ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 274 ให้เธอกลับมาอยู่กับผม
เครื่องบินใช้เวลาบินนานร่วมสิบชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง
เสียงตามสาย เป็นเสียงหวานๆของแอร์โฮสเตสแจ้งเตือนให้ผู้โดยสารรู้ว่าเครื่องบินกำลังจะลงจอด
มู่น่อนน่อนหันมองไปยังนอกหน้าต่าง ท้องทะเลสีฟ้าคราม
นี่เป็นประเทศเดียวในโลกที่ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ รายล้อมไปด้วยทะเล มีพืชและสัตว์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวและทิวทัศน์ที่เป็นธรรมชาติ
และที่บังเอิญที่สุดก็คือ นี่เป็นประเทศที่มู่น่อนน่อนครั้งหนึ่งเคยใฝ่ฝันเอาไว้
ในส่วนของเรื่องนี้ เธอเองก็เคยพูดกับเสิ่นชูหานมาก่อน
แต่ว่า เรื่องนี้มันก็ผ่านมานานมากแล้ว
เธอเดาได้ว่าเสิ่นชูหานน่าจะจองตั๋วมายังประเทศนี้ แต่มันก็เป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น
ทันทีที่ลงจากเครื่อง มู่น่อนน่อนก็รู้สึกได้ถึงคลื่นไอความร้อนที่พุ่งเข้าปะทะมาที่ใบหน้า
ประเทศนี้รายล้อมไปด้วยทะเล ในช่วงเดือนมกราคมนั้นเป็นฤดูที่อบอุ่นที่สุด
มู่น่อนน่อนเดินตามผู้คนออกไป
เธอตัวคนเดียว ไม่มีสัมภาระอะไร ใบหน้าของชาวตะวันออกที่สวยงาม ท่ามกลางผู้คนทั้งโดดเด่นและโดดเดี่ยว
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างมองมาที่เธอด้วยความสงสัย
ดีที่ในตอนเรียนนั้นมู่น่อนน่อนเป็นคนที่ตั้งใจเรียนมาก แม้ว่าภาษาอังกฤษของเธอจะไม่ได้ดีมาก แต่การสื่อสารพื้นฐานง่ายๆก็พอจะได้อยู่
เธอนั่งรถไปยังโรงแรมที่อยู่ใกล้ที่สุด ยังไม่ทันได้พักผ่อนเต็มที่ ก็ออกไปหาซื้อคอมพิวเตอร์มาเครื่องหนึ่ง
ก่อนหน้านั้นเธอเคยส่งบทละครให้กับฉินสุ่ยซาน แต่ส่งไปเพียงแค่ครึ่งแรกเท่านั้น และฉินสุ่ยซานในตอนนี้ก็คงจะรู้เรื่องแล้ว ไม่รู้ว่าจะโกรธเธอมากแค่ไหน
มู่น่อนน่อนล็อกอินเข้าอีเมล ในคอมพิวเตอร์นั้นมีจดหมายอยู่หลายฉบับที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน
ฉบับแรกนั้นเสิ่นชูหานเป็นคนส่งมา เมื่อสามชั่วโมงก่อนหน้า ในตอนนั้นเธอเพิ่งจะลงจากเครื่อง
ฉบับที่สองฉินสุ่ยซานเป็นคนส่งมา และที่เหลือด้านล่างเสิ่นเหลียงเป็นคนส่งมา
อีเมลอันนี้เธอใช้มันมาตั้งแต่สมัยที่เธอยังเรียนอยู่ คนที่รู้ไม่ได้มีมากนัก ส่วนใหญ่แล้วใช้มันตอนที่จัดระเบียบงานเท่านั้น แต่เธอมีเพื่อนไม่มาก เลยไม่ได้สมัครอีเมลส่วนตัวอะไรใหม่
มู่น่อนน่อนเลื่อนเมาส์ไปมา ดึงลากลงจนถึงอีเมลฉบับสุดท้าย เปิดอีเมลฉบับล่าสุดที่เสิ่นเหลียงส่งมา
