ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 350 เรื่องราวน่าตกตะลึงมากกว่าเรื่องที่ผ่านมา
“ซูชิงหนิง?”
มู่น่อนน่อนชะงักไปหลายวินาที ก็นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร
เธอเป็นเพื่อนบ้านของซือเฉิงหยู้ในวัยเด็ก และเป็นคู่หมั้นของซือเฉิงหยู้เช่นกัน
แต่ว่าเฉินเจียฉินเคยบอกกับเธอว่า ตอนที่ซูชิงหนิงออกไปถ่ายภาพยนตร์ในฉากหิมะ และพบกับหิมะถล่ม มีชีวิตอยู่ไม่พบคน ตายก็ไม่พบศพ
เฉินถิงเซียวหาเธอพบได้อย่างไร
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปมองเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร จูงเธอเดินไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะอาหาร
“ซู…” มู่น่อนน่อนยังไม่เข้าใจความหมายของเฉินถิงเซียว
ตามสิ่งที่เฉินเจียฉินเคยพูด ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินถิงเซียวกับซูชิงหนิงนั้นไม่เลว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่ควรจะทักทายซูชิงหนิงหรอกหรือ
ซูชิงหนิงนั่งลงตาม “คุณเฉิน”
เฉินถิงเซียวถามเธอ “ข้อมูลที่ผมให้คุณล้วนอ่านหมดแล้ว?”
“อ่านหมดแล้วค่ะ” ซูชิงหนิงพยักหน้าเล็กน้อย น้ำเสียงนุ่มนวลราวกับขนนก
มู่น่อนน่อนนั่งมองอยู่นาน ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “คุณคือซูชิงหนิงจริงๆหรือคะ”
ซูชิงหนิงลูบใบหน้าตัวเอง “คุณหญิงน้อยคิดว่าฉันเหมือนไหมคะ”
มู่น่อนน่อนส่ายหน้า “ฉันไม่เคยเจอซูชิงหนิงค่ะ”
ซูชิงหนิงยิ้มบางๆ มองดูแล้วสง่างามและอ่อนโยน “ทั่วทั้งร่างฉันผ่านการศัลยกรรมมา”
มู่น่อนน่อนตะลึงมองซูชิงหนิงอ้าปากค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก จากนั้นก็หันขวับไปมองเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวยกมือ เอ่ยกับซูชิงหนิงว่า “คุณสามารถออกไปได้แล้ว”
“ค่ะ คุณชาย” ซูชิงหนิงลุกขึ้นยืน และค่อยๆเดินออกไป
เมื่อเธอออกไป มู่น่อนน่อนก็ถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่คะ คนคนนี้ไม่ใช่ซูชิงหนิงตัวจริง แต่เป็นตัวปลอม?”
เฉินถิงเซียวคีบอาหารแทนเธอ อธิบายอย่างไม่ใส่ใจว่า “อืม ผมหาคนที่รูปร่างพอๆกับชิงหนิงมาคนหนึ่ง และหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งมาเปลี่ยนเธอให้เป็นชิงหนิง”
มู่น่อนน่อนนึกถึงท่าทางของ “ซูชิงหนิง” คนนั้น มองดูแล้วเป็นธรรมชาติมาก ทั้งยังมีบุคลิกที่ดีมาก ไม่เหมือนกับผู้หญิงที่ทำศัลยกรรมมา
เธอไม่เคยพบกับซูชิงหนิงตัวจริง ดังนั้นจึงอาศัยการประเมินของเธอว่าเหมือนกับซูชิงหนิงคนเดิมคนนั้นหรือไม่
ยังมี การศัลยกรรมจำเป็นต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายยาวนาน แต่บนใบหน้าซูชิงหนิงคนนี้ไม่มีรอยแผลแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าในอดีตเคยผ่าตัดศัลยกรรมมาก่อน ทั้งยังฟื้นฟูร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วย
นั่นก็หมายความว่า ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วเฉินถิงเซียวก็เริ่มป้องกันซือเฉิงหยู้แล้ว
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณจะใช้เธอมารับมือกับซือเฉิงหยู้หรือคะ”
