ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 316 วิธีชั้นต่ำ
หลังจากการลักพาตัวในปีนั้น เฉินถิงเซียวก็มีความขัดแย้งกับเฉินชิงเฟิงมาเป็นเวลานาน
ในตอนนั้น เขาไม่ได้คิดถึงสิ่งที่ผิดปกติเกี่ยวกับคดีลักพาตัวในครั้งนั้น แต่เขาแค่รู้สึกว่าเฉินชิงเฟิงต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้เช่นกัน
ตั้งแต่ตอนนั้นพ่อลูกทั้งสองก็เริ่มห่างกันไปเรื่อยๆ
จากนั้นเฉินชิงเฟิงก็ส่งเฉินถิงเซียวไปต่างประเทศ และหลังจากได้อาศัยอยู่กับครอบครัวของเฉินเหลียน ความสัมพันธ์ของเขากับเฉินชิงเฟิงก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
ตอนที่เขากลับมาที่ในประเทศอีกครั้ง เขาก็ได้สร้างบ้านพักไว้ด้านนอก และก็ได้ก่อตั้งบริษัทเสิ้งติ่งขึ้น แต่ความขัดแย้งและความเหินห่างระหว่างเขากับเฉินชิงเฟิงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“อืม” ตอนที่เฉินถิงเซียวมองสำรวจที่เฉินชิงเฟิง เฉินชิงเฟิงก็มองสำรวจที่เขาเช่นกัน
ทั้งสองไม่เหมือนกับพ่อลูกแท้ๆ กันเลย ตรงกันข้ามกันตอนนี้ความห่างเหินของพวกเขามันมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุด สายตาของเฉินถิงเซียวก็หยุดลงที่ดวงตาของเฉินชิงเฟิง ก่อนที่เขาจะพูดอย่างราบเรียบว่า “มาหาผมมีธุระอะไรเหรอครับ?”
“ก็ไปอยากไปดูที่ที่แกอยู่” น้ำเสียงของเฉินชิงเฟิงก็ไม่ได้ต่างเขามากนัก
ในช่วงแรกๆ เฉินชิงเฟิงก็ยังลองพยายามทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉินถิงเซียวดีขึ้น แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งสองก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย
“จริงเหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นห่วงผมละ” เฉินถิงเซียวมองเขาด้วยรอยยิ้มเอือมระอา
สิ่งที่เฉินชิงเฟิงไม่ชอบมากที่สุด ก็คือท่าทีของเฉินถิงเซียวที่ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ในเมื่อกลับมาแล้ว ก็ไปเยี่ยมคุณปู่ของแกด้วยสิ”
“ครับ ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน” เฉินถิงเซียวลุกขึ้นยืน หลังจากพูดจบเขาไปที่ที่คุณท่านเฉินอาศัยอยู่
……
หลังจากที่คุณท่านเฉินออกจากโรงพยาบาลแล้ว เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้มาเยี่ยมเขาบ่อยมากนัก
เหตุผลหลักคือเฉินถิงเซียวยุ่งมาก และอีกเหตุผลก็คือเขาไม่เต็มใจที่จะกลับไปยังบ้านตระกูลเฉิน
เฉินถิงเซียวเดินไปที่หน้าประตูห้องของคุณท่านเฉิน เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผลักประตูแล้วเดินเข้าไป
ทันทีที่คนใช้ที่ดูแลคุณท่านเฉินเห็นเฉินถิงเซียว เธอก็กระซิบกับคุณท่านเฉินว่า “คุณท่านเฉินคะ คุณชายมาเยี่ยมค่ะ”
คุณท่านเฉินนั่งอยู่บนรถเข็น และบนขาของเขาก็ที่มีผ้าห่มบางๆ วางอยู่ เขาจ้องมองที่หน้าต่างอย่างเหม่อลอย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขากำลังมองอะไรอยู่
สำหรับคำพูดของคนใช้ เขาไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ
คนใช้เหลือบมองไปที่เฉินถิงเซียว ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย และร้องเรียกเขาด้วยความเคารพ “คุณชาย”
“ออกไป”
หลังจากที่คนใช้ออกไป เฉินถิงเซียวก็เดินไปนั่งลงตรงหน้าคุณเฉิน “คุณปู่ ผมมาเยี่ยมครับ ผมคือถิงเซียว”
เสียงของเขาดึงดูดความสนใจของคุณท่านเฉิน
คุณท่านเฉินหันศีรษะมองไปที่เขา ในแววตาเขาไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ เขาเพียงแค่จ้องมองไปที่เขาแค่นั้น ก่อนที่เขาจะบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ริมฝีปากของเฉินถิงเซียวเม้มจนเป็นเส้นตรง เขาขมวดคิ้วและแสดงท่าทีที่สงสัยออกมา ก่อนที่เขาจะพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณปู่ อยากจะบอกอะไรกับผมครับ?”
