ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 310 ฉันห่วงใยนายมาตลอด
อำนาจและตัวตนที่ตระกูลเฉินให้เขา ล้วนแล้วแต่ต้องการให้เขาเสียสละและชดใช้
บนโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้มีความอยุติธรรมไปเสียทั้งหมด
ยิ่งเขาได้รับเยอะมากเท่าไหร่ ก็ต้องเสียสละมากขึ้นเท่านั้น
เฉินถิงเซียวโน้มตัวลงไปให้มู่น่อนน่อนผูกได้ง่ายขึ้น นัยน์ตาสีดำของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของมู่น่อนน่อน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “เป็นห่วงฉันเหรอ?”
มู่น่อนน่อนไม่ได้ตอบเขาทันที แต่กลับผูกเนกไทให้เขาดีๆ แล้วจัดทรงอยู่สักพัก จากนั้นก็ถึงเงยหน้าขึ้นพูดว่า: “ฉันเป็นห่วงนายมาตลอด ดังนั้นนายจะต้องรักสุขภาพตัวเองให้มากๆนะ”
“อืม” เฉินถิงเซียวพยักหน้า
ต่อมา เขาก็ยื่นมือไปชี้ที่ปากตัวเอง เพื่อให้มู่น่อนน่อนจุ๊บเขาก่อนไปทำงาน
มู่น่อนน่อนส่ายหน้า เธอยังไม่ได้แปรงฟันเลย ไม่อยากจุ๊บเขา
เฉินถิงเซียวไม่สนใจอะไรมาก เขาเชยคางเธอขึ้นมาแล้วจุ๊บไปที่ปากทันที
ตอนที่ปล่อยเธอออก แววตาเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ: “เป็นจูบที่มีกลิ่นมาก”
มู่น่อนน่อนทุบไปที่ตัวเขาแรงๆ
เขาไม่หลบปล่อยให้เธอทุบตัวเองไป จากนั้นเขาก็ค่อยออกไปทำงาน
มู่น่อนน่อนเดินไปที่หน้าต่าง มองดูรถของเขาขับออกไป ตอนที่กลับหลังหันเตรียมไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องอาบน้ำ ก็ถึงนึกขึ้นได้ว่าเฉินถิงเซียวยังไม่ได้กินอาหารเช้า
เมื่อก่อนตอนที่พวกเขาอยู่ในคฤหาสน์บนเขานั้น เฉินถิงเซียวก็จะกินข้าวเช้าก่อนแล้วค่อยออกไปทำงานตลอด
ตอนนี้เขาพักอยู่คนเดียว คอนโดก็ไม่มีคนรับใช้อีก ไม่รู้ว่าตอนเช้าที่ไปทำงานได้กินข้าวเช้าบ้างไหม
มู่น่อนน่อนครุ่นคิดแล้ว ก็ส่งข้อความให้สือเย่ ให้เขาซื้อข้าวเช้าให้เฉินถิงเซียวด้วย
เฉินถิงเซียวไปทำงานที่บริษัท แล้วเธอก็แต่งตัวแต่งหน้า เตรียมไปโรงถ่ายละคร
มู่น่อนน่อนล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็ขับรถกลับไปที่พักของตัวเอง
ทำอาหารเช้าให้ตัวเองง่ายๆ เธอกินไปด้วยแล้วเลื่อนดูเวยป๋อของซือเฉิงหยู้ไปด้วย ดูว่าจะได้การเดินทางของเขาจากในนี้หรือเปล่า
เธอดูเวยป๋อของซือเฉิงหยู้อยู่นานมากก็หาไม่เจอ
เมื่อก่อน ซือเฉิงหยู้จะลงเวยป๋อตลอด คอมเมนต์ส่วนใหญ่ด้านล่างก็ชื่นชมเขามาตลอด
มู่น่อนน่อนกดเปิดเวยป๋อหนึ่งเข้าไป เห็นด้านล่างส่วนใหญ่ด่าเขาทั้งหมด
ตั้งแต่ซือเฉิงหยู้ยกเลิกสัญญากับบริษัทเสิ้งติ่ง ความนิยมของเขาก็ลดลงทันที เหลือเพียงคนที่ชอบบ้างและเกลียดบ้าง
ระหว่างนั้นเขากับมู่หวั่นขีคบกัน เป็นสาเหตุที่แฟนคลับส่วนใหญ่กลายเป็นแอนตี้แฟนไปทันที
