ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 361 เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานคนหนึ่ง
ลี่จิ่วเชียนสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์มู่น่อนน่อน จึงเอ่ยปลอบออกไป “เดี๋ยวก็นึกขึ้นมาได้แล้ว”
มู่น่อนน่อนถูกเขาปลอบเข้ามา
ในทันใดนั้นเองเธอก็ถามออกไปเหมือนกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เพื่อนที่ผ่านมาของฉันล่ะ?”
เธอฟื้นขึ้นมานานขนาดนี้แล้ว ก็ไม่เห็นว่ามีเพื่อนมาหาเธอเลย
เธอไม่มีเพื่อนเหรอ?
สีหน้าของลี่จิ่วเชียนไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เหมือนกับว่าไม่ได้ประหลาดใจเลยสักนิดที่เธอถามออกมาอย่างนี้ “เมื่อก่อนพวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพื่อนของเธอฉันไม่ค่อยจะรู้จักอะไรเท่าไหร่นัก”
มู่น่อนน่อนคิดมาโดยว่าความสัมพันธ์ของเธอกับลี่จิ่วเชียนไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น ได้ยินเขาพูดมาอย่างนี้ เธอเองก็ไม่ได้สงสัยเคลือบแคลงใจอะไร
ลี่จิ่วเชียนบอกเธอว่า เธอเกิดอุบัติเหตุที่ต่างประเทศ
คุณหมอแจ้งว่าตอนที่ลี่จิ่วเชียนไป ลี่จิ่วเชียนก็มาเยี่ยมเธอแค่คนเดียว
และโทรศัพท์ของมู่น่อนน่อนมันได้หายไปแล้ว ส่วนบัญชีโซเชียลอื่นๆเธอก็จำบัญชีและรหัสผ่านไม่ได้เลย
พอคิดมาอย่างนี้แล้ว อารมณ์ของมู่น่อนน่อนก็ได้ดิ่งลงอีกครั้ง
“อย่าไปคิดให้มากมายไปเลย ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติก็พอแล้ว” ลี่จิ่วเชียนตบไหล่เธอไปเบาๆ “หิวแล้วหรือยัง? ฉันพาเธอออกไปกินข้าว”
“อืม” มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นไป ส่งยิ้มให้เขา
เธอสามารถรู้สึกได้ว่าความรู้สึกระหว่างเธอกับลี่จิ่วเชียนไม่ได้ลึกซึ้ง แต่ลี่จิ่วเชียนก็อยากจะดูแลเธอให้ดีด้วยใจจริง
ในสถานการณ์อย่างนี้ของเธอในตอนนี้ ไม่อาจจะมีการไปมาหาสู่กันอย่างคู่รักปกติอย่างนั้นกับลี่จิ่วเชียนได้ ทำได้แค่เพียงแต่เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกันไปก่อน
นี่เป็นเรื่องที่เธอได้ตกลงกับลี่จิ่วเชียนเอาไว้เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล
……
ลี่จิ่วเชียนขับรถพาเธอไปร้านอาหารมังสวิรัติที่อยู่ไม่ไกล
มู่น่อนน่อนนอนหลับมาสามปี ท้องไส้อ่อนแอ ระบบต่างๆในร่างกายยังอยู่ในช่วงการฟื้นสภาพกลับมาอยู่ กระเพาะของเธอเองก็ไม่ค่อยจะดีนัก ต้องพยายามกินอาหารพวกผักผลไม้ที่มีการปรุงแต่งน้อยๆสักหน่อย
หลังจากที่เข้ามานั่งกันแล้ว ลี่จิ่วเชียนก็พูดกับเธอว่า “ร้านอาหารร้านนี้เมื่อก่อนฉันเคยมากินครั้งนึง รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว เธอน่าจะชอบ”
เขาพูดจบ ก็ส่งเมนูอาหารมาให้เธอ “เธอสั่งก่อน ฉันจะไปห้องน้ำ”
“อืม” มู่น่อนน่อนหยิบเมนูอาหารขึ้นมาดู
สไตล์อาหารมีเยอะมาก มู่น่อนน่อนเองก็ไม่ได้อยากจะกินอะไรมากเป็นพิเศษ ก็เลยดูช้าไปบ้าง
อีกทั้ง เธอคิดว่าอาหารของที่นี่แพงไปหน่อย…
ตอนนี้ด้านนอกร้านอาหารมีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
“นั่งในห้องส่วนตัวหรือว่าในห้องโถง?”