สิ่งที่คุณท่านเฉินได้พูดกับเขาในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าคดีลักพาตัวในปีนั้นต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่
และสิ่งที่คุณท่านเฉินต้องการบอกเขา มันคงไม่ใช่เพียงแค่ความลับที่ซ่อนอยู่ในคดีลักพาตัวแน่นอน
เรื่องอะไรกันที่ทำให้เฉินชิงเฟิงและคนอื่นๆ กลัวได้ขนาดนี้
ในคดีลักพาตัวเมื่อหลายปีก่อน รวมถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคุณท่านเฉินในหลายปีต่อมา คุณน้าเฉินเหลียนมีบทบาทอย่างไรกันแน่?
ในท้ายที่สุด คุณท่านเฉินก็ไม่ได้ให้คำตอบใดๆ แก่เขา
เฉินถิงเซียวนั่งอยู่กับคุณท่านเฉินสักครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและออกไป
คนใช้ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกประตู และเมื่อเธอเห็นเฉินถิงเซียวออกมา เธอก็พูดด้วยความเคารพว่า “คุณชาย”
“คุณปู่มีอาการแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ?” เฉินถิงเซียวหยุดเดิน และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
คนใช้ตัวสั่นเทาทันที ก่อนที่เธอจะพูดว่า “อาการของคุณท่านเป็นแบบนี้มาตลอด แต่ก็มีการตรวจร่างกายเป็นประจำทุกเดือน คุณหมอบอกว่าคุณท่านสุขภาพแข็งแรง”
เมื่อเฉินถิงเซียวได้ยิน เขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ดูแลเขาดีๆ”
“ค่ะ”
……
เฉินถิงเซียวอยู่รับประทานอาหารกลางวันที่บ้าน
คนในตระกูลเฉินมีหลายคน แต่ในวันทำงานจะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่บ้าน
ตอนที่ทานอาหาร ก็มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นซึ่งก็คือเฉินถิงเซียวและเฉินชิงเฟิง
เฉินถิงเซียวรับเหล้ามาจากคนรับใช้ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าไปมองที่เฉินชิงเฟิง “ดื่มเหล้าหน่อยสิ”
เฉินชิงเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาดูประหลาดใจมาก “แกอยากดื่มกับฉันไหม?”
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาหยิบแก้วเหล้ามาจากเฉินชิงเฟิง ก่อนจะเทเหล้าลงในแก้วของเขา จากนั้นก็ยื่นให้กับเขา
เฉินชิงเฟิงมองมาที่เขาสองสามวินาที สุดท้ายเขาก็ยอมรับแก้วไว้
เฉินถิงเซียวหยิบแก้วเหล้าที่อยู่ข้างหน้าเขาขึ้นมา ก่อนจะดื่มจนหมดแก้ว จากนั้นเขาก็คว่ำแก้วลง เพื่อแสดงให้เฉินชิงเฟิงดูว่า เขาดื่มหมดแล้ว
เฉินชิงเฟิงไม่ได้ดื่มจนหมดแก้วเหมือนเฉินถิงเซียว เขาแค่จิบไปเล็กน้อย “อายุมากแล้ว คงสู้หนุ่มสาวอย่างพวกแกไม่ได้ ฉันต้องดื่มเหล้าช้าๆ”
“แค่อายุห้าสิบกว่าๆ เอง คุณก็เริ่มทะนุถนอมชีวิตของคุณแล้วเหรอ?” เฉินถิงเซียวยิ้มอย่างมีเลศนัย ซึ่งสามารถคาดเดาอารมณ์ของเขาได้อย่างมาก
วิธีการพูดคุยระหว่างเขาและเฉินชิงเฟิงเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แต่เฉินชิงเฟิงก็ไม่ได้โกรธมากนัก
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ฉันยังรอจะได้ดื่มน้ำชาของลูกสะใภ้น่ะ” เฉินชิงเฟิงถามโดยไม่ตั้งใจ “ผู้หญิงที่จิ่งหยุ้นแนะนำให้ แกไปเจอมาแล้วใช่ไหม?”
