึ้งไป
“ทำไม ไม่อยากไป ? ”เสิ่นชูหานหัวเราะแล้วมองไปที่หญิงสาว “ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าช่วงนี้ถูกเฉินถิงเซียวควบคุมชีวิตยังไง แล้วถูกเฉินถิงเซียวปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมยังไง ? ”
เมื่อมู่น่อนน่อนได้ยินคำพูดนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ดูแล้วเหมือนเสิ่นชูหานจะใส่ใจเรื่องของเธอจริงๆ
เสิ่นชูหานมองเห็นความลังเลและสองจิตสองใจของเธอ ก็พูดหว่านล้อมไปว่า“เบื้องหลังของตระกูลเฉินนั้นลึกเกินไป เรื่องโคลนครั้งนี้ของตระกูลเฉิน หากเธอพลาดตกลงไปคงถูกกลืนกินจากคนของตระกูลเฉินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแน่ และหากเธอไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ หลบไปอยู่ที่ต่างประเทศสักปีสองปี เฉินถิงเซียวก็จะลืมเธอไปเอง และเธอก็จะได้ใช้ชีวิตของตัวเองด้วย……”
มู่น่อนน่อนพูดขัดเขาขึ้นมา“ นี่นายไปรู้อะไรมางั้นเหรอ ?”
เสิ่นชูหานเลิกคิ้วขึ้น อารมณ์ลุ่มลึกคาดเดาไม่ถูก “ทุกคนต่างมีความลับของตัวเอง”
มู่น่อนน่อนไม่อยากที่จะมาถกเถียงกับเสิ่นชูหานในเรื่องนี้ ถามเพียงแค่ว่า“นายจะไปต่างประเทศกับฉันด้วย?”
“แน่นอน”เสิ่นชูหานก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง
ลักษณะนิสัยของคนตรงหน้ากับเสิ่นชูหานที่เธอเคยรู้จักนั้นช่างต่างกันมาก มู่น่อนน่อนเองย่อมต้องระวังตัวมากเป็นพิเศษ
ฟังจากคำพูดของเสิ่นชูหาน เธอรู้สึกได้ว่าเสิ่นชูหานนั้นดูจะมีแผนการอะไรบางอย่างกับเธอ
หากสิ่งที่เสิ่นชูหานทำมาก่อนหน้านั้นเป็นสิ่งที่เสแสร้งขึ้นมา งั้นความคิดของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าเฉินถิงเซียวเท่าไร
มู่น่อนน่อนไม่มีทางไปต่างประเทศกับเขาแน่
เมื่อเห็นว่ามู่น่อนน่อนไม่ได้พูดอะไร เสิ่นชูหานก็เอื้อมมือไปโอบไหล่ของเธอ “ใกล้จะได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ”
มู่น่อนน่อนหมุนตัว แล้วหลบมือของเขาออก
สีหน้าของเสิ่นชูหานเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
……
อาจเป็นเพราะไม่อยากทำให้เป็นจุดสนใจ ที่นั่งที่เสิ่นชูหานจองนั้นจึงเป็นที่นั่งชั้นประหยัด
ทั้งสองผ่านจุดตรวจแล้วไปยังห้องรอขึ้นเครื่อง
เที่ยวบินที่เสิ่นชูหานจองนั้นเริ่มที่จะเช็กอินกันแล้ว
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปาก จู่ๆก็ทรุดตัวลงกับพื้น “ ฉันปวดท้อง……อยากไปห้องน้ำ……”