ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 347 ไม่เคยยื่นกรงเล็บที่แหลมคมไปให้เธอ
คุณหมอซับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากตัวเองเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างตัวสั่นงันงกว่า “บาดแผลลึกเกินไป จึงต้องฉีดยาชาครับ”
เฉินถิงเซียวได้ยินแล้ว สีหน้าก็ไม่ได้ดีขึ้น ยังคงมีท่าทางพร้อมที่ระเบิดออกมาได้ทุกเวลา “อีกนานเท่าไรถึงจะฟื้นคืนสติ”
“ต้องดูสภาพร่างกายของแต่ละคนครับ น่าจะเร็วๆนี้…” คุณหมอรู้สึกว่าหน้าผากตัวเองชื้นเหงื่อเย็นๆอีกแล้ว
เฉินถิงเซียวยังคงไม่พอใจในคำตอบของคุณหมอ “เร็วๆนี้นั้นเร็วแค่ไหน”
“ก็คือ…” คุณหมอถูกเฉินถิงเซียวทำให้ตกใจจนอ้ำๆอึ้งๆไม่กล้าพูดจา กลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรผิดไปแล้วถูกพญายมที่อยู่ตรงนั้นจัดการเข้า
กู้จือหยั่นที่รีบตามมาก็เห็นเหตุการณ์นี้เข้า
เมื่อเห็นเฉินถิงเซียวมีท่าทางจะลงไม้ลงมือ กู้จือหยั่นก็รีบวิ่งเข้ามา “น่อนน่อนเป็นอย่างไรบ้าง”
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวเต็มไปด้วยความตึงเครียด “ยังไม่ฟื้น”
กู้จือหยั่นหันหน้าไปถามคุณหมอ เมื่อได้ยินคำพูดคุณหมอแล้ว เขาก็ขึงตาใส่เฉินถิงเซียวอย่างไม่สบอารมณ์ “น่อนน่อนไม่ได้รับบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ก็แค่แผลบาดเจ็บลึกไปหน่อย จึงต้องฉีดยาชา นายก็ไม่ถึงขั้นต้องข่มขู่คุณหมอแบบนี้นะ”
เฉินถิงเซียวเหลือบมองกู้จือหยั่นครู่หนึ่ง คล้ายกับว่ากำลังครุ่นคิดถึงระดับความน่าเชื่อถือในคำพูดของกู้จือหยั่น
ผ่านไปสองวินาที เขาก็โค้งตัวเข็นมู่น่อนน่อนไปยังห้องพักผู้ป่วย
“ฉันจะช่วยนาย” กู้จือหยั่นคิดจะยื่นมือมาจับที่จับ
เพียงแต่มือของเขายังไม่ทันจะเข้าไปใกล้ก็ถูกเฉินถิงเซียวปัดออกเสียแล้ว “อย่าแตะ”
กู้จือหยั่นเม้มริมฝีปาก เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ฉันแค่จะช่วยนายเข็น…”
เฉินถิงเซียวไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย สนใจแค่ตัวเองที่เข็นมู่น่อนน่อนไปยังห้องพักผู้ป่วย
แน่นอนว่ามู่น่อนน่อนต้องพักอยู่ในห้องพักผู้ป่วย VIP เป็นธรรมดา
กู้จือหยั่นเดินตามเข้าไป ก็เห็นเฉินถิงเซียวอุ้มมู่น่อนน่อนไปวางบนเตียงด้วยความระมัดระวัง สีหน้าเคร่งเครียดราวกับว่ากำลังเจรจาสัญญาสิบล้านอยู่
กู้จือหยั่นนึกถึงตอนที่ตัวเองมาถึง นอกจากคุณหมอและเจ้าหน้าที่พยาบาลแล้ว ก็ไม่เห็นคนอื่นอีก จึงถามว่า “นายให้พวกเขาจัดการห้องพักผู้ป่วย VIP ที่ชั้นนี้ให้ว่างทั้งหมด?”
