ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 296 แค่มุมมองทางด้านเดียว
มู่น่อนน่อนปิดหน้าปิดตาร้องห่มร้องไห้สะอึกสะอื้น ทว่าสายตาของเธอกำลังแอบสังเกตอากัปกิริยาของเฉินชิงเฟิงอยู่เงียบๆ
เธอสังเกตเห็นถึงความเบื่อหน่ายที่เปล่งประกายอยู่ในแววตาของเฉินชิงเฟิง
แต่ว่า วินาทีถัดมา เฉินชิงเฟิงก็ทำหน้าอ่อนโยนและส่งเสียงปลอบใจเธอกลับมาแทน “เรื่องนี้ ฉันจะไปพูดกับเฉินถิงเซียวให้ คุณก็อย่าได้เสียใจมากเกินเหตุไปเลยนะ”
มู่น่อนน่อนดึงกระดาษทิชชูเพื่อปาดน้ำตา จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ขอบคุณคุณลุงเฉินมาก”
เฉินชิงเฟิงยิ้มตอบ แต่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
……
ตอนที่มู่น่อนน่อนเดินออกมาจากร้านกาแฟพร้อมกับเฉินชิงเฟิงนั้น ก็เจอกับเฉินถิงเซียวพอดี
เฉินถิงเซียวท่าทางเหมือนรีบเหาะมา สีหน้าดูตื่นเต้นเล็กน้อย
เมื่อเห็นมู่น่อนน่อนนั้น แววตาของเขาจดจ้องอยู่ที่ตัวของมู่น่อนน่อนอยู่หลายวินาที แม้ว่าสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปมาก แต่มู่น่อนน่อนกลับรู้สึกเหมือนว่าเขาถอนหายใจโล่งอก
ไม่รู้ว่าทั้งสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานานแล้ว หรือว่าเป็นเพราะว่าสัญญาที่เข้าใจซึ่งกันและกันโดยปริยายหรือเปล่า
แม้ว่าเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาก็ตาม แต่ว่าความหมายที่เขาอยากจะแสดงออกมา เธอก็สามารถรับรู้ได้
แต่เร็วมาก เธอก็รู้สึกว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวของเฉินถิงเซียวนั้นมันเปลี่ยนไปเข้มงวดอีกครั้ง
แววตาของเขากวาดตามองมู่น่อนน่อน นัยน์ตาเย็นเฉียบจนหนาวไปถึงกระดูก
มู่น่อนน่อนพลันคิดได้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองร้องไห้ออกมา เวลานี้ตาด็คงบวมฉึ่มจนแดงก่ำแน่
เธอแย่งซีนก่อนที่เฉินถิงเซียวจะพูดออกมา เดินก้าวไปทางข้างหน้า จากนั้นก็ยื่นมือออกมาตบหน้าเฉินถิงเซียวอย่างโหดร้ายไปครั้งหนึ่ง
“–เพี๊ยะ!”
เสียงตบดังลั่นอย่างชัดเจน
สือเย่ที่อยู่ด้านหลังของเฉินถิงเซียว ทำสีหน้าตกตกลึงเมื่อมองมาทางมู่น่อนน่อน
ส่วนเฉินชิงเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่น่อนน่อน นัยน์ตาเปล่งประกายความแปลกใจออกมาเล็กน้อย
เฉินถิงเซียวราวกับถูกตบจนเบลอไปแล้ว ผ่านไปหลายวินาที เขาถึงตั้งสติได้มัน นัยน์ตาเฉียบคมดังมีดคอยจับจ้องมาที่มู่น่อนน่อน “คุณกล้าตบผมเหรอ?”
“ทำไมฉันจะตบคุณไม่ได้? คุณเอาตัวลูกฉันไป คุณมันไม่ใช่คน!” แววตาของมู่น่อนน่อนเต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชัง ราวกับอดใจไม่ไหวจนอยากจะตบหน้าเขาอีกสีกที
นัยน์ตาของเฉินถิงเซียวกระตุกเล็กน้อย แต่ว่าเขาก็หลุบตาลงได้อย่างรวดเร็ว เพื่อปกปิดอารมณ์ในแววตาของเขาเอาไว้ น้ำเสียงแข็งกร้าวไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด “ลูกสาวของผม ผมจะเอาไปตอนไหนก็ได้ ต้องรอให้คนอย่างคุณมาอนุญาตผมด้วยเหรอ?”
