ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 346 มีคนบางคนที่กระทั่งสุนัขก็ยังเทียบไม่ได้
ในตอนนี้เองที่ลูกน้องวิ่งมาถึงข้างกายซือเฉิงหยู้ “คุณชายซือ หากเป็นแบบนี้ต่อไป คนของพวกเราจะสู้เขาไม่ได้เลยนะครับ”
ซือเฉิงหยู้ถอนสายตาที่ตกอยู่บนร่างของเฉินถิงเซียวกลับมา ยังไม่ทันเอ่ยพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจดังมาจากด้านนอก
ต่อมา สือเย่และกู้จือหยั่นก็นำคนวิ่งบุกเข้ามา
แค่ดูสือเย่ก็เห็นเฉินถิงเซียวในทันที “คุณชาย!”
ซือเฉิงหยู้สีหน้าทะมึน โบกมือขึ้น พลางเอ่ยว่า “แยกย้าย”
ก่อนจากไป เขายังคิดจะพาตัวมู่น่อนน่อนไปด้วย แต่เฉินถิงเซียวบุกฝ่ากลุ่มคนเข้ามา
คนที่สือเย่กับกู้จือหยั่นพามาด้วยล้วนตามเข้ามา สถานที่เกิดเหตุจึงชุลมุนวุ่นวายมากกว่าปกติในทันที
มู่น่อนน่อนสูญเสียเลือดมากเกินไป ใบหน้าขาวซีด คราวนี้จึงมีอาการเวียนศีรษะตาลายอยู่บ้าง
เธอรู้สึกได้ว่ามีคนช่วยตัวเองกดปากแผลบริเวณไหล่ มือข้างนั้นดูเหมือนว่าจะสั่นระริก
ต่อมาก็มีเสียงเรียกของเขาดังขึ้น “มู่น่อนน่อน!”
เสียงนี้เธอคุ้นเคยมากที่สุด เป็นเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนเงยหน้า มองใบหน้าของเฉินถิงเซียวได้ไม่ชัดเจนอยู่บ้าง
เสียงของมู่น่อนน่อนอ่อนแรงเล็กน้อย “อย่าไปทำเรื่องที่ซือเฉิงหยู้ให้คุณไปทำพวกนั้น…เขาต้องการจะ…ทำลาย…คุณ…”
เดิมซือเฉิงหยู้ก็มีชีวิตที่สมบูรณ์ แต่ในตอนที่ได้รับรู้เรื่องราวในชีวิตของตัวเองก็เลือกที่จะยินยอมให้ตัวเองจมดิ่งอยู่ในนั้น ทำให้ชีวิตของตัวเองชุลมุนวุ่นวาย ตอนนี้ยังคิดจะดึงเฉินถิงเซียวลงไปด้วย…
หรือจะพูดว่า ตอนนี้ซือเฉิงหยู้ต้องการให้ทุกคนทุกข์ทรมานเหมือนกับเขา
ซือเฉิงหยู้บ้าไปแล้วจริงๆ
เฉินถิงเซียวน้ำเสียงแหบพร่าผิดปกติ “ไม่ต้องพูดแล้ว ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
เขายื่นมือไปคลายเชือกที่อยู่บนร่างมู่น่อนน่อนออกแล้วอุ้มเธอขึ้นมา
มู่น่อนน่อนตาปรืออิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเขา ทำจมูกฟุดฟิด พลางถามเขาว่า “คุณได้รับบาดเจ็บหรือคะ ฉันได้กลิ่นคาวเลือด…”
“ผมเปล่า เป็นคุณที่ได้รับบาดเจ็บ” เฉินถิงเซียวเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยคุยกับเธอ
“แต่ว่าบนร่างของคุณ…” เลือดที่บาดแผลของมู่น่อนน่อนยังคงรินไหล เธอจึงทนไม่ไหวแล้วสลบไป
“ไม่ต้องพูดแล้ว”
สือเย่รีบก้าวเข้ามาหา “คุณชาย”
เขาเห็นเสื้อผ้าบนร่างของเฉินถิงเซียวล้วนฉีกขาด บริเวณแขนก็มีบาดแผลเล็กใหญ่ จึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “คุณชาย…ไม่อย่างนั้น…ให้ผมทำแทนไหมครับ?”
