ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 341 คุณคิดว่าตาผมบอดหรือ
“อ่อ…” เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยสีหน้าเข้าใจขึ้นมาในทันที อันดับแรกคือรูปภาพใบนั้นมีสิ่งที่ทำให้เข้าใจผิดมากเกินไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชื่อคำพูดของเขา
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็หันหน้าไปให้คำแนะนำอย่างจริงใจกับมู่น่อนน่อน “แม่หนูน้อย ระหว่างคู่รัก การทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ พวกเราก็ยุ่งมาก คุณรู้ไหมว่าการที่คุณทำแบบนี้มันสิ้นเปลืองกำลังตำรวจ?”
มู่น่อนน่อนไม่อยากจะเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเชื่อคำพูดของลี่จิ่วเชียน เธอโบกมือพลางเอ่ยว่า “ไม่ใช่นะคะ คุณตำรวจ คุณฟังฉันก่อน…”
เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บสมุดบันทึก “เวลาก็ไม่เช้าแล้ว รีบกลับไปเถอะ หลังจากนี้หากพบเจอปัญหาอะไร ค่อยมาหาพวกเรานะ รีบกลับไปเถอะ”
“ฉัน…” มู่น่อนน่อนยังอยากจะพูดอะไร แต่ก็ถูกลี่จิ่วเชียนดึงให้ลุกขึ้น
หลังจากนั้น ลี่จิ่วเชียนก็เอ่ยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยสีหน้าจริงจังว่า “สร้างความเดือดร้อนให้กับพวกคุณแล้ว”
“คนไม่มีเรื่องก็ดี ดูแลแฟนสาวของคุณให้ดี ครั้งหน้าไม่สามารถทำเรื่องเหลวไหลแบบนี้ได้อีก” เจ้าหน้าที่ตำรวจเอ่ยจบแล้ว ก็กล่าวต่อว่า “ทางด้านทีมตำรวจสืบสวนรอให้คุณลี่มารายงานตัวเพื่อเริ่มงานนานแล้ว”
ลี่จิ่วเชียนเอ่ยอย่างคล้อยตามว่า “พรุ่งนี้ผมจะไปรายงานตัว ขอบคุณครับ”
มู่น่อนน่อนที่อยู่ข้างๆยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ก็ถูกลี่จิ่วเชียนลากออกมาจากสถานีตำรวจแล้ว
เธอสะบัดมือของลี่จิ่วเชียนไม่หลุด
มู่น่อนน่อนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “คุณเป็นใครกันแน่?”
“ลี่จิ่วเชียน จบการศึกษาปริญญาเอกสาขาอาชญาวิทยาจากต่างประเทศ ได้รับเชิญให้ไปเป็นที่ปรึกษาทางด้านจิตวิทยาของทีมตำรวจสืบสวนแห่งเมืองหู้หยาง”
คราวนี้น้ำเสียงและสีหน้าท่าทางของเขาค่อนข้างจริงจัง แต่มู่น่อนน่อนยังคงชักสีหน้าใส่เขา
“อ่อ? ได้รับเชิญให้กลับมาทำงานเป็นที่ปรึกษาทางด้านจิตวิทยาในประเทศ ก็สามารถแอบเข้าไปอาบน้ำในบ้านและแตะต้องของของคนอื่นได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือคะ”
“อย่าถือสาขนาดนั้นเลย อย่างมากผมก็ให้คุณขยับเขยื้อนของของผมบ้าง”
“เหอะ!” มู่น่อนน่อนหัวเราะเสียงเย็นแล้วหันหน้าเดินจากไป
เธอเข้าใจขึ้นมากะทันหันบ้างแล้วว่า บางครั้งที่เฉินถิงเซียวถูกตัวเองทำให้โมโหจนเพียงแค่อยากจะยิ้มเยาะนั้นมีความรู้สึกอย่างไร
เธอเดินอยู่ด้านหน้า ลี่จิ่วเชียนก็เดินตามอยู่ด้านหลัง
เขาตัวสูงขายาวจึงก้าวเท้าได้ยาว มู่น่อนน่อนเดินเร็วมาก แต่เขากลับเดินสบายๆ “แตะต้องของของคุณนั้นเป็นผมที่ผิดเอง นั่นก็เป็นเพราะว่าผมคิดว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน ใช่ไหมครับ?”
“ฉันไม่มีเพื่อนแบบคุณ”
“อย่าพูดจาเด็ดขาดขนาดนี้สิครับ”
มู่น่อนน่อนหันหน้ากลับมาทันที ลี่จิ่วเชียนก็หยุดเท้าทันที “อะไรหรือ จู่ๆก็คิดอยากจะเป็นเพื่อนกับผมแล้ว?”