เขาพูดจบ พลันแสยะยิ้มมุมปาก พลางพูดอย่างเย็นชา “สือเย่”
สือเย่เข้าใจทันที พลางโบกมือไปทางบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลัง บอดี้การ์ดพลันเดินมายังด้านหน้าและจับตัวมู่น่อนน่อนเอาไว้ทันที
เวลานี้เอง เฉินชิงเฟิงที่ไม่มีปากไม่เสียงมาตลอด พลันเริ่มพูดออกมาในเวลานี้ “ถิงเซียว น่อนน่อนเป็นแม่ของลูกแกนะ เธอสติหลุดได้ ก็เป็นเพราะว่าเป็นห่วงลูกมากเกินไปเท่านั้นเอง ให้คนของแกปล่อยเธอเถอะ”
เฉินถิงเซียวส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอและแสดงรอยยิ้มเย็นชาจอมปลอมออกมา “ปล่อยเธอ”
เฉินชิงเฟิงเห็นแบบนั้นแล้ว พลางพยักหน้าให้มู่น่อนน่อน “คุณกลับไปก่อนเถอะ”
“ขอบคุณค่ะ ลาก่อนค่ะคุณลุงเฉิน” มู่น่อนน่อนพูดด้วยความซาบซึ้ง พลันหันตัวเดินจากไปทันที
เฉินถิงเซียวแทบไม่มองเธอด้วยซ้ำ พลันหันไปทางเฉินชิงเฟิง “ผมมีเรื่องต้องคุยกับลุง”
“คุยกันบนรถแล้วกันนะ” เฉินชิงเฟิงพูด และสอดตัวเข้าไปในรถทันที
เฉินถิงเซียวฉวยจังหวะตอนที่เฉินชิงเฟิงหันตัว พลันหันไปชำเลืองมองทางมู่น่อนน่อน
พอมีเสียงปิดประตูรถดังขึ้นข้างๆ หู เฉินถิงเซียวถึงได้ขึ้นรถของเฉินชิงเฟิงตามหลังไป
เฉินชิงเฟิงเอ่ยปากถามเขาก่อน “ตกลงว่าแกเอาเด็กไปซ่อนไว้ที่ไหนกัน? น่อนน่อนเธอเป็นแม่ของเด็กนั่น แกให้เธอได้เจอหน้าสักครั้งมันคงไม่เกินเหตุไปใช่ไหม?”
เฉินถิงเซียวตอบอย่างเย็นชากลับ “เด็กนั่นผมไม่ได้สั่งให้คนเอาตัวมาเลย แม้ว่าผมจะให้คนเอาตัวมา ผมก็ไม่ให้เธอได้เห็นหน้าเด็ก ตอนแรกที่ขอเธอแต่งงาน ก็แค่เรื่องที่ต้องการจะตรวจสอบเรื่องของแม่เท่านั้นเอง”
เฉินชิงเฟิงได้ยินแล้ว ก็ทำสีหน้าสงสัยขึ้นมาทันที “งั้นจะมีใครอีก ที่สามารถลักพาตัวเด็กไปทั้ง ๆ ที่อยู่ใต้ปลายจมูกของแกได้?”
“ปีนั้น กลุ่มคนร้ายลักพาตัวก็ไม่ใช่ว่าลักพาตัวผมกับแม่ไป ทั้ง ๆ ที่อยู่ปลายจมูกคุณลุงหรอกเหรอ?”
มุมปากของเฉินถิงเซียวยิ่งลากสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าบนใบหน้าไม่ได้มีรอยยิ้มสักนิด
“นี่แกกำลังสงสัยฉันอยู่” เฉินชิงเฟิงพูดออกมาเป็นประโยคบอกเล่า
เขาเหมือนถอนใจหายออก จากนั้นก็พูดอย่างราบเรียบ “ถิงเซียว ฉันรู้ว่าแกยังคงคิดถึงเรื่องในปีนั้นอยู่ แต่มันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้นเอง แกเอาแต่ไปตรวจสอบค้นหามาตลอด ตรวจสอบมาหลายปีแล้วมันมีอะไรไหมล่ะ? ตอนนี้แกก็อยู่อย่างสุขสบายไม่ใช่เหรอ? ตระกูลเฉินก็อยู่ในมือแกทั้งหมดแล้วนี่ แกจัดการได้ดีขนาดนี้ ตระกูลเฉินก็สงบสุขดี นี่มันก็มากขนาดนี้แล้วเนี่ย?”
