ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 351ใครก็อย่าหวังที่จะมีชีวิตรอดกลับไป!
คนที่ถูกแย่งโทรศัพท์คว้าโทรศัพท์กลับคืนไป และยังผลักซือเฉิงหยู้อีกด้วย :“คุณแย่งโทรศัพท์คนอื่นทำไม!”
แต่ซือเฉิงหยู้กลับทำเหมือนไม่ได้ยิน บ่นพึมพำกับตัวเองทำท่าจะร้องไห้ก็ไม่ใช่จะหัวเราะก็ไม่เชิง และก็วิ่งออกไปด้านนอก
“เป็นบ้าหรือเปล่าคนนี้!”
“ก็แหงแหละ สังคมแบบนี้ คนบ้ามีมากมาย”
……
ซือเฉิงหยู้วิ่งออกไปข้างถนน และก็ขึ้นรถเพื่อจะขับไปที่บ้าน
แต่กลับถูกลูกน้องของเขาขวางไว้ :“คุณชายซือครับ ถ้าหากว่าท่านกลับไปบ้านตระกูลเฉินตอนนี้ เฉินถิงเซียวไม่มีทางปล่อยท่านไปแน่”
“หลีกไป” ซือเฉิงหยู้อย่างกับคนบ้าก็ไม่ปาน ผลักลูกน้องออก แล้วก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลเฉิน
สองสามวันมานี้ เขามีโอกาสที่จะหนีออกนอกประเทศ
แต่ว่าเป้าหมายของเขายังไม่บรรลุ เขาไม่มีทางจะออกนอกประเทศได้
เลือดที่ไหลอยู่บนตัวของเขาเหมือนกันกับเฉินถิงเซียว
เหตุใดต้องเป็นเขาที่ต้องไม่เห็นเดือนเห็นตะวันไปตลอดชีวิต ส่วนเฉินถิงเซียวกลับมีชีวิตที่ปกติและยังมีสุขภาพที่แข็งแรง
ทำไมเฉินถิงเซียวถึงได้มีชีวิตที่ดีกว่าเขา มีความสุขมากกว่าเขา
ยิ่งเปรียบเทียบกับเฉินถิงเซียว เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างมีชีวิตที่ทุกข์ทรมาน ในใจก็ยิ่งไม่พอใจและเคียดแค้นมากยิ่งขึ้น
ต้องทำลายชีวิตของเฉินถิงเซียว ทำลายทุกอย่างของเฉินถิงเซียว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จุดจบของเฉินถิงเซียวก็จะต้องเป็นเหมือนกับเขา เขาก็รู้สึกสะใจอย่างมีความสุขจนแทบจะบ้าตาย
แต่ว่าเฉินถิงเซียวกลับหาตัวชิงหนิงเจอ
ชิงหนิงนั้นเป็นของเขา!
ซือเฉิงหยู้ราวกับบินมาตลอดทางจนถึงบ้านตระกูลเฉิน
ในบ้านเก่าตอนนี้ล้วนเป็นคนของเฉินถิงเซียว เมื่อซือเฉิงหยู้มาถึงหน้าบ้าน ก็มีบอดี้การ์ดไปแจ้งให้เฉินถิงเซียวทราบ
ซือเฉิงหยู้ลงจากรถก็วิ่งมุ่งเข้าไปในบ้านเก่า
แต่เขาก็ถูกบอดี้การ์ดขัดขวางไว้ที่หน้าประตู :“คุณชายซือ”
ความตื่นเต้นบ้าบิ่นในดวงตาของซือเฉิงหยู้นั้นแทบจะทะลักออกมา แต่เมื่อเขาถูกขัดขวาง เขาก็ยิ่งโมโหขึ้นจนผิดปกติ:“ผมต้องการพบเฉินถิงเซียว ถ้าหากว่าเขายังต้องการลูกสาวของเขา ก็จงปล่อยผมเข้าไป ไม่อย่างนั้นแค่ผมโทรศัพท์กริ๊งเดียวก็สามารถทำให้เด็กน้อยนั่นหายไปจากโลกนี้ได้!”
เวลานี้ สือเย่ได้เดินเข้ามา
เขามองมาทางซือเฉิงหยู้ครู่หนึ่งด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ :“ปล่อยเขาเข้ามา”
บอดี้การ์ดจึงได้ปล่อยตัวเขา ซือเฉิงหยู้จึงรีบเดินเข้ามา แล้วก็คว้าจับเสื้อของสือเย่ไว้ :“ชิงหนิงอยู่ไหน ผมต้องการเจอเธอ!”