เฉินถิงเซียวช่วยเหน็บชายผ้าห่มให้มู่น่อนน่อนเรียบร้อยแล้วหันมามองกู้จือหยั่น พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “หนวกหูเกินไปแล้ว นายออกไป”
“ฉัน…” กู้จือหยั่นถูกประโยคนี้ของเขาทำให้สะอึกจนพูดไม่ออก
เฉินถิงเซียวก็ไม่สนใจว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่หมุนตัวไปนั่งอยู่ข้างเตียง รอมู่น่อนน่อนฟื้นขึ้นมา
กู้จือหยั่นไม่ได้ออกไป แต่ว่าเสียงที่ใช้พูดก็เบาลงหลายระดับ “นายอย่ามีท่าทางเหมือนกับจะเดินทางไปจัดงานฌาปนกิจจะได้ไหม น่อนน่อนเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่ว่ามีอันตรายถึงชีวิต นายนี่จริงๆเลย…”
เฉินถิงเซียวกวาดตามองเขา กู้จือหยั่นก็รีบทำท่าทางรูดซิปปากทันที แสดงให้เห็นว่าเขาจะปิดปากเงียบไม่พูดอะไรอีก
เขาจ้องเฉินถิงเซียวอยู่หลายวินาที จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วออกไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง กู้จือหยั่นก็ถือถุงผ้าเข้ามาและนำพยาบาลเข้ามาด้วยคนหนึ่ง
เขาโยนถุงผ้าที่อยู่ในมือใส่เฉินถิงเซียว “เปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย จากนั้นก็ให้พยาบาลพันแผลให้สักหน่อย”
“ไม่ต้อง” เฉินถิงเซียวไม่ได้รับถุงผ้าเอาไว้ เพียงแต่ตั้งใจสังเกตสภาพอาการของมู่น่อนน่อน
“นายอยากให้ตอนที่น่อนน่อนฟื้นคืนมาเห็นนายมีสภาพแบบนี้?” สายตาของกู้จือหยั่นพิจารณามองไปบนร่างของเฉินถิงเซียวรอบหนึ่ง พลางส่ายหน้า “ผู้หญิงนะ เป็นคนที่เห็นแต่รูปร่างหน้าตา สภาพที่น่าเกลียดของนายในตอนนี้ น่อนน่อนฟื้นขึ้นมาแล้วจะต้องรู้สึกว่าระคายตาแน่…”
เขายังเอ่ยไม่ทันจบ ก็เห็นเฉินถิงเซียวเก็บถุงผ้าขึ้นมา หันหน้ามาทางกู้จือหยั่น “ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
กู้จือหยั่นคิดไม่ถึงว่าเขาพูดมั่วๆไปไม่กี่ประโยคก็มีผลต่อเฉินถิงเซียว “ไปสิ ฉันจะช่วยนายดูน่อนน่อน”
เฉินถิงเซียวมองเขาครู่หนึ่ง จู่ๆก็โค้งตัวเขยิบเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียงถอยไปด้านหลัง
กู้จือหยั่นมองเก้าอี้ตัวนั้นถูกเฉินถิงเซียวเคลื่อนย้ายให้ห่างจากเตียงสองเมตรแล้วถึงได้หยุด
เขาเบิกตากว้างด้วยท่าทางตกตะลึง แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ข้างเตียงแล้วจะสามารถทำอะไรมู่น่อนน่อนได้อย่างนั้นหรือ
เฉินถิงเซียวชี้ไปที่เก้าอี้ “นั่งตรงนี้”
สัญชาตญาณที่เกิดจากการถูกเฉินถิงเซียวกดขี่เป็นเวลานานทำให้กู้จือหยั่นเดินไปนั่งอย่างเชื่อฟัง
เฉินถิงเซียวถึงได้หมุนตัวเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทางด้านใน
รอจนประตูด้านในปิดลงแล้ว กู้จือหยั่นก็หันไปมองนางพยาบาลที่เดินตามเขาเข้ามา “ในมุมมองของอาชีพคุณ คุณคิดว่าเฉินถิงเซียวบ้าไหม”
นางพยาบาลตะลึงไปครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงเบาว่า “คุณชายเฉินหล่อมาก…”
กู้จือหยั่น “…”
บนร่างของเฉินถิงเซียวล้วนเป็นบาดแผลภายนอก เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาก็ถูกกู้จือหยั่นกดให้นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อพันแผล
บาดแผลของเขาเพิ่งจะพันเสร็จ มู่น่อนน่อนก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
มู่น่อนน่อนสีหน้าขาวซีดราวกับหิมะ ตอนที่พูดจาก็เสียงเบามาก ต้องเขยิบเข้าไปใกล้ถึงจะได้ยิน
เฉินถิงเซียวจับมือเธอเอาไว้ เขยิบหูเข้าไปใกล้ริมฝีปากเธอด้วยความระมัดระวัง
“คุณไม่เป็นอะไรนะ…”
เฉินถิงเซียวจับมือเธอแน่น น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย “ไม่เป็นไร”
มู่น่อนน่อนได้ยินแล้วก็โค้งริมฝีปากยิ้ม นัยน์ตาสวยสง่าที่ยามปกติงดงามเจิดจ้า ก็เป็นเพราะว่าอ่อนเพลียเกินไปจึงไร้ชีวิตชีวา ทั่วทั้งร่างดูแล้วบอบบางราวกับตุ๊กตาที่เมื่อแตะถูกก็จะล้มลง
เฉินถิงเซียวขยับลำคออย่างยากลำบาก นัยน์ตาแดงก่ำ กัดฟันเอ่ยว่า “มู่น่อนน่อน หลังจากนี้ถ้าหากว่าคุณยังกล้าทำเรื่องอย่างการทำร้ายตัวเองอีก ผมจะตัดขาของคุณ!”