เฉินถิงเซียวฟังคำพูดแบบนี้ของเขามาจนชินแล้ว เขาไม่สนใจเฉินชิงเฟิงเลยสักนิด
เฉินชิงเฟิงเองก็ไม่โกรธเขา แถมยังพูดอย่างมีน้ำอดน้ำทน “เรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องไปฟื้นฝอยหาตะเข็บแล้ว การทำแบบนี้ถือว่ามันดีกับทุกฝ่าย ทุกคนต้องมองไปทางข้างหน้า ไม่แน่นะลูกสาวของแกก็ใกล้จะกลับมาแล้ว”
คำพูดประโยคสุดท้ายของเขา เป็นการข่มขู่จนเห็นได้อย่างชัดเจน
เฉินถิงเซียวกำหมัดเอาไว้แน่น ร่างกายเกร็งไปทั่วทั้งตัว แต่ยังไม่ยอมปริปากพูดออกมาสักคำ
วันนี้เฉินชิงเฟิงมาหามู่น่อนน่อนแล้ว น่าจะเป็นการหลอกสังเกตมู่น่อนน่อนว่ารู้เรื่องของตระกูลเฉินมากน้อยเพียงใด
จากนั้นค่อยหลอกถามความสัมพันธ์ของมู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวว่าอยู่ขั้นไหนกันแล้ว
ถ้าเป็นไปได้ เฉินชิงเฟิงก็จะไม่ปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งที่สามารถใช้ประโยชน์จากเฉินถิงเซียวเป็นเครื่องมือที่ทำให้เฉินถิงเซียวไม่ยอมพูดได้ เฉินชิงเฟิงคิดว่าเฉินถิงเซียวคงเอาคำพูดของเขาเก็บไปคิดแล้ว
เฉินชิงเฟิงพูดต่อด้วยถ้อยคำที่ลึกซึ้งและทรงพลัง “ตอนนี้แกกับน่อนน่อนเลิกกันแล้ว ตระกูลเฉินก็ไม่มีคุณนายน้อยแล้ว แกชอบคนไหนก็พามาให้ดูหน่อย ไม่งั้น ฉันสามารถให้คนไปหาคนถูกใจมาให้แกได้…”
“ไม่ต้องแล้ว” เฉินถิงเซียวพูดตัดบทคำพูดของเขาทันที พลางพูดอย่างเย็นชา “สนใจเรื่องตัวเองก็พอแล้ว”
เฉินถิงเซียวพูดจบ ก็เปิดประตูและลงจากรถและเดินจากไปทันที
เฉินชิงเฟิงที่นั่งอยู่ในรถ พลันเหลือบมองเฉินถิงเซียวขึ้นรถตนเอง สีหน้าภาคภูมิใจแสดงออกมาให้เห็นเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มออกมา
……
เฉินถิงเซียวกลับไปยังที่รถยนต์ของตนเอง พลางยื่นมือออกมาและปลดเนกไทลง จากนั้นก็จัดการทุบลงบนกระจกรถยนต์อย่างบ้าคลั่ง พลันมีเสียงดัง “ปึง” ออกมา
สือเย่ที่ขับรถอยู่ด้านหน้าถึงกลับตกใจทันที แต่ก็คิดแบบโชคเข้าข้างไว้ โชคดีที่กระจกรถยนต์คันนี้เป็นกระจกกันกระสุน ไม่งั้นจะทนไม้ทนมือกับการที่ถูกเฉินถิงเซียวทุบอย่างโหดร้ายได้อย่างไรกัน
เฉินถิงเซียวทุบกระจกรถเสร็จ ก็เอนหลังพิงกับเบาะที่นั่ง พลันเปล่งเสียงคำพูดออกมาจากไรฟันด้วยอารมณ์อดกลั้นถึงขีดสุด “ไอ้จิ้งจอกเฒ่า!”
สือเย่รู้ว่าเขาด่าเฉินชิงเฟิงอยู่
ตอนนี้สามารถแน่ชัดแล้วว่า เฉินมู่ถูกคนของเฉินชิงเฟิงลักพาตัวไป
และเขาจงใจโอนเงินจากบัญชีของซือเฉิงหยู้ ก็เพื่อให้เฉินถิงเซียวรู้ว่า เรื่องนี่เขาเป็นคนทำ
แต่ว่า พอเฉินถิงเซียวรู้ว่าเรื่องนี้เขาเป็นคนทำแล้ว ก็ไม่ได้จะจัดการกับเขาอย่างไร
เพราะว่าเฉินมู่อยู่ในมือเขา
เฉินถิงเซียวทำได้แค่ถูกใช้งาน และถูกเฉินชิงเฟิงจัดฉาก
ความหมายของเฉินชิงเฟิงก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว ขอแค่เฉินถิงเซียวยอมวางมือในการตรวจสอบเรื่องมารดา เขาก็จะเอาตัวของเฉินมู่มาคืนให้พวกเขา
มิเช่นนั้น….
สือเย่ถอนหายใจเล็กน้อย เขาก็รู้เรื่องของตระกูลเฉินน้อยมาก
แต่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวลานี้ อาจจะเป็นเพียงมุมมองเพียงฝ่ายเดียวก็เป็นได้
เขารู้ว่าในหลายปีที่ผ่านมาเฉินถิงเซียวได้ตรวจสอบเรื่องมารดาของเขา แล้วจู่ ๆ จะยอมปล่อยมือไปง่ายๆ เหรอ?