สือเย่ถูกซือเฉิงหยู้กระชากไว้แบบนี้ ไม่แม้แต่จะกะพริบตา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเป็นทางการว่า :“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณชายซือดีที่ต้องการเจอคุณหนูซู แต่สำหรับเรื่องที่จะเจอคุณหนูซูได้อย่างไรนั้น ผมคิดว่าคุณชายซือคงน่าจะรู้ดีแก่ใจ”
ซือเฉิงหยู้ได้ยินดังนั้น ก็ทำเสียงฟึดฟัด แล้วสะบัดสือเย่ทิ้งไป
สือเย่เซหลังไปสองสามก้าวก่อนจะยืนนิ่ง ใบหน้าท่าทางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เขาจัดระเบียบเสื้อให้เข้าที่ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม:“คุณผู้ชายให้เวลาคุณเพียงสามวัน”
“ไม่ต้องสามวันหรอก” ซือเฉิงหยู้ยกริมฝีปากขึ้น เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่มีเลศนัย: “ขอปากกาและกระดาษให้ผมด้วย”
สือเย่ลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นให้คนนำกระดาษกับปากกามาให้ซือเฉิงหยู้
ซือเฉิงหยู้ได้เขียนที่อยู่ลงบนกระดาษ:“สามวันให้หลัง เจอกันที่ตรงนี้ เขาพาชิงหนิงมา ผมจะพาลูกสาวของเขามารอเขา อย่าคิดเล่นตุกติก ไม่อย่างนั้นเมื่อเมื่อถึงเวลานั้นใครก็อย่าหวังที่จะมีชีวิตรอดกลับไป!”
เขาพูดจบก็เขียนที่อยู่ลงในกระดาษแล้วยัดใส่ในมือของสือเย่ แล้วมองไปทางหน้าต่างบนชั้นสองแวบหนึ่ง จากนั้นหันหลังแล้วจากไป
สือเย่หยิบกระดาษในมือออกมาดู พบว่าเป็นภาษาอังกฤษแถวยาวเหยียด
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางหน้าต่างชั้นสอง
หน้าต่างถูกเปิดออก ร่างของเฉินถิงเซียวปรากฏขึ้น แล้วรับสั่งอย่างหนักแน่น:“เอาขึ้นมา”
เมื่อสักครู่เขากับมู่น่อนน่อนยืนมองซือเฉิงหยู้อยู่ที่ริมหน้าต่างโดยตลอด
หัวใจของมู่น่อนน่อนบีบรัดขึ้น ตอนที่ซือเฉิงหยู้ปรากฏตัว
เธอกลัวว่าวิธีนี้จะใช้กับซือเฉิงหยู้ไม่ได้
แต่สุดท้าย เมื่อเห็นซือเฉิงหยู้เขียนที่อยู่ เธอถึงได้เบาใจลง
สือเย่เดินมาถึงหน้าประตู ยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆสองที ก่อนเดินเข้ามา จากนั้นโค้งคำนับแล้วยื่นกระดาษที่อยู่ไปให้เฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนเอียงศีรษะดูแวบหนึ่ง แล้วก็เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาที่อยู่นี้
“หาเจอแล้ว อยู่ใกล้ ๆ กับเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในกรีซ ตรงนั้นมีเกาะส่วนตัวมากมายที่มีไว้สำหรับขาย……”
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลง และประสานเข้ากับดวงตาที่เปล่งประกายของมู่น่อนน่อนพอดี
แววตาของเธอมีความมุ่งมั่น คาดหวัง และความกังวล ทุกอารมณ์ที่ผสมปนเปเข้าด้วยกัน และนั่นทำให้เธอดูเหมือนมีพลังมากขึ้น
นานมากแล้วที่เขาไม่เห็นมู่น่อนน่อนเป็นแบบนี้
เฉินถิงเซียวโน้มตัวมาประทับรอยจูบที่หน้าผากของเธอทีหนึ่ง เอื้อมมือสัมผัสที่ผมของเธอ:“ไปด้วยกันนะ ไปรับมู่มู่กลับมา”