มู่น่อนน่อนรู้สึกมาตลอดว่าเฉินถิงเซียวเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะถูกต้องไปเสียทั้งหมด
เพราะว่า วาจาโหดร้ายที่เฉินถิงเซียวพูดกับเธอนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นจริงๆ
ตอนโกรธดุร้ายขนาดนั้น ดุร้ายราวกับสิงโตตัวใหญ่ตัวหนึ่ง แต่กลับไม่เคยยื่นกรงเล็บมาทางเธอเลย
มู่น่อนน่อนไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้ม
เฉินถิงเซียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่อนุญาตให้ยิ้ม”
รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่น่อนน่อนไม่ได้ลดลงไป เอ่ยอย่างกินแรงอยู่บ้างว่า “อย่าดุร้ายขนาดนั้น ฉันเพียงแค่…อยากปกป้องคุณ…”
แม้ว่าเธอจะฉลาด และมีเงินมีอำนาจสู้เฉินถิงเซียวไม่ได้ พละกำลังของเธอเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ดูมีเรี่ยวแรงเพียงน้อยนิด แต่เธอก็อยากจะทำเรื่องที่ตัวเองสามารถทำแทนเขาได้บ้าง
เฉินถิงเซียวมีวิธีที่ตัวเขาใช้รักเธอ ส่วนเธอก็มีความยืนหยัดแน่วแน่ของตัวเธอเองเช่นกัน
เฉินถิงเซียวเพียงแค่มองเธอนิ่งๆโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ปกป้องตัวเองให้ดี นั่นก็เป็นการปกป้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผมแล้ว สิ่งที่ผมพูดไป คุณไม่สามารถทำหูทวนลมได้”
มู่น่อนน่อนคิดถึงสิ่งที่เฉินถิงเซียวเคยพูด
…ขอเพียงแค่คุณไม่เป็นอะไร ผมก็จะไม่เป็นอะไร แต่เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นกับคุณ นั่นก็คือสิ่งที่จะเอาชีวิตผม
แต่ว่า เธอไม่สามารถมองเฉินถิงเซียวถูกซือเฉิงหยู้ข่มขู่แบบนั้นเพราะตัวเองได้
เธอไม่สามารถสนใจแต่ตัวเองทั้งหมดได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนเหล่านั้นเคยได้รับความเอาใจใส่จากเฉินถิงเซียว ทั้งหมดล้วนทำเรื่องที่ผิดต่อเฉินถิงเซียว เธอนึกขึ้นมาแล้วก็รู้สึกปวดใจ และอยากจะทำดีกับเขาเพิ่มอีกนิด
ในใจมู่น่อนน่อนมีความคิดมากมาย แต่สุดท้ายก็ยังคงพยักหน้า “อืม”
เอ่ยจบแล้ว เธอก็ถามต่อว่า “ซือเฉิงหยู้ล่ะคะ”
กู้จือหยั่นที่เดินเข้ามาจากด้านนอก ก็ตอบคำถามแทนเฉินถิงเซียว “หนีไปแล้ว”
ตอนนั้นสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวาย เฉินถิงเซียวสนใจเพียงแค่อาการบาดเจ็บของมู่น่อนน่อน จึงไม่มีกำลังจะไปสนใจซือเฉิงหยู้