ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 297 เปล่า ไม่อยากเจอหน้าเขา
สือเย่ถอนหายใจทันที จากนั้นก็ถามกลับ “คุณผู้ชายครับ ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกัน?”
ผ่านไปหลายวินาที ถึงมีเสียงของเฉินถิงเซียวดังขึ้นมา “ไปหามู่น่อนน่อน”
สือเย่ขับรถมุ่งหน้าไปทางที่พักของมู่น่อนน่อน
รถยนต์จอดทางใต้อพาร์ทเม้นท์ที่มู่น่อนน่อนพักอาศัยอยู่ ก่อนที่เฉินถิงเซียวลงจากรถก็ได้ออกคำสั่ง “นายกลับไปเถอะ ไม่ต้องมารับฉันแล้ว”
“ครับ” สือเย่ส่งเสียงตอบรับ
พอเฉินถิงเซียวลงจากรถ สือเย่ก็ขับรถออกไปทันที
……
จังหวะที่ออดดังหน้าประตู มู่น่อนน่อนกำลังล้างหน้าล้างตาอยู่
วันนี้เธอร้องไห้ต่อหน้าเฉินชิงเฟิงทุ่มเทเกินไปหน่อย จนดวงตาบวมหมดสภาพเลย
เมื่อได้ยินเสียงออดหน้าประตู ไม่ต้องคิด ก็รู้ว่าเฉินถิงเซียวมาหา
ก่อนที่เธอจะเปิดประตูนั้นก็มองลอดผ่านช่องตาแมวก่อน เป็นเฉินถิงเซียวจริงๆ ด้วย
เธอเปิดประตู จากนั้นก็จ้องมองผ่านๆ ถึงอนุญาตให้เฉินถิงเซียวเข้ามา
“เข้ามาเถอะ” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็หันตัวเดินเข้าด้านในห้อง
เฉินถิงเซียวเดินตามเธอเข้ามา จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาอย่างคุ้นเคยมาก
“ดื่มอะไรดี? น้ำเปล่าสักแก้วไหม?” มู่น่อนน่อนพูดไปด้วย พร้อมทั้งหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะเคาน์เตอร์โซฟาให้จะรินน้ำให้เขา
จังหวะที่เธอยื่นแก้วน้ำให้เขานั้น กลับถูกเฉินถิงเซียวดึงมือเอาไว้แทน
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปากเอาไว้ แต่ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด
เฉินถิงเซียวดึงเธอมานั่งด้านข้างของตนเอง จากนั้นก็เล่นมือของเธอที่อยู่บนฝ่ามือใหญ่ของตนเอง พลางเอ่ยปากถาม “เขาพูดอะไรกับคุณ?”
“พูดเรื่องลูก เขาพูดว่าเขาจะช่วยฉันที่จะพูดเรื่องลูกกับคุณให้” มู่น่อนน่อนพูดอยู่ พลางสะดุดเล็กน้อย พลางเงยหน้าจ้องมองเขา “ก่อนหน้านี้ คุณตอบตกลงที่ให้ฉันย้ายออกมาแบบปัจจุบันทันด่วนขนาดนั้น ก็เป็นเพราะว่าคุณรู้ว่าเขาจะมาหาฉันใช่ไหม?”
เฉินถิงเซียวไม่ยอมตอบเธอ แต่กลับใช้ริมฝีปากจุมพิตลงตรงฝ่ามือของเธอ
การจูบก็เหมือนไม่มีอะไร มีลมอุ่นๆ พ่นรดลงบนอุ้งมือ จนรู้สึกจักจี้เล็กน้อย
มู่น่อนน่อนเตะเขาไปหนึ่งที “ฉันถามคุณอยู่นะ!”
“อ้อ” เฉินถิงเซียวส่งเสียงตอบรับอย่างไม่แยแส แต่ไม่ยอมพูดยอมจา
มู่น่อนน่อนหมดคำพูดกับเขาแล้ว เลยถามกลับไป “วันนั้นที่คุณปู่เกิดเรื่องขึ้น พวกเขาไม่ได้คิดจะทำร้ายฉัน ถึงได้จงใจใส่ร้ายป้ายสีฉัน แต่เป็นการลองใจว่าฉันมีตำแหน่งอยู่ในใจของคุณ ดังนั้นตอนนั้นคุณถึงได้แสดงท่าทีสงสัยในตัวฉันต่อหน้าพวกเขาใช่ไหม?”