“เพียงแค่เป็นปุถุชนคนธรรมดา ทุกคนล้วนมีจุดอ่อน” เฉินถิงเซียวยัดตะเกียบใส่มือเธอ “กินข้าว”
มู่น่อนน่อนจับตะเกียบเอาไว้ ก้มหน้าเริ่มกินข้าว
เธอกินได้น้อยและช้ามาก เฉินถิงเซียวกระตุ้นเธออยู่ข้างๆ
มู่น่อนน่อนไม่มีความอยากอาหารจริงๆ เธอเม้มริมฝีปาก มองไปทางเฉินถิงเซียวด้วยสีหน้าลำบากใจ “คุณมีธุระก็ไปทำเถอะค่ะ ไม่ต้องสนใจฉัน ฉันไม่ได้กินข้าวไม่เป็น ฉัน…”
เธอยังเอ่ยไม่ทันจบ เฉินถิงเซียวก็รับเอาตะเกียบของเธอไป “ผมจะป้อนคุณ”
สุดท้ายมู่น่อนน่อนก็ถูกเขาบีบบังคับให้กินลงไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเธอกินไม่ลงแล้วจริงๆ เฉินถิงเซียวถึงได้ปล่อยเธอไป
เมื่อกลับไปที่ห้อง เขาก็ช่วยอาบน้ำให้มู่น่อนน่อน จากนั้นก็ไปยังห้องใต้ดิน
หน้าประตูห้องใต้ดินมีคนเฝ้าอยู่ บอดี้การ์ดเห็นเฉินถิงเซียวเดินมา ก็มีท่าทางลังเล “คุณชาย”
เฉินถิงเซียวเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง ไม่ได้ถามอะไรมาก แต่เดินตรงเข้าไปด้านใน
“ดอกไม้ดอกนี้ใหญ่มาก ปลาหนึ่งตัว สองตัว…อ๊ะ…น่ากลัวจังเลย… หมิงหวนล่ะ? ยังมีเสี่ยวฉิน…”
เพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตู เฉินถิงเซียวก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายของผู้หญิง
ตอนที่เฉินถิงเซียวเข้าไป ก็เห็นบนศีรษะของเฉินเหลียนมีผ้าก๊อซพันอยู่ ผ้าก๊อซสีขาวถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดง เส้นผมที่ยามปกติดูแลอย่างประณีตก็ยุ่งราวกับฟางข้าว พูดพึมพำกับตัวเองด้วยท่าทางบ้าๆบอๆ
เฉินถิงเซียวเดินไปถึงด้านหน้าเธอ มองเธออยู่ครู่หนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมองไม่เห็นเขา เพียงแค่กอดแจกันดอกไม้เอาไว้แล้วพึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเอง
เฉินถิงเซียวถามสือเย่ “เธอเป็นอะไรไป”
สือเย่ตอบว่า “ตอนที่ฟื้นขึ้นมาก็มีสภาพแบบนี้ครับ ใครก็ไม่รู้จักทั้งนั้น”
เขาเอ่ยจบแล้วก็สังเกตปฏิกิริยาของเฉินถิงเซียวด้วยความระมัดระวัง
สุดท้ายเฉินถิงเซียวเพียงแค่ยกริมฝีปากยิ้มเยาะ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยว่า “ส่งไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลเพื่อยืนยันสักหน่อย”
ก่อนหน้านี้เฉินชิงเฟิงถูกเฉินถิงเซียวต่อยจนเลือดออกจากภายใน ยังต้องทำการผ่าตัด ตอนนี้ยังอยู่ในสภาพกึ่งตื่นกึ่งหมดสติ แต่หลังจากที่เห็นเฉินถิงเซียวแล้ว เขาก็มีสติเต็มที่ขึ้นมาทันที
“แก…แก…” เฉินชิงเฟิงยื่นมือชี้มาทางเฉินถิงเซียว ใช้เวลาอยู่นานก็ยังเอ่ยประโยคออกมาไม่สมบูรณ์
เฉินถิงเซียวโค้งตัวมองเขาจากที่สูง สีหน้าโหดเหี้ยม “ตอนนั้นโจรลักพาตัวเรียกเงินเพิ่มเท่าใด”
เฉินชิงเฟิงรู้ว่าสิ่งที่เฉินถิงเซียวเอ่ยถึงคือ ในปีนั้นที่โจรลักพาตัวจับมารดาของเฉินถิงเซียวไปเรียกร้องเงินเพิ่มเท่าไร
เฉินชิงเฟิงมีประสบการณ์กับความป่าเถื่อนของเฉินถิงเซียวแล้ว จึงตกใจจนตัวสั่นระริก “หนึ่ง…หนึ่งพันล้าน…”
“หนึ่งพันล้าน” เฉินถิงเซียวเอ่ยซ้ำอีกรอบ นัยน์ตามีประกายคลุ้มคลั่งพาดผ่าน “เพียงแค่เพราะหนึ่งพันล้านคุณก็ไม่ช่วยเธอ! เพราะว่าเดิมคุณก็อยากให้เธอตาย! คุณมันไม่สมควรได้รับการให้อภัย!”