อีเมลอันล่างสุด เสิ่นเหลียงส่งให้เธอเมื่อไม่กี่วันก่อน เป็นตอนที่เธอจุดไฟเผาวิลล่า
หลังจากที่เธอจุดไฟเผาวิลล่า ก็ไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถืออีก ทางเดียวที่เสิ่นเหลียงจะติดต่อเธอได้ ก็คงเป็นการส่งอีเมลหาเธอเท่านั้น
เธอคลิกเปิดดูอีเมลฉบับนั้น
อ่านไปได้แค่ประโยคแรก มู่น่อนน่อนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“มู่น่อนน่อน นี่หล่อนหายหัวไปไหนกันแน่ วิลล่าถูกเผาไหม้จนวอด คนก็หายไปด้วย นี่เหรอที่เธอบอกว่าความพอดี เห็นข้อความนี้แล้วติดต่อกลับมาหาฉันด่วน ไม่งั้นฉันจะโพสต์รูปของเธอลงไปในเว็บโป๊แล้วนะ……”
เสิ่นเหลียงช่างมีนิสัยเหมือนเด็กจริงๆ หากร้อนใจอะไรก็ชอบพูดจาเหลวไหลข่มขู่เธอ
ต่อจากนั้น มู่น่อนน่อนก็เปิดดูฉบับที่สองต่อ
“ฉันรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่!!ยังมีชีวิตอยู่ก็ตอบกลับมาสักคำ !!พรุ่งนี้ฉันจะไปลงรูปเธอแล้วนะ ……”
แล้วถัดมาฉบับที่สาม“ปัดโธ่เอ๊ย ตอบฉันมา”
มู่น่อนน่อนกลั้นขำไม่อยู่ ตอบกลับเสิ่นเหลียงด้วยข้อความสั้นๆ“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่ต้องคิดถึง ”
จากนั้น เธอก็เปิดดูอีเมลที่ฉินสุ่ยซานส่งมาให้เธอ
“มู่น่อนน่อน เธอคิดจะหลอกฉัน ? เธอส่งบทละครมาให้ฉันแค่ครึ่งเดียวหมายความว่ายังไง ? เธอ……”
นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร มีหน้าจอกางกั้น มู่น่อนน่อนก็รู้สึกได้ถึงความกรุ่นโกรธที่มีของฉินสุ่ยซานผ่านอีเมลฉบับนี้
มู่น่อนน่อนตอบกลับเธอ “หนังสือสัญญาส่งมาให้ฉัน แล้วส่วนอีกครึ่งที่เหลือฉันจะส่งกลับไปให้คุณ”
และสุดท้ายก็คืออีเมลของเสิ่นชูหาน
เธอรู้จักกับเสิ่นชูหานเมื่อตอนยังเป็นวัยรุ่น ในตอนที่ความสัมพันธ์ยังไม่ได้แตกหัก สมัยเรียนหากเธอต้องการชีทเรียนวิชาอะไร ก็มักจะขอความช่วยเหลือจากเสิ่นชูหาน
เพราะฉะนั้น เสิ่นชูหานก็จะรู้อีเมลของเธอ
อีเมลของเสิ่นชูหานเหมือนเป็นข้อความสั้นๆ มีเพียงสองคำเท่านั้น “ถึงแล้ว?”
มู่น่อนน่อนไม่ได้ตอบกลับเขา
ครั้งนี้ที่เธอสามารถหลุดพ้นจากเฉินถิงเซียวมาได้ ก็ติดหนี้บุญคุณเสิ่นชูหาน
เป็นหนี้ก็ต้องใช้คืน
แต่ตอนนี้เธอยังไม่สามารถที่จะชดใช้มันได้ ก็ต้องปล่อยผ่านมันไปก่อน
ปิดอีเมลแล้ว ก็มีข้อความใหม่แจ้งเตือนเข้ามา เป็นอีเมลที่เสิ่นเหลียงส่งมา
ข้อความในอีเมลเป็นคำถามที่มาเป็นชุดๆ “เธออยู่ไหน ? มีเงินใช้ไหม ? ปลอดภัยหรือเปล่า ?”