“ไม่ต้อง” เฉินถิงเซียวเดินตรงผ่านเขาไป โดยไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย
สือเย่ก้าวขึ้นไปเปิดประตูรถเบาะด้านหลังแทนเฉินถิงเซียว และเดินอ้อมไปด้านหน้าเพื่อขับรถ
ในกระจกมองหลัง เขาเห็นเฉินถิงเซียวอุ้มมู่น่อนน่อนเอาไว้โดยไม่ขยับเขยื้อน
เฉินถิงเซียวก้มหน้าลง สายตาจับจ้องอยู่บนใบหน้าของมู่น่อนน่อน จึงทำให้คนมองเห็นสีหน้าของเขาได้ไม่ชัด
ตอนนี้เองที่สือเย่ได้ยินเฉินถิงเซียวเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ขับเร็วหน่อย”
“ครับ” สือเย่รีบถอนสายตากลับมา
……
สือเย่ขับรถมาถึงโรงพยาบาลที่อยู่ภายใต้บริษัทตระกูลเฉิน
มู่น่อนน่อนถูกส่งเข้าห้องผ่าตัด เฉินถิงเซียวยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ที่หน้าประตู
สือเย่ลองเอ่ยถามว่า “คุณชาย บาดแผลบนร่างคุณ ผมจะให้คนมาพันแผลสักหน่อยนะครับ?”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร
สือเย่เข้าใจเฉินถิงเซียว จึงเข้าใจได้ว่า ถ้าหากมู่น่อนน่อนยังไม่ถูกส่งออกมาอย่างปลอดภัย ก็เป็นไปไม่ได้ที่เฉินถิงเซียวจะจากไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงเย็นเยียบของเฉินถิงเซียวลอยมา “ไปที่คฤหาสน์สักรอบ อย่าให้ใครออกจากคฤหาสน์ได้แม้แต่คนเดียว”
สือเย่ชะงักไปเล็กน้อยแล้วรับคำ “ครับ”
หลังจากนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว
…..
บ้านเก่าตระกูลเฉิน
เฉินชิงเฟิงอาศัยช่วงเวลาที่วุ่นวายหลบหนีออกมาจากคลังสินค้าที่ถูกทิ้งให้ร้างแห่งนั้น เขาไม่ได้ตรงไปยังสนามบิน แต่กลับโทรศัพท์หาเฉินเหลียนแทน
แต่ไม่รู้ว่าเฉินเหลียนกำลังทำอะไรอยู่จึงไม่ได้รับโทรศัพท์
เขาจึงทำได้เพียงแค่กัดฟันแล้วกลับไปยังบ้านเก่าตระกูลเฉิน
มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวไม่ได้หย่ากัน ตอนนี้มู่น่อนน่อนได้รับบาดเจ็บ เฉินถิงเซียวดูแล้วยังเป็นห่วงเธอมาก ตอนนี้จะต้องไม่มีกะจิตกะใจจะมาสนใจเขา
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจเฉินชิงเฟิงก็สงบลงบ้าง
เขากลับไปที่บ้านเก่าตระกูลเฉิน เพื่อพาเฉินเหลียนไปยังต่างประเทศด้วยกัน ระยะทางยาวไกล เขาไม่เชื่อว่าเฉินถิงเซียวจะยังสามารถหาเขาพบได้
เมื่อถึงคฤหาสน์ เขาก็เข้าประตูไป พบว่าภายในคฤหาสน์เงียบอย่างน่าประหลาด
เขาเอ่ยเรียก “เฉินเหลียน!”
จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากที่ไม่ไกลนักอย่างเลือนราง จึงเดินตามเสียงนั้นไป เขาถึงได้เห็นเฉินเหลียนที่กำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัวกับเหล่าคนรับใช้
“พี่คะ พี่กลับมาแล้ว” เฉินเหลียนหันหน้ามายิ้มให้เขา
เฉินชิงเฟิงเดินเข้าไป คว้าหมับเข้าที่มือเธอแล้วเดินออกไปด้านนอก “รีบไปกับพี่เร็วเข้า!”
เฉินเหลียนไม่ยอมไปกับเขา เอ่ยถามเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ถิงเซียวรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว” เฉินชิงเฟิงใบหน้าเคร่งขรึม เอ่ยเสียงเบากับเธอ
เฉินเหลียนหน้าเผือดสี มองไม่ทางเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “อะไรนะคะ พี่พูดว่า…ทั้งหมด?”