เฉินถิงเซียวยังไม่ยอมพูดอะไรอีก แต่ว่าความเงียบงันของเขาก็เท่ากับเป็นการยอมรับแล้ว
มู่น่อนน่อนวิเคราะห์เป็นประเด็นอย่างชัดเจน “ก่อนหน้าที่คุณปู่จะเกิดเรื่อง ก็เคยให้ฉันกับคุณเข้าไปหาเขาเป็นการส่วนตัว ตอนนั้นเขาก็แสดงท่าทีผิดปกติเล็กน้อย ฉันสามารถคิดได้ไหมว่า คุณปู่อาจจะไปเจออะไรเข้าหรือต้องการจะทำอะไร แต่กลับถูก…พ่อของคุณรู้เข้า แต่ว่าเขาทำไม่ลงคอกับคุณปู่ ถึงได้สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา ประจวบเหมาะสามารถใส่ร้ายป้ายสีฉันได้ ยิงนกนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว”
“งั้น ปัญหาสำคัญก็คือ พ่อของคุณตกลงว่าต้องการปิดบังอะไรแน่? หรือความจริงเรื่องที่แม่ของคุณถูกลักพาตัวไปเหรอ?”
มู่น่อนน่อนยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่
ตกว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ ที่ทำให้เฉินชิงเฟิงทำเรื่องที่ร้ายแรงไร้คุณธรรมขนาดนี้
เฉินถิงเซียวเห็นมู่น่อนน่อนขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ จนสีหน้าก็เคร่งขรึมตามไปด้วย
เขาปล่อยมือของมู่น่อนน่อนออก พลางใช้มือทั้งสองข้างประคองไหล่ของมู่น่อนน่อนเอาไว้ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงสุขุม “มู่น่อนน่อน คุณมองผม”
“หือ?” มู่น่อนน่อนหันหน้าไปมองเขา
เฉินถิงเซียวจับจ้องมองเธอ นัยน์ดวงตาดำขลับอันลึกซึ้งภายในกำลังซ่อนความรู้สึกมากมายอยู่ด้านใน เพื่อให้คนยากแก่การวิเคราะห์ได้
“ตอนนี้คุณไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้ว่าคุณปู่เกิดเรื่องขึ้นเพราะมาจากอุบัติเหตุ เฉินมู่ถูกผมลักพาตัวไปเพราะว่าผมต้องการแย่งลูกไปจากคุณ คุณรู้แค่นี้ คุณรู้แค่นี้เท่านั้น!”
เฉินถิงเซียวบีบหัวไหล่ของเธอเอาไว้จนเริ่มลงแรงขึ้น มู่น่อนน่อนถูกเขาบีบจนเจ็บ แต่เธอกลับไม่ส่งเสียงต่อต้านใดๆ ทำแค่ถามเขาเท่านั้นเอง “ทำไมเหรอคะ?”
เฉินถิงเซียวไม่สนใจในคำถามของเธอเลย แต่กลับถามเธอกลับ “คำพูดที่ผมพูดออกไปคุณจำฝังใจแล้วใช่ไหม?”
ส่วนมู่น่อนน่อนหันหน้าไปอีกทาง “จำไม่ได้”
ทั้ง ๆ ที่เธอรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่กลับต้องการให้เธอแกล้งโง่ทำตัวเป็นคนนอกเสียนี่
เฉินถิงเซียวรู้ว่ามู่น่อนน่อนกำลังงอแงใส่ แต่คำพูดของเขา เธอกลับตั้งใจฟังมาก
เฉินถิงเซียวพูดต่อ “ปลอดภัยดี เฉินชิงเฟิงต้องการให้ผมช่วยเขาดูแลบริษัทเฉินซื่อ เฉินมู่เป็นไพ่ใบสำคัญของเขา ดังนั้นตอนนี้เฉินมู่ปลอดภัยดี คุณไม่ต้องเป็นห่วงเกินไป”
“ฉันจะไม่เป็นห่วงได้ยังไงกัน” มู่น่อนน่อนยื่นมือออกมาดึงผมตนเองอย่างเริ่มหงุดหงิด “ฉันไม่ได้เป็นห่วงแค่เฉินมู่ ฉันยังเป็นห่วงคุณด้วย”
เฉินถิงเซียวส่งเสียงตอบรับ “ไม่จำเป็นต้องให้คุณเป็นห่วง คุณต้องจำให้ได้ก็พอ ว่าคุณเป็นผู้หญิงของเฉินถิงเซียว ไม่อนุญาตให้ไปให้ท่าผู้ชายคนไหน”
เพิ่งจะพูดเรื่องจริงจังกันอยู่แท้ ๆ แต่ไหงถึงได้ลากไปเรื่องให้ท่าผู้ชายไปได้ล่ะเนี่ย?