มู่น่อนน่อนแบมือตรงหน้าเขา “โทรศัพท์มือถือ ถ้าไม่ให้ฉันล่ะก็ พวกเราสามารถเข้าไปที่สถานีตำรวจได้อีกรอบในทันที”
“ให้คุณ” ลี่จิ่วเชียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาคืนเธอ
มู่น่อนน่อนรับมาแล้วดูโมเม้นท์ในวีแชท ยืนยันว่าเขาไม่ได้ส่งรูปภาพใบนั้นออกไป ก็ไปดูที่อัลบั้ม เมื่อลบรูปใบนั้นเรียบร้อยแล้วก็หมุนตัวเดินหน้าต่อไป
ลี่จิ่วเชียนเดินตามมาติดหนึบราวกับขนมหนิวผีถัง “ผมเพิ่งจะกลับประเทศ ไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและผู้คน ในฐานะที่คุณเป็นเพื่อนก็ควรจะต้อนรับผมสักหน่อยใช่หรือไม่”
มู่น่อนน่อนไม่สนใจเขา แต่เดินตรงเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง ลี่จิ่วเชียนก็ตามเข้าไปด้วยเช่นกัน
ตอนที่มู่น่อนน่อนทำการเช็คอินก็เอ่ยกับพนักงานต้อนรับว่า “ฉันไม่รู้จักคนคนนี้ เขาตามฉันมาตลอดทาง”
พนักงานต้อนรับมองไปทางลี่จิ่วเชียน เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อว่าคนที่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาตรงไปตรงมาเช่นเขาจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้
แต่เพื่อเป็นการป้องกันเรื่องที่จะเกิด พนักงานต้อนรับก็ยังคงให้พนักงานรักษาความปลอดภัยขวางลี่จิ่วเชียนเอาไว้
มู่น่อนน่อนหยิบคีย์การ์ดห้องแล้วหันไปมองเขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็รูดการ์ดเดินเข้าไปในลิฟต์โดยสาร
ลี่จิ่วเชียนเห็นเธอเดินเข้าไปในลิฟต์โดยสารแล้วถึงได้เผยสีหน้าท่าทางกลัดกลุ้มออกมาต่อหน้าพนักงานต้อนรับ “เธอเป็นแฟนสาวของผม เราทะเลาะกัน โรงแรมของพวกคุณก็อยู่ห่างจากสถานีตำรวจไม่ไกล ถ้าหากว่าผมเป็นคนแบบนั้น เธอคงจะแจ้งตำรวจไปนานแล้ว”
พนักงานต้อนรับครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็รู้สึกว่าเป็นเหตุผลนี้ สีหน้าจึงอ่อนลงเช่นกัน
ลี่จิ่วเชียนเห็นเหตุการณ์แล้ว นัยน์ตาก็มีประกายมืดมนพาดผ่านไป แต่ก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
“ช่วยเปิดห้องให้ผมหน่อย ขอเป็นห้องที่อยู่ตรงข้ามกับแฟนสาวของผม”
ตอนที่พนักงานต้อนรับลงทะเบียนบัตรประจำตัวประชาชนก็ยังเปรียบเทียบรูปภาพอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อยืนยันได้แล้วว่าเป็นคนเดียวกันถึงได้เปิดห้องให้เขา
……
มู่น่อนน่อนที่ไปถึงห้องพักก็อาบน้ำแล้วเอนตัวลงบนเตียง ตอนนี้เป็นเวลารุ่งสางแล้ว
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา คิดจะโทรศัพท์หาเฉินถิงเซียว แต่ก็กังวลว่าเขาจะหลับไปแล้ว
ระยะนี้เขายุ่งขนาดนั้น
เธอจึงทำได้เพียงแค่ล้มเลิกความคิดที่จะโทรศัพท์หาเฉินถิงเซียว
วุ่นวายมาตลอดทั้งคืน เธอเหนื่อยมาก แต่เมื่อหลับตาลงก็รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย
เธอจึงทำได้เพียงแค่ลุกขึ้นมานั่ง เปิดโทรทัศน์ พิงร่างอยู่ที่หัวเตียงดูโทรทัศน์ในสภาพที่ง่วงเหงาหาวนอนตลอดทั้งคืน
รอจนด้านนอกฟ้าสว่างแล้ว เธอก็อาบน้ำลวกๆและเตรียมตัวจะคืนห้องกลับไป
แต่ใครจะไปรู้กันว่า เมื่อเธอเปิดประตูก็เห็นใบหน้ายิ้มแย้มใสซื่อไร้พิษภัยของลี่จิ่วเชียน