“ไปเจอมาแล้ว” เฉินถิงเซียวพูดในขณะที่เติมเหล้าลงในแก้วของเฉินชิงเฟิง
เฉินชิงเฟิงหยิบขึ้นมาก่อนจะดื่ม “รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร เขาเอาแต่จองมองไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่
เฉินชิงเฟิงขมวดคิ้วก่อน จากนั้นก็ยื่นมือออกเพื่อจับที่หน้าผาก ดูเหมือนเขาจะรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “เป็นเพราะแก่แล้วจริงๆ ดื่มไปแค่นี้ก็รู้สึกเวียนหัวแล้ว”
“เหล้า…” เฉินชิงเฟิงพูดได้แค่คำนี้เท่านั้น จากนั้นเขาก็หมดสติฟุบลงบนโต๊ะเสียงดัง “ตึก”
เฉินถิงเซียวนั่งเงียบๆ เป็นเวลาสามวินาที จากนั้นเขาก็หยิบผ้าเปียกที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมา ก่อนจะเช็ดผงยาบนเล็บมือซ้ายออก จากนั้นเขาก็เดินไปหาเฉินชิงเฟิงช้าๆ และดึงเส้นผมของเขาออกมา
แม้ว่าจะเป็นวิธีชั้นต่ำ แต่มันก็ได้ผลมากๆ
……
มู่น่อนน่อนนัดทานอาหารเย็นกับเสิ่นเหลียง
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เสิ่นเหลียงเป็นห่วงเธอก็เลยติดต่อเธอไป แต่เธอก็กลับไปโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ดังนั้นเธอควรเลี้ยงข้าวเธอเพื่อเป็นการไถ่โทษ
ทางกองละครของเสิ่นเหลียงมีวันหยุดพอดี และเมื่อมู่น่อนน่อนบอกว่าจะเลี้ยงข้าวเธอ เธอก็ตกลงด้วยความดีใจ
มู่น่อนน่อนได้จองร้านอาหารที่มีความเป็นส่วนตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว และเธอก็ไปรอเสิ่นเหลียงก่อน
ก่อนที่เสิ่นเหลียงจะมา มู่น่อนน่อนได้สั่งน้ำแตงโมให้เธอ
น้ำแตงโมเพิ่งจะมาเสิร์ฟ เสิ่นเหลียงก็มาถึงพอดี
เธอเดินไปหามู่น่อนน่อนก่อนจะนั่งลง จากนั้นเธอก็เอื้อมมือไปจัดผมของตัวเอง “ทำไมมันร้อนแบบนี้เนี่ย”
มู่น่อนน่อนยืมน้ำแตงโมที่เพิ่งจะมาเสิร์ฟให้เธอ “ดื่มสิ เพิ่งจะเสิร์ฟเลย”
“รักเธอจังเลย” เสิ่นเหลียงมอบจูบที่ดูเกินจริงให้เธอ จากนั้นเธอก็ดื่มน้ำแตงโมในแก้วจนหมด
มู่น่อนน่อนเพิ่งสังเกตว่าเสิ่นเหลียงนั้นไม่ได้แต่งหน้า
“วันนี้เธอออกมาข้างนอกโดยที่ไม่ได้แต่งหน้า ไม่กลัวโดนแอบถ่ายเหรอ?” เสิ่นเหลียงเป็นคนที่ห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองมาก ปกติแล้วเธอจะไม่ออกไปข้างนอกถ้าไม่ได้แต่งหน้า
หลังจากที่เสิ่นเหลียงดื่มน้ำแตงโมหมดแล้ว เสิ่นเหลียงก็เอียงตัวลงบนโซฟาอย่างพึงพอใจ “ตอนนี้ฉันเลือกเดินในเส้นทางของการใช้ความสามารถ ต่อให้ฉันจะไม่แต่งหน้าแต่ฉันก็สวยอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นฉันเลยไม่ได้กังวลอะไร”