ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 300 เป็นเพราะเฉินถิงเซียวเหรอ?
รอยยิ้มในดวงตาของเสิ่นชูหานยิ่งลึกขึ้น “ขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ผมหน่อยละกัน”
มู่น่อนน่อนเอาเบอร์โทรศัพท์ของตนเองให้แก่เสิ่นชูหาน
หลังจากเสิ่นชูหานบันทึกเบอร์โทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ก็พูดว่า “ตอนนี้คุณต้องการจะกลับแล้วใช่ไหม? ให้ผมไปส่งคุณไหม?”
แน่นอนว่ามู่น่อนน่อนไม่ให้เขาไปส่งตัวเองกลับบ้านอยู่แล้ว
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ฉันกลับเองได้”
เสิ่นชูหานก็ไม่ได้ฝืนใจเธอ “แล้วเจอกัน”
รอจนรถของเสิ่นชูหานขับออกไป มู่น่อนน่อนถึงจะเรียกรถกลับบ้าน
หลังจากออกมาจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็ได้รับสายจากฉินสุ่ยซาน
ฉินสุ่ยซานถามเธอผ่านทางสายว่า “หลังจากฉันไปแล้วสวุมู่หันได้พูดอะไรรึเปล่า? ”
“แกคิดว่าเขาจะพูดว่าอะไรล่ะ?” หาได้ยากที่มู่น่อนน่อนจะมีโอกาสแกล้งหยอกฉินสุ่ยซาน
จริงๆ แล้วเธอดูออกว่าฉินสุ่ยซานชอบสวุมู่หัน
แต่สิ่งที่เธอรู้สึกว่าเหนือความคาดหมายก็คือ สวุมู่หันเป็นคนที่มีพรสวรรค์แต่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน มองจากลักษณะท่าทางของเขาก็ดูออกแล้ว เป็นคนที่น่าเชื่อถือได้คนหนึ่ง สุขุมแต่ไม่น่าเบื่อ
ผู้ชายประเภทนี้เป็นเรื่องง่ายที่จะมีแต่คนเข้ามาชอบ
ฉินสุ่ยซานท่าทางร้อนรนจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว “แกรีบพูดมาแล้ว ว่าเขาได้พูดอะไรบ้างหรือเปล่า!”
มู่น่อนน่อนแนะนำเธอแทน “แกอยากรู้อะไรทำไมไม่ไปถามเขาเองล่ะ? ”
“เฮ้อ พูดแล้วเรื่องมันยาว” ฉินสุ่ยซานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
ท้ายที่สุดมู่น่อนน่อนก็กล่าวตามตรง “เขาถามฉันว่าพูดเรื่องอะไร ฉันบอกให้เขามาถามเธอเอง มีความสุขไหมล่ะ? ”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ผ่านไปสักพัก ฉินสุ่ยซานก็ตอบกลับมาเบาๆ “ฉันคิดว่าเขาคงไม่มาถามฉันหรอก”
……
ก่อนหน้านี้เสิ่นชูหานเคยพูดว่าอีกไม่กี่วันจะให้มู่น่อนน่อนช่วยธุระเรื่องหนึ่ง
ผลลัพธ์คือ มู่น่อนน่อนเพิ่งมารู้ในตอนท้ายว่า สิ่งที่เสิ่นชูหานจะให้เธอมาช่วยก็คือ ให้เธอไปงานเลี้ยงค็อกเทลงานหนึ่งเป็นเพื่อนเขา
เมื่อมู่น่อนน่อนรู้ว่าเรื่องที่เขาขอให้เธอมาช่วยเป็นงานแบบนี้ ก็รีบปฏิเสธโดยทันที “คุณไปหาคนอื่นเถอะ งานนี้ฉันช่วยไม่ได้หรอก”
ก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวเคยพูดไว้ว่า อย่าให้เธอเจอกับเสิ่นชูหานอีก
ไม่เจอกับเสิ่นชูหานนี่คงเป็นไปไม่ได้ แต่เธอสามารถปฏิเสธไม่ไปงานเลี้ยงค็อกเทลกับเขาได้
แม้ตระกูลเสิ่นจะเทียบกับตระกูลเฉินไม่ได้ แต่ในเมืองหู้หยางก็ยังเป็นตระกูลที่พอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง เธอไม่อยากไปงานเลี้ยงกับเสิ่นชูหานแล้วมีข่าวลือแพร่สะพัดออกไปทั่วอีก