มู่น่อนน่อนผลักเขาออก “ฉันกำลังพูดเรื่องจริงจังกับคุณอยู่นะ”
“ผมก็พูดเรื่องจริงจังกับคุณอยู่เช่นกัน” ไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวคิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นก็พูดด้วยหน้าตาขึงขัง “เสิ่นชูหานคนนั้น คุณอยู่ห่างๆ เขาหน่อย”
“หลังจากที่ฉันกลับมายังเมืองหู้หยางแล้ว ก็แทบไม่ได้เจอกับเสิ่นชูหานเลยนะ!” มู่น่อนน่อนจ้องตาเขาเขม็งอย่างหมดอารมณ์
ผู้ชายคนอย่างเฉินถิงเซียว ทำไมถึงได้พูดมากยิบย่อยยิ่งกว่าผู้หญิงอีกนะ?
เฉินถิงเซียวแสยะยิ้ม พลางหรี่ตามองเธอ น้ำเสียงแกมข่มขู่ “นี่คุณยังอยากจะไปเจอหน้าเขาเหรอ?”
“ไม่อยาก” มู่น่อนน่อนไม่ได้เห็นเขาแสดงสีหน้าเช่นนี้มานานมากแล้ว
เธอเม้มริมฝีปาก พลางพูดอย่างรู้งาน “เปล่านะ ไม่อยากเจอหน้าเขา”
แต่ว่าเมืองหู้หยางมันใหญ่มากขนาดนี้ ก็ต้องมีสักวันแหละที่ต้องเจอหน้าเสิ่นชูหานอีก
อีกอย่าง ก่อนหน้าที่เธอจะหนีไปต่างประเทศ ก็ได้รับความช่วยเหลือจากเสิ่นชูหานจริงๆ เขาติดหนี้บุญคุณเสิ่นชูหานเอาไว้
“พูดคำไหนคำนั้นนะ” เฉินถิงเซียวเอนตัวไปหา พลางจูบบนริมฝีปากของเธอราวกับเป็นรางวัล
มู่น่อนน่อนถึงกลับยิ้มไม่ออก
เฉินถิงเซียวกอดเธอและจูบเธออยู่สักพัก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
ตอนที่เดินมายังหน้าประตูนั้น นัยน์ตาอันลึกซึ้งของเฉินถิงเซียวก็หันมามองเธอ “ช่วงนี้ผมอาจจะมาหาคุณได้ไม่บ่อยนะ”
“อื้อ” มู่น่อนน่อนพิงกับบานประตู พลางตะลึงเล็กน้อย จากนั้นถึงได้พยักหน้าหลังจากเข้าใจความหมายแล้ว
เฉินถิงเซียวย่นคิ้ว “ใจดำขนาดนี้เชียว ไม่มีความรู้สึกอดใจไม่ไหวสักนิดเลยเหรอ?”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าวันนี้เฉินถิงเซียวพูดมาก เธอเลยผลักเขาออกไปด้านนอกทันที “รีบออกไปเถอะ”
หลังจากที่เดินไปส่งเฉินถิงเซียวแล้ว มู่น่อนน่อนก็กลับเข้ามาในห้อง และนั่งจุมปุ๊กอยู่บนโซฟาคนเดียว
เธอฉุกคิดสิ่งที่เฉินถิงเซียวเอ่ยถามเสิ่นชูหานก่อนหน้านี้
ถ้ามีเวลา เธอก็ควรจะไปเจอกับเสิ่นชูหานจริงๆ
แต่ว่า ครั้งสุดท้ายที่เจอกับเสิ่นชูหาน กับการรู้จักกันกับเสิ่นชูหานในอดีตมันไม่เหมือนกันนะสิ
ไม่รู้ว่าเสิ่นชูหานยังคงรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่ทำกับเธอก่อนที่เธอจะไปต่างประเทศหรือเปล่า?
จู่ ๆ เธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ตอนอยู่ที่สนามบิน เสิ่นชูหานได้พูดกับเธอเอาไว้ว่า เรื่องในตระกูลเฉินมันลึกซึ้งหยั่งลึกมาก
การที่พูดออกมาเช่นนี้ มั่นไม่ได้หมายความว่า เสิ่นชูหานก็รู้เรื่องของตระกูลเฉินมาบ้าง?
อย่างไรเสียก็อยู่ในเมืองหู้หยางกันทั้งนั้น ไม่ช้าหรือเร็วก็จะได้เจอหน้ากัน มู่น่อนน่อนเองก็ไม่มีแผนที่จะเป็นคนไปหาเสิ่นชูหานเอง
……
เฉินถิงเซียวพูดว่าช่วงนี้จะไม่มาหาเธอ ผลที่ได้คือไม่มาหาเธอเลย
มู่น่อนน่อนนอกจากจะไปที่กองถ่ายแล้ว บ้างก็ไปคุยเรื่องบทกับฉินสุ่ยซานบ้าง ก็ถือว่ามีความสงบอยู่ทุกวัน