แฟนคลับของซือเฉิงหยู้มีเยอะมาก หลายปีมานี้เขารักษาบุคลิกตัวเองในบริษัทเสิ้งติ่งมาดีตลอด ข่าวอื้อฉาวในช่วงนั้นที่ออกมาเยอะมาก แล้วยังมาอยู่กับมู่หวั่นขีคนแบบนี้อีก ไม่มีบริษัทเสิ้งติ่งคอยสนับสนุนเขาแล้ว ก็ต้องมีแฟนคลับส่วนใหญ่กลายเป็นแอนตี้แฟนคลับเป็นธรรมดา
ขนาดมู่น่อนน่อน แค่พูดในมุมมองของแฟนคลับคนหนึ่ง แค่นี้ก็เพียงพอต่อการให้เธอเป็นแอนตี้แฟนของซือเฉิงหยู้ไปจนตายได้เลย
เมื่อก่อนซือเฉิงหยู้ดังจริง งั้นตอนนี้เขาก็คงดังในแบบที่ถูกแอนตี้
ถูกแอนตี้ไปทั้งตัว แต่กลับยังคงโด่งดังอยู่
ช่วงนี้ซือเฉิงหยู้โพสต์ลงเวยป๋อ ก็มีแค่โฆษณาที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ และยังมีการประกาศละครเรื่องใหม่
เห็นรูปที่เขาลง เหมือนว่าจะเป็นละครโบราณเลยนะ
มู่น่อนน่อนเปิดคอมเมนต์ด้านล่างออกมาอ่าน เห็นด้านล่างมีคนคอมเมนต์ว่า: “วันนี้ไปโรงถ่ายละครเห็นนักแสดงซือ เลยแอบถ่ายรูปมาด้วยแต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ดีใจมากเลย……”
คอมเมนต์นี้มีคนมาคอมเมนต์ต่อท้ายอยู่เยอะมาก
“เป็นโรงถ่ายละครเมืองหู้หยางใช่ไหม?”
“ใช่ แต่ไม่รู้ว่าละครเรื่องนี้ถ่ายนานไหม มีความคาดหวังอยากบังเอิญเจอนักแสดงซืออีกครั้ง……”
“อิจฉาจังเลย ฉันก็อยากเจอนักแสดงซือตัวจริง”
“ก็แค่ขยะมีอะไรให้น่าดูกัน!”
ด้านล่างก็มีแต่คำด่าซือเฉิงหยู้ มู่น่อนน่อนก็ขี้เกียจดู แต่แค่บันทึกรูปที่มีแฟนคลับคนนั้นถ่ายเอาไว้
ตอนที่เธอขับรถไปโรงถ่ายละคร ก็เอารูปนั้นให้ฉินสุ่ยซานดู: “ดูออกไหมว่าอยู่ที่ไหน?”
โรงถ่ายละครในเมืองหู้หยางใหญ่ขนาดนั้น มู่น่อนน่อนก็ไม่ค่อยคุ้นทางด้วย ก็เลยต้องถามฉินสุ่ยซาน
ฉินสุ่ยซานก็มองออกว่าคนคนนั้นคือซือเฉิงหยู้ เลยถามว่า: “เธอจะไปหาซือเฉิงหยู้เหรอ?”
“ไม่ใช่ มีเรื่องต้องจัดการน่ะ อยากไปดูตรงนั้นหน่อย” มู่น่อนน่อนไม่ได้พูดความจริงไป
“อ้อ ที่ตรงนี้คือ……” ฉินสุ่ยซานบอกตำแหน่งกับมู่น่อนน่อนไป
มู่น่อนน่อนบอกลาฉินสุ่ยซานแล้ว ก็ไปยังสถานที่ที่ซือเฉิงหยู้ถ่ายละครทันที
ตอนที่ไปถึง มู่น่อนน่อนก็ถึงเห็นว่าอยากบังเอิญเจอซือเฉิงหยู้ที่นี่มันยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีก เพราะว่า——คนเยอะมากจริงๆ
ถ้าเป็นแบบนี้ อยากเจอซือเฉิงหยู้ ไปหามู่หวั่นขียังจะเร็วกว่านี้อีก
มู่น่อนน่อนยืนรออยู่ด้านนอกอยู่นานมาก ก็ไม่เจอซือเฉิงหยู้สักที
วิธีนี้คงไม่ได้ผลสินะ คงต้องไปตามหามู่หวั่นขีถึงจะได้เจอซือเฉิงหยู้สินะ
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปในด้านในด้วย แล้วก็คิดวิธีการตามหามู่หวั่นขีไปด้วย
เธอนึกถึงเมื่อวานที่บังเอิญเจอมู่หวั่นขีที่ร้านอาหาร หรือว่าไปดูตรงนั้นอีกที?