“ห้องโถงแล้วกัน ห้องส่วนตัวอุดอู้ไปหน่อย…”
“เพราะถึงยังไงที่นี่คนก็ไม่เยอะ นั่งที่ในห้องโถงเอาก็พอ”
คนกลุ่มนั้นพูดคุยกัน แล้วเดินเข้ามานั่งลงที่โต๊ะข้างๆพวกมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนหันหน้าเหลือบมองไปยังโต๊ะข้างๆโต๊ะนั้นไปโดยไม่ตั้งใจ ก็ได้สบเข้ากับสายตาของชายคนหนึ่งเข้าพอดี
ชายคนนั้นมองดูแล้วยังหนุ่มมาก ผิวขาว รูปลักษณ์หน้าตาหล่อเหลา มองไปแล้วก็คือผู้ชายจำพวกที่ชวนให้ผู้หญิงชื่นชอบกันเป็นพิเศษ พูดจาลื่นไหลจำพวกนั้น
เสื้อผ้าที่สวมอยู่บนร่างถึงแม้ว่าจะเรียบง่าย แต่ก็เป็นเนื้อผ้าชั้นยอด แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นคุณชายลูกท่านหลานเธอแห่งตระกูลร่ำรวยแน่
สายตาของชายคนนั้นตอนที่สบเข้ากับเธอ ดวงตาทั้งสองข้างก็ได้เบิกกว้างออกมาทันที ยื่นมือไปชี้เธอแล้วพูดไม่ออกอยู่นาน ลุกขึ้นเดินพุ่งเข้าไปหาเธอ
เนื่องจากตื่นเต้นเกินไป ตอนที่เขาลุกขึ้นก็เกือบจะชนโต๊ะคว่ำไป ขอบโต๊ะกระทบลงบนพื้นจนเกิดเสียงดังเสียดหูออกมา
“มู่…มู่…เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” กู้จือหยั่นพูดติดอ่างไปชั่วขณะ กว่าจะเรียกชื่อของเธอออกมาได้ในที่สุด “มู่น่อนน่อน เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง! เธอกลับมาที่เมืองหู้หยางตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หนึ่งสัปดาห์ก่อน แม่ของกู้จือหยั่นบอกว่าเจอร้านมังสวิรัติที่อร่อยมากเป็นพิเศษร้านหนึ่ง อยากหาเวลาพาเขามา
วันนี้เขาไม่มีธุระอะไรพอดี ก็เลยได้ตามกันมาด้วยกัน
เดิมทีแล้วเขาไม่ได้เต็มใจมาเท่าไหร่นัก เพราะถึงยังไงสองปีมานี้ก็ถูกเร่งเร้าให้แต่งงานมาตลอด พวกญาติห่างๆของบ้านพวกนี้ก็เร่งให้เขาหาแฟนอยู่ทุกวี่ทุกวันก็เรื่องนึงแล้ว ยังถึงขนาดที่ยังอยากให้เขาไปนัดบอดอีก
แต่ว่าตอนนี้เขารู้สึกโชคดีมากที่วันนี้ตนได้ตามมาด้วย
ทันทีเพิ่งจะได้นั่งลงไป ตอนที่เห็นมู่น่อนน่อนอยู่ที่โต๊ะข้างๆ เขาสงสัยไปหมดว่าตัวเองเกิดภาพหลอนขึ้นมาหรือเปล่า
เพราะถึงยังไงตอนที่เกิดเรื่องขึ้นมาเมื่อตอนนั้น เขาได้พาคนไปตามหาบนเกาะเล็กๆอยู่นานมาก
แรกเริ่มสุดเขาได้หาไปเดือนนึง ในภายหลังเรื่องนี้ได้ถูกเสิ่นเหลียงรู้เข้า เสิ่นเหลียงได้ใช้เงินที่เก็บเอาไว้ไปจนหมดเกลี้ยง ตามหาอยู่ครึ่งปีเต็มๆ ก็ยังหาไม่เจอ
เกาะเล็กๆได้ถูกพวกเขาพลิกหากันไปทุกหนทุกแห่งแล้ว ก็ยังไม่เจอเงาของมู่น่อนน่อน
“คุณรู้จักฉัน?” มู่น่อนน่อนมองกู้จือหยั่นไปด้วยความประหลาดใจ
เธอไปรู้จักกับคนอย่างกู้จือหยั่นอย่างนี้ได้ยังไง?