มู่น่อนน่อนรู้สึกซาบซึ้งใจ ในเวลาแบบนี้ยังมาเป็นห่วงเธอได้ ก็คงจะมีแค่เสิ่นเหลียงเท่านั้นแล้ว
ตอบกลับอีเมลของเสิ่นเหลียง มู่น่อนน่อนก็เก็บข้าวของ ยังไม่ทันได้เช็คเอาท์ก็ออกจากโรงแรมไป
เฉินถิงเซียวฉลาดเกินไป หากเขาต้องการจะตามหาจริงๆ ช้าเร็วก็ต้องตามหาจนเจอ ต่อหน้าเขา มู่น่อนน่อนไม่เคยทำมันสำเร็จเลยสักครั้ง
มู่น่อนน่อนได้เช็กดูบ้านพักโฮมสเตย์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต เจ้าของบ้านเป็นสามีภรรยาสูงวัย ลูกๆของพวกเขาทำงานในต่างเมือง ที่เปิดบ้านพักโฮมสเตย์ก็เพราะชอบความครึกครื้นมีชีวิตชีวา
มู่น่อนน่อนได้รับการต้อนรับขับสู้อย่างอบอุ่น
……
เมืองหู้หยาง
บริษัทเสิ้งติ่ง ห้องทำงานของท่านประธาน
เมื่อเสิ่นเหลียงเข้าประตูมาได้เห็นใบหน้าของเฉินถิงเซียว ก็อยากจะหันหลังกลับ
แต่บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตูขวางเธอเอาไว้
เธอจึงจำต้องเดินเข้าไป
เฉินถิงเซียวยืนหันหลังให้เธออยู่ตรงหน้าต่าง รูปร่างสูงใหญ่และกำยำของเขาดูเหมือนโดดเดี่ยวและอ้างว้าง
แต่เสิ่นเหลียงไม่เห็นใจเขาเลยสักนิด
เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้จุดประสงค์ที่เฉินถิงเซียวตามเธอมา ถามด้วยรอยยิ้มไปว่า“ ท่านประธานคุณต้องการพบฉัน ? มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ? ”
เฉินถิงเซียวหันกลับมา ดวงตามืดมน ราวกับหมึกดำเข้มข้นที่ยังไม่ละลาย ทำให้ดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เสิ่นเหลียงลอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ก้มหน้าลงภายใต้สายตาที่จับจ้องมองมาของชายหนุ่ม
ผ่านไปสักพัก เธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเฉินถิงเซียว “เธอติดต่อคุณหรือเปล่า?”
“ไม่ค่ะ”แม้ว่าเสิ่นเหลียงจะรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่ก็ปฏิเสธออกไป
“จริงเหรอ?”
เฉินถิงเซียวไม่โกรธแต่กลับยิ้มออกมา หยิบเอกสารแผ่นหนึ่งบนโต๊ะแล้วโยนมันให้เธอ
เสิ่นเหลียงยื่นมือไปรับมา ก็พบว่ามันเป็นเอกสารที่สั่งปริ้นบันทึกอีเมลของเธอที่ติอต่อกับมู่น่อนน่อน
เธอกำเอกสารไว้แน่น กับน้ำเสียงที่ทุ่มแบบสุดตัว “ใช่ค่ะ เธอติดต่อฉัน แล้วคุณต้องการอะไร?”
เฉินถิงเซียวให้คนมาแฮ็กคอมพิวเตอร์ของเธอ แล้วเช็กเจออีเมลที่เธอติดต่อกับมู่น่อนน่อน แล้วมันยังไง ?
ใบหน้าของเฉินถิงเซียวแน่นิ่ง พูดอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึกไปว่า“ถามเธอว่าเธออยู่ที่ไหน แล้วบอกเธอว่าคุณจะไปหาเธอ”
เสิ่นเหลียงไม่คิดลังเล พูดปฏิเสธออกไปทันที “ไม่มีทาง”
ทันทีที่พูดจบ เธอก็รู้สึกราวกับมีแรงกดดันอันหนักอึ้งส่งมาจากเฉินถิงเซียว
เธอถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจตั้งแต่เด็ก กับกู้จือหยั่นแม้ว่าจะมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่กู้จือหยั่นก็ไม่เคยเอาจริงกับเธอเลยสักครั้ง
เสิ่นเหลียงก้าวถอยหลังไปสองก้าว พยายามที่จะใช้เหตุผลกับเขา “ ทำไมมู่น่อนน่อนถึงหนีไป คุณไม่รู้สาเหตุเลยเหรอ ? คุณไล่ตามเธอแบบนี้ ให้เธอต้องใช้ชีวิตหนีอย่างหัวซุกหัวซุน นอกจากจะทำให้เธอต้องลำบากแล้ว มันจะเป็นอะไรไปได้อีก ? ”
เห็นชัดว่าเฉินถิงเซียวไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเด็ดขาด“ให้เธอกลับมาอยู่กับผม”
เสิ่นเหลียงพูดเหน็บ“กลับมาอยู่กับคุณแล้วยังไง ? เป็นคนที่‘ตาย’ไปแล้วงั้นเหรอ ? เธอมีความคิดเป็นของตัวเอง และเป็นคนที่ยังมีลมหายใจอยู่ ไม่ว่าคุณจะตามตัวเธอกลับมาได้สักกี่ครั้ง เธอก็ยังจะหนีคุณไปอีกอยู่ดี !”