“พวกเรารีบไปกันเถอะ เขาโหดเหี้ยมอำมหิต จะต้องไม่ปล่อยพวกเราไปแน่ๆ” เฉินชิงเฟิงมองไปรอบๆอย่างร้อนรน และดึงมือเฉินเหลียนออกไปด้านนอกอีกครั้ง
เฉินเหลียนส่ายหน้า “ฉันไม่ไป”
“ถ้ายังไม่ยอมไปก็จะ…”
สือเย่ที่นำคนเข้ามาด้วยตัดบทเฉินชิงเฟิง “คุณเฉินจะไปไหนหรือครับ”
เฉินชิงเฟิงเอ่ยเยาะว่า “นายจะยุ่งเรื่องฉันไปไหน? ก็แค่สุนัขตัวหนึ่งที่ถิงเซียวเลี้ยงเอาไว้ นายมีคุณสมบัติอะไรมายุ่งเรื่องของฉัน”
สีหน้าของสือเย่ไม่มีคลื่นความรู้สึกใดแม้แต่น้อย “มีคนบางคนที่กระทั่งสุนัขก็ยังเทียบไม่ได้นะครับ”
ต่อมา สือเย่ก็ส่งสายตาให้กับลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง ให้พวกเขาไล่คนรับใช้ทั้งหมดในคฤหาสน์ออกไป
“ถิงเซียวอยู่ที่ไหน” เฉินเหลียนสะบัดมือเฉินชิงเฟิง เดินมาถึงด้านหน้าสือเย่ พลางเอ่ยถาม
สือเย่ไม่ตอบคำถามเธอ เพียงแค่เอ่ยสั่งว่า “ส่งคุณเฉินกับคุณนายซือกลับไปพักผ่อนที่ห้อง”
พูดว่าส่ง แต่ความจริงแล้วคือบังคับตัวส่งกลับไปที่ห้องแล้วขังเอาไว้
ครึ่งชีวิตก่อนหน้านี้ของเฉินชิงเฟิงก็นับว่าเรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝน “พวกแกคุมขังคนอย่างผิดกฎหมาย ฉันจะแจ้งตำรวจ!”
สือเย่ยิ้ม น้ำเสียงประชดประชัน “คุณเฉินไม่รู้สินะครับว่ามีตำรวจสืบสวนนายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวคุณนายในปีนั้นคอยติดตามคดีในปีนั้นมาตลอด คุณชายเพียงแค่เปิดเผยรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับคดีความในปีนั้นให้เขาเพียงเล็กน้อย…”
เฉินชิงเฟิงนั้นให้ความสำคัญกับหน้าตาและอำนาจมาโดยตลอด เมื่อถูกสือเย่เอ่ยด้วยแบบนี้ สีหน้าเขาก็มืดมนในทันที
เขารู้ว่า ถ้าตัวเองตกอยู่ในเงื้อมมือของเฉินถิงเซียวแล้ว จะต้องมีจุดจบที่ไม่ดีอย่างแน่นอน
……
เฉินถิงเซียวยืนอยู่นอกห้องผ่าตัด รู้สึกเหมือนว่าผ่านไปนานถึงหนึ่งศตวรรษ ประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออกอีกครั้ง
คุณหมอเพิ่งจะออกมา เฉินถิงเซียวก็ก้าวพรวดไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าเขา ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “เธอเป็นอย่างไรบ้าง”
บนร่างเฉินถิงเซียวยังคงสวมชุดที่ขาดๆโดยไม่ได้เปลี่ยน ทั้งยังมีบาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บ สภาพดูแล้วน่าอนาถอยู่บ้าง แต่สายตาของเขากลับยังคงทำให้คนสั่นสะท้านได้เช่นเคย
คุณหมอเอ่ยเสียงสั่นอย่างไม่สามารถสังเกตเห็นได้ “พวกเราทำการผ่าตัดเย็บบาดแผลให้กับคุณมู่เรียบร้อยแล้ว เธอ…”
มู่น่อนน่อนถูกเข็นออกมาแล้ว
เฉินถิงเซียวพุ่งเข้าไป เมื่อเห็นมู่น่อนน่อนนอนหลับตา ใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง นัยน์ตาก็มีประกายคลุ้มคลั่งพาดผ่าน “ทำไมเธอถึงยังไม่ฟื้น?”