เสิ่นชูหานคาดไว้นานแล้วว่าเธออาจจะปฏิเสธ เพียงพูดอย่างสงบนิ่งว่า “ก่อนหน้านี้คุณสัญญากับผมแล้ว คุณไม่ใช่คนที่กลืนน้ำลายลงคอนี่นา”
“ตอนนี้ฉันกลืนน้ำลายลงคอ” มู่น่อนน่อนยืนหยัดอย่างหนักแน่น
เสิ่นชูหานเงียบไปครู่หนึ่ง จ้องมองมู่น่อนน่อนอยู่สักพัก น้ำเสียงมีแววถากถาง “เป็นเพราะเฉินถิงเซียว? ”
มู่น่อนน่อนตะลึงไปครู่หนึ่ง ไม่ได้กล่าวอะไร
ใครๆ ต่างก็คิดว่าเธอเลิกกับเฉินถิงเซียวแล้วจริงๆ แต่ดูเหมือนว่าเสิ่นชูหานจะไม่ได้คิดอย่างนั้น
เสิ่นชูหานเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร ก็ไม่ได้ใส่ใจ กลับกันยังเอียงตัวเข้าไปชิดเธอ พูดเบาๆ ว่า “น่อนน่อน ผมเข้าใจคุณดียิ่งกว่าใครๆ คุณกำลังคิดอะไรอยู่ คุณอยากได้อะไร ผมรู้หมดแหละ”
มู่น่อนน่อนไม่ชินที่จะมีผู้ชายคนอื่นนอกจากเฉินถิงเซียวเข้าใกล้เธอขนาดนี้ เธอก้าวถอยหลัง ทว่าจู่ ๆ เสิ่นชูหานก็ยืมมือออกมาคว้าข้อมือของเธอไว้ “เฉินถิงเซียวไม่เหมาะสมกับคุณ ความตื้นลึกหนาบาง”ของตระกูลเฉินมันหลายซับซ้อนเกินไป”
“คุณหมายความว่ายังไง?” มู่น่อนน่อนหรี่ตากล่าว “ตอนที่ฉันออกนอกประเทศก่อนหน้านี้ คุณก็พูดกับฉันแบบนี้เหมือนกัน คุณบอกว่าความตื้นลึกหนาบางของตระกูลเฉินมันหลายซับซ้อนเกินไป อะไรลึกยังไง? คุณหมายถึงอะไรบ้าง? ”
เสิ่นชูหานไม่คิดว่ามู่น่อนน่อนจะเป็นฝ่ายถามกลับมาตรงๆ
น้ำเสียงและสายตาของเธอมีแววเชือดเฉือนและคาดคั้น สีหน้าท่าทางของเสิ่นชูหานเข้มขึ้น ดูจริงจังขึ้นมา “ผมไม่มีวันทำร้ายคุณ ก่อนหน้านี้ผมอาจจะเคยคิดจะหลอกใช้คุณเหมือนพวกมู่หวั่นขี แต่สิ่งที่ผมพูดและทำตอนนี้ก็เพื่อตัวคุณเองทั้งนั้น”
มู่น่อนน่อนยิ่งมั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่าเสิ่นชูหานจะต้องรู้อะไรบางอย่าง “คุณรู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลเฉินบ้าง? บอกฉันมา”
“คุณอยากรู้ขนาดนี้เลย?” มู่น่อนน่อนพยักหน้า
เสิ่นชูหานปล่อยข้อมือของเธอ มีท่าทีเย็นชาเล็กน้อย “คุณไปร่วมงานเลี้ยงกับผม เลิกงานแล้วผมจะบอกคุณ”
“คุณ…” มู่น่อนน่อน มองเขาอย่างทำอะไรไม่ได้ นี่กำลังขู่เธอชัดๆ
อาจเพราะสายตาของมู่น่อนน่อนแสดงออกชัดเจนเกินไป เสิ่นชูหานเลยมองออกถึงความคิดเธอ
“น่อนน่อน นี่ไม่ได้เรียกว่าขู่ ผมเป็นนักธุรกิจ ไม่ทำเรื่องที่ไม่มีผลประโยชน์หรอกนะ คุณอยากให้ผมบอกสิ่งที่รู้แก่คุณ คุณก็ต้องจ่ายอะไรบ้าง ผมแค่ให้คุณเป็นคู่ควงหญิง ไปร่วมงานเลี้ยงกลางคืนกับผมงานหนึ่งเท่านั้นเอง”
น้ำเสียงของเสิ่นชูหานจริงจังอย่างยิ่ง
มู่น่อนน่อนคิดไปคิดมา ก็คิดว่าที่เสิ่นชูหานพูดมาก็มีเหตุผล
เดินเธอก็ติดค้างน้ำใจของเสิ่นชูหานไว้ เขาเองก็ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่จะต้องเอาสิ่งที่ตนเองรู้มาบอกแก่เธอ
ถ้าเกิดว่าเขารู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตระกูลเฉินจริงๆ งั้นแสดงว่านั่นก็ต้องเป็นความลับที่สำคัญมากแน่