“อรุณสวัสดิ์มู่น่อนน่อน” เขาพิงร่างอยู่ที่กรอบประตูห้องตรงข้าม เอ่ยทักทายมู่น่อนน่อนด้วยท่าทางสบายใจปลอดโปร่ง
มู่น่อนน่อนที่ไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน นัยน์ตาทั้งเจ็บทั้งปวด เธอหรี่ตาลง อารมณ์ที่คิดจะขึงตาใส่เขาก็ไม่มี เพียงแค่กัดฟันเดินไปทางลิฟต์โดยสาร
ลี่จิ่วเชียนก็ตามไป “ไปกินข้าวด้วยกันไหม ที่โรงแรมมีบุฟเฟต์ตอนเช้า”
“ไม่มีอารมณ์” มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปในลิฟต์โดยสาร เงยหน้ามองกล้องวงจรปิดครู่หนึ่งแล้วพิงร่างเข้ากับผนังลิฟต์รอให้ลิฟต์เคลื่อนตัวลงไปชั้นล่าง
ลี่จิ่วเชียนก็คล้ายกับว่าหมดแรง จึงไม่เอ่ยพูดอะไรกับเธออีก
แต่ว่า เขาไม่พูดกับมู่น่อนน่อน ในใจของมู่น่อนน่อนก็เกิดความสงสัยขึ้นมา
เธอนึกถึงเรื่องที่ลี่จิ่วเชียนพูดเมื่อคืน ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเขาว่า “คุณเคยเจอฉันมาก่อน?”
เมื่อเห็นมู่น่อนน่อนยินยอมที่จะสนทนากับเขา เขาก็มีท่าทางคึกคักขึ้นมาทันที “ใช่แล้ว อ่อนโยนกว่าตอนนี้มากเลย”
มู่น่อนน่อนมองลี่จิ่วเชียนด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “จำคนผิดแล้วล่ะมั้ง?”
“คุณมองตาผมสิ” จู่ๆลี่จิ่วเชียนก็เขยิบตัวเข้ามาใกล้เธอ
“คุณทำอะไรน่ะ” มู่น่อนน่อนสีหน้าตกตะลึง
ลี่จิ่วเชียนหรี่ตาลงขณะถามเธอ “คุณคิดว่าตาผมบอดหรือ”
มู่น่อนน่อน “…”
ติ๊ง…
ตอนนี้เองที่ประตูลิฟต์โดยสารเปิดออก
มู่น่อนน่อนย่อตัวลอดใต้แขนเขาวิ่งออกไป
เธอตรงไปคืนห้องที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ตอนที่ใกล้จะเดินถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เธอก็เห็นเงาร่างอันคุ้นเคย จึงรีบหยุดเท้าทันที
มู่หวั่นขีที่คืนห้องอยู่ตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์นั้นเห็นมู่น่อนน่อนเข้าแล้ว
มู่หวั่นขีอยู่ด้วยกันกับผู้หญิงคนอื่นๆอีกหลายคน เธอกอดอกเดินมาด้านหน้ามู่น่อนน่อน “นี่ไม่ใช่ภรรยาเก่าของคุณชายเฉินที่เพิ่งจะคบหากับแฟนหนุ่มใหม่ไปไม่กี่วันก่อนหน้านี้หรอกหรือ”
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว “เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย”
“เธอยังด่าคนเป็นด้วย” ลี่จิ่วเชียนเดินตามมาจากด้านหลัง น้ำเสียงตะลึงเล็กน้อย
เบื้องหน้าคือมู่หวั่นขีที่เกลียดเธอเข้ากระดูก เบื้องหลังก็เป็นคนประสาทที่สลัดอย่างไรก็สลัดไม่หลุด มู่น่อนน่อนรู้สึกว่านัยน์ตาของตัวเองปวดร้าวมากขึ้น
เธอเดินอ้อมมู่หวั่นขีตรงไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ “คืนห้องค่ะ ขอบคุณ”
สนทนากับพวกเขามากขึ้นประโยคหนึ่ง เธอก็รู้สึกว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่น้อยลงไปหลายปี
ตอนนี้เองที่เธอได้ยินเสียงจงใจยั่วยุของมู่หวั่นขีดังขึ้นมาจากด้านหลัง “คุณคือแฟนใหม่ของมู่น่อนน่อนหรือ แม้ว่าจะสู้เฉินถิงเซียวไม่ได้ แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่เลว ทำไมถึงได้ชอบผู้หญิงที่เคยแต่งงานมาแล้วกัน”