แววตามู่น่อนน่อนยิ่งเป็นประกาย มีหยดน้ำตาซึมอยู่ในนั้น แล้วพยักหน้า
เฉินถิงเซียวที่ยิ้มยากก็เผยรอยยิ้มจางๆออกมา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเชิงออกคำสั่ง :“ก่อนอื่น สองวันนี้คุณต้องพักผ่อนให้มาก ๆ”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า:“อืม”
……
เฉินถิงเซียวออกมาจากห้อง สือเย่ที่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้องตลอดเวลาก็ได้เดินตามไป
“ส่งคนไปจับตาเฝ้าดูซือเฉิงหยู้ให้ดี ถ้าหากว่ามีความเคลื่อนไหวให้แจ้งผมทันที” เฉินถิงเซียวพลางเดินออกไปด้านนอกพลางสั่งกำชับเขา
“ครับ คุณผู้ชาย ผลการวินิจฉัยโรคของคุณนายซือออกมาแล้วครับ เชิญท่านดูได้เลยครับ”
เฉินถิงเซียวรับผลการวินิจฉัยนั้นมาดู
เมื่อดูเสร็จแล้ว ก็ถามสือเย่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย :“เป็นบ้าจริงเหรอ”
“ครับ” สือเย่ก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตากับเฉินถิงเซียว
เขารู้สึกว่า เฉินถิงเซียวตอนนี้ดูแตกต่างไปจากเดิม ดูเหมือนจะเย็นชามากขึ้นกว่าแต่ก่อน
เฉินถิงเซียวยื่นผลการวินิจฉัยให้สือเย่ : “อย่างนั้นก็ส่งเธอไปในสถานที่ที่เธอควรไป”
สือเย่นึกถึงเฉินเจียฉินขึ้นมา จึงเกิดอาการลังเลครู่หนึ่ง :“คุณผู้ชาย……”
เฉินเจียฉินนั้นเป็นลูกชายของเฉินเหลียนกับซือหมิงหวน ความสัมพันธ์ของเฉินเจียฉินกับเฉินถิงเซียวนั้นค่อนข้างดี เขาก็เลยอยากจะเตือนสติเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวจึงหันกลับมาขัดจังหวะเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงเฉยเมย:“ฟังไม่เข้าใจหรือไง อย่างนั้นผมพูดตรง ๆแล้วกัน ส่งเธอไปที่โรงพยาบาลจิตเวช”
ในเมื่อเฉินถิงเซียวพูดขนาดนี้ สือเย่จึงทำได้เพียงพยักหน้ารับ:“ผมรับทราบแล้วครับ”
เฉินถิงเซียวกับสือเย่ลงจากตึกมาก็เห็นเฉินจิ่งหยุ้นนั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถง
เฉินจิ่งหยุ้นเดินทางไปทำงานนอกสถานที่เมื่อสองสามวันก่อน วันนี้เพิ่งจะกลับมา
เห็นได้ชัดเจนว่าเธอเห็นข่าวแล้ว เมื่อเห็นเฉินถิงเซียวเธอก็ถามจับผิดขึ้นทันที :“ข่าวพวกนั้นคืออะไร อีกอย่างที่นี่มีบอดี้การ์ดมากมายขนาดนี้ นายกำลังคิดจะทำอะไร คุณพ่อล่ะ ถูกลักพาตัวจริง ๆตามที่ข่าวลงไหม แล้วผู้หญิงที่นายพากลับมาด้วยนั้นคืออะไร”
เธอถามขึ้นรัวๆ แต่ก็ไม่ได้คำตอบจากเฉินถิงเซียว
เธอที่กำลังโมโห ก็ได้ยินโทรศัพท์ในห้องโถงดังขึ้น
สายตาเฉินจิ่งหยุ้นจ้องไปทางสือเย่:“ไปรับสาย”
สือเย่ไม่ขยับ เขาเป็นคนของเฉินถิงเซียว เป็นธรรมดาที่จะไม่ฟังคำสั่งของเฉินจิ่งหยุ้น
“นาย……แน่มาก!” เฉินจิ่งหยุ้นถูกสือเย่ทำให้อารมณ์ฉุน และจำใจต้องไปรับสายด้วยตัวเอง
เฉินจิ่งหยุ้นรับสายขึ้น:“ที่นี่บ้านตระกูลเฉิน ต้องสายคุยสายกับใคร”
ในโทรศัพท์มีเสียงของเฉินชิงเฟิงดังลอยออกมา:“จิ่งหยุ้น พ่อเอง เป็นพ่อเอง ช่วยพ่อช่วย……”