เขาอยากบอกหรือไม่อยากบอกเธอ ก็เป็นอิสระของเขา
มู่น่อนน่อนคิดพวกนี้จนทะลุปรุโปร่งแล้ว ก็ยืนยันกับเขา “แค่ไปร่วมงานเลี้ยง? จบงานเลี้ยงแล้วคุณจะบอกฉัน? ”
เสิ่นชูหานขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับไม่ค่อยพอใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังพยักหน้า
“ใช่แล้ว”
……
เสิ่นชูหานบอกว่างานเลี้ยงกลางคืน คือวันศุกร์ตอนสองทุ่ม
งานจัดขึ้นในโรงแรมระดับเจ็ดดาวแห่งหนึ่งของเมืองหู้หยาง
ก่อนหน้านี้เฉินถิงชิงเฟิงเชิญเธอไปร่วมงานเลี้ยงนั้น ก็จัดที่นี่เหมือนกัน
เมื่อมู่น่อนน่อนลงจากรถ ก็เห็นเสิ่นชูหานในชุดสูทสีขาวทั้งตัว
เขายืนรอมู่น่อนน่อนอยู่หน้าประตูโรงแรม เดิมก็มีหน้าตาโดดเด่นอยู่แล้ว สูทขาวทั้งตัวยิ่งเสริมให้เขาดูสุภาพสง่างามมากยิ่งขึ้น
เป็นคนประเภทตรงข้ามกับเฉินถิงเซียวโดยสิ้นเชิง
เฉินถิงเซียวไม่ชอบใช่สูทสีขาวแบบนี้ เขาเป็นคนสุขุมลุ่มลึกและเก็บตัว ชุดสูทล้วนเป็นสีเข้มๆ ทั้งนั้น
“วันนี้สวยมากเลย” เมื่อเสิ่นชูหานเห็นมู่น่อนน่อนลงจากรถ และเดินมุ่งหน้ามาทางเธอ
เดิมเสิ่นชูหานก็อยากจะไปรับเธอ แต่ก็ถูกมู่น่อนน่อนปฏิเสธ
มู่น่อนน่อนเป็นคนดื้อดึงคนหนึ่ง บอกว่าจะไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนเขา ก็ไปแค่งานเลี้ยงงานหนึ่งเท่านั้น
ชุดออกงานที่เสิ่นชูหานส่งไปเธอ เธอกลับไม่รับเอาไว้ พลันส่งคืนให้เขาทันที
พอเสิ่นชูหานบอกจะไปรับเธอ เธอก็ปฏิเสธด้วยสีหน้าเย็นชา
มู่น่อนน่อนหลีกเลี่ยงเสิ่นชูหานที่ต้องการจูงมือเธอ “ขอบคุณค่ะ”
วันนี้มู่น่อนน่อนสวมชุดออกงานสีดำ รูปแบบเรียบง่ายสุดๆ
หน้าม้าของเธอก็ยาวนานแล้ว ปกติทรงผมสีดำยาวจะแสกกลาง เพราะวันนี้จะเข้าร่วมงานเลี้ยง เลยไปทำผมมา ดัดจนเป็นผมลอน
ผมดัดลอนทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหลายส่วน อาจเป็นเพราะเคยมีลูกมาแล้วคนหนึ่ง ช่วงจังหวะที่เงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ พลันมีเสน่ห์มากมาย
เสิ่นชูหานดึงมือที่คว้าน้ำเหลวของตนเองกลับมา มองด้านหลังของเธอแบบยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว
มู่น่อนน่อนและเสิ่นชูหานสองคนเดินเคียงกันเข้าไปด้านใน
ตามมารยาทในงานเลี้ยง มู่น่อนน่อนจำต้องคล้องแขนเสิ่นชูหานเดินเข้าไปในงานเลี้ยงด้วยกัน
คนมาร่วมงานเลี้ยงไม่น้อยแล้ว สตรีส่วนมากก็จะจัดกลุ่มอยู่ด้วยกัน
ตอนที่มู่น่อนน่อนผ่านไป ก็ได้ยินสิ่งที่พวกเธอพูดคุยกัน
“วันนี้ทรงผมฉันเป็นยังไงบ้าง? สไตล์ลิสต์เพิ่งกลับมาจากดูงานที่ยุโรปมา เจ๋งมากเลย…”
“ชุดกระโปรงไม่เลวเลยนี่”
“…ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวจะเข้าตานายน้อยเฉินหรือเปล่า”
นายน้อยเฉิน?
มู่น่อนน่อนหยุดฝีเท้าทันที
เสียงของเสิ่นชูหานก็ดังขึ้นมาในเวลานี้ “ลืมบอกคุณเลย เฉินถิงเซียวเองก็มางานนี้ด้วย”