เพล้ง!
เฉินถิงเซียวชกหมัดเข้ากับโคมไฟขนาดเล็กที่อยู่ข้างเตียงแตก
“ฝาครอบโคมไฟที่แตกบาดถูกมือของเฉินถิงเซียว แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ริมฝีปากแย้มรอยยิ้มประหลาดออกมา น้ำเสียงเนิบนาบราวกับพึมพำ “หลายปีมานี้ คุณล่วงเกินคนไปไม่น้อยสินะ เพียงแค่ไม่รู้ว่าผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว พวกเขาจะเรียกหนึ่งล้านหรือว่าร้อยล้านหรือว่าพันล้าน”
……
เช้าวันรุ่งขึ้น หน้าหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่ล้วนถูกตระกูลเฉินครอบครองเอาไว้
ข่าวแรกคือ “ประธานบริษัทตระกูลเฉินคนก่อนถูกคนลักพาตัวไปโดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย” ถูกเผยออกมา ต่อมาสื่อมวลชนก็รายงานพาดหัวข่าวต่อไปอย่างรวดเร็วอีกว่า “เฉินถิงเซียวประธานบริษัทตระกูลเฉินในตอนนี้นำตัวแฟนสาวคนใหม่กลับไปยังคฤหาสน์ ดูเหมือนว่าจะมีข่าวดีในเร็วๆนี้”
เมื่อแยกกันอ่านสองข่าวนี้แล้ว ล้วนมีเรื่องราวที่น่าตกตะลึงมากกว่าเรื่องที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนำทั้งสองข่าวมารวมกัน ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ไม่น้อย
ไม่ว่าจะไปที่ไหนล้วนมีคนพูดคุยเรื่องตระกูลเฉิน
“ตระกูลเฉินนี่มันอะไรกัน เป็นเพราะหาเงินได้มากเกินไป ดังนั้นคนตระกูลเฉินล้วนอับโชคหรือ”
“คุณลองคิดดู ภรรยาของเฉินถิงเซียวก็ถูกฆ่าหลังจากโดนลักพาตัวไปสินะ? คุณท่านเฉินก็ล้มจนกลายเป็นคนโง่ ตอนนี้เฉินชิงเฟิงก็ถูกลักพาตัวไปอีกแล้ว…”
“แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นคุณหญิงน้อยของตระกูลเฉินสินะ? ถูกเฉินถิงเซียวพากลับไปที่คฤหาสน์แล้ว…”
“มีความเป็นไปได้นะ ดูเหมือนว่าจะมีบุคลิกดีมาก”
“….”
คนที่เดินอยู่บนถนนหยิบโทรศัพท์มือถือมาสนทนาข่าวที่เพิ่งจะมีการรายงานเมื่อเช้า
จู่ๆ ก็มีผู้ชายที่สวมหมวกแก็ป ผ้าปิดปาก และชุดทหารโผล่ออกมาจากที่ไหนไม่รู้ แย่งโทรศัพท์มือถือไป
บนหน้าจอโทรศัพท์คือรูปของเฉินถิงเซียวที่พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปในบ้านเก่าตระกูลเฉิน
รูปภาพถ่ายถูกใบหน้าตรงของหญิงสาว ผู้หญิงคนนั้นคล้องแขนเฉินถิงเซียว ยิ้มแย้มเบิกบาน
ซือเฉิงหยู้ที่เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยจนถึงกระดูกในรูปนั้นแล้ว ก็เอ่ยเรียกชื่อเธอเสียงสั่นว่า “ชิงหนิง!”