มู่น่อนน่อนคิดถึงตรงนี้ ก็ขับรถไปที่ร้านอาหารเมื่อวานทันที
เธอนั่งลงตรงโต๊ะที่วางไม่ใกล้จากประตูมาก หลังจากที่สั่งอาหารแล้ว ก็จ้องไปที่หน้าประตูอยู่ตลอด
แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นจริง ซือเฉิงหยู้กับมู่หวั่นขีมาที่ร้านอาหารนี้อีกครั้งจริงๆ
สไตล์การแต่งตัวของมู่หวั่นขีไม่เคยเปลี่ยนแปลง ยังคงใส่เดรสยาวโอ่อ่า แล้วตัวก็แนบติดซือเฉิงหยู้ไม่ห่างไปไหน และพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนละห้อย
ซือเฉิงหยู้มองเธอด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน ปล่อยให้มู่หวั่นขีแนบตัวเองอย่างนั้น เขาทั้งไม่รำคาญและไม่รังเกียจเลยสักนิด แถมยังยิ้มกว้างไปอีก
รอยยิ้มของเขา ทำเอาจิตใจของมู่หวั่นขีอ่อนระทวยไปด้วย แววตาเปล่งประกายขึ้นมาทันที
เมื่อก่อน มู่น่อนน่อนไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนที่มู่หวั่นขีชอบผู้ชายคนหนึ่งจะเป็นยังไง
แต่ตอนนี้เธอเห็นว่า ไม่ว่ามู่หวั่นขีจะร้ายกาจยังไง แต่ยังไงหล่อนก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี
ตอนที่ผู้หญิงคนหนึ่งรักผู้ชายคนหนึ่งจริงๆ ก็คงเป็นแบบนี้กันหมด
ทั้งสองไปที่ห้องทานอาหารส่วนตัวทันที
มู่หวั่นขีเดินไปที่ห้องก่อน ตอนที่ซือเฉิงหยู้เดินตามหลังเข้าห้องไป ทันใดนั้นก็หันหน้ามองไปที่มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนรับเบือนหน้าหนี ตอนที่เขาหันหน้ากลับมา เธอเอามือเท้าคางแล้วแกล้งเล่นโทรศัพท์
ผ่านไปสักพัก รอมู่น่อนน่อนหันกลับไปดู ก็เห็นว่าซือเฉิงหยู้เข้าห้องนั้นไปแล้ว
เมื่อกี้ซือเฉิงหยู้น่าจะเห็นเธอแล้วล่ะ
เห็นก็เห็นไปสิ ยังไงเป้าหมายวันนี้ของเธอก็เพื่อเอาเส้นผมของซือเฉิงหยู้
หลังจากอาหารที่มู่น่อนน่อนสั่งมาเสิร์ฟแล้ว เธอก็ตั้งใจกินช้าๆ
ในที่สุดซือเฉิงหยู้ก็ออกมาจากห้องสักที แล้วไปเข้าห้องน้ำ
มู่น่อนน่อนรีบตามหลังไปทันที
เธอกลัวว่าจะตามซือเฉิงหยู้ไม่ทัน จึงตั้งใจวิ่งตามไปเร็วๆ
แต่ว่า ตอนที่เธอเลี้ยวนั้น ซือเฉิงหยู้กลับหายไปแล้ว
ตอนนี้เอง ด้านหลังก็มีคนแตะไหล่เธอเบาๆ
เธอรีบหันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นซือเฉิงหยู้คาบบุหรี่ไว้ที่ปาก
เขามองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า: “เธอมาหาฉันเหรอ?”
มู่น่อนน่อนอึ้งไปสักพัก จากนั้นก็เป็นปกติ: “ไม่นี่ ฉันแค่มาเข้าห้องน้ำน่ะ”