กู้จือหยั่นมองดูแล้วก็คือลูกท่านหลานเธอจากตระกูลที่ร่ำรวย
ถึงแม้ว่าเธอจะลืมเรื่องในอดีตไปหมดแล้ว แต่เมื่อกี้ตอนที่เธอดูเมนูอาหารก็คิดว่าอาหารพวกนี้แพงมาก ตรงจุดนี้ก็เพียงพอที่จะอธิบายได้แล้วว่าเธอเกิดมาจากครอบครัวที่ธรรมดามาก ใช้ชีวิตที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย
อย่าว่าแต่ผู้ชายที่ชื่อว่าเฉินถิงเซียวที่เห็นในทีวีเมื่อวานนี้คนนั้นเลย ถึงแม้ว่าผู้ชายที่แค่เห็นก็รู้เลยว่าเป็นผู้รากมากดีคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เธอก็ห่างไกลจากเขาเป็นอย่างมาก
“อะ…อะไรนะ?” กู้จือหยั่นเห็นสายตาที่ไม่รู้จักกันของมู่น่อนน่อนก็ได้ย่นคิ้วเอ่ยถามออกไป “ฉันคือกู้จือหยั่นไง! เกิดอะไรขึ้น? ไม่รู้จักฉัน?”
กู้จือหยั่นจึงได้สังเกตได้ว่ามู่น่อนน่อนผอมเกินไปแล้ว สภาพเหมือนกับเพิ่งหายมาจากการป่วยหนัก ทั้งร่างดูอ่อนแอเป็นอย่างมาก
มู่น่อนน่อนพึมพำชื่อของเขาออกมา “กู้จือหยั่น…”
ตอนนี้ลี่จิ่วเชียนก็ได้กลับมาแล้ว
เขายืนอยู่ที่ข้างหลังกู้จือหยั่น น้ำเสียงไม่ดีนัก “คุณผู้ชายท่านนี้คุณเข้ามาใกล้เธอเกินไปแล้ว”
ตอนที่กู้จือหยั่นเข้ามาก่อนหน้านี้ เนื่องจากว่าตื่นเต้นจนเกินไป มือหนึ่งได้ค้ำไว้บนโต๊ะ โน้มเข้าไปพูดกับมู่น่อนน่อน เข้าประชิดไปใกล้ไปหน่อย จากมุมมองของคนอื่นที่มองเข้ามาก็เหมือนกับต้องการจะมาหาเรื่องมู่น่อนน่อนอยู่เลย
กู้จือหยั่นหันหน้ามองไปทางลี่จิ่วเชียน จากนั้นก็เอ่ยออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก “นายเป็นใครกันน่ะ?”
เมื่อกี้นี้ท่าทางที่ดูไม่รู้จักกันเลยของมู่น่อนน่อนนั้นได้ทำให้กู้จือหยั่นจิตใจห่อเหี่ยวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มามีผู้ชายที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นโผล่หัวมาอีก กู้จือหยั่นจึงมีน้ำเสียงไม่ดีเป็นธรรมดา
ลี่จิ่วเชียนมองไปทางมู่น่อนน่อน “ฉันเป็นเพื่อนของเธอ นายเป็นใคร?”
“นายเป็นเพื่อนของเธอ? ทำไมฉันถึงไม่รู้จักนาย?” กู้จือหยั่นเหยียดตัวขึ้นตรง กอดแขนทั้งสองข้าง มองไปทางลี่จิ่วเชียนอย่างท้าทาย
มุมปากของลี่จิ่วเชียนยกขึ้นเล็กน้อย ไม่เอากู้จือหยั่นมาอยู่ในสายตา “บังเอิญจังเลย ฉันเองก็ไม่รู้จักนายด้วยเหมือนกัน”
“นาย…” สีหน้าของกู้จือหยั่นนิ่งงันไป หันหน้ามองไปทางมู่น่อนน่อน “น่อนน่อน หลายปีมานี้เธอไปอยู่ที่ไหนมา?”
“ฉัน…” มู่น่อนน่อนกำลังจะพูดอะไรออกไป ก็ได้ถูกลี่จิ่วเชียนขัดไปเสียก่อน
ลี่จิ่วเชียนมองไปยังกู้จือหยั่นด้วยใบหน้าที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกไป “ท้องไส้เธออ่อนแอมาก ถึงเวลากินข้าวก็ต้องกิน มีธุระอะไรก็ค่อยคุยกันอีกทีหลังกินข้าวเสร็จ?”
คิ้วของกู้จือหยั่นย่นเข้าหากันแน่น ไม่ได้พูดอะไร
ชายหนุ่มทั้งสองคนสบตากัน ในดวงตาได้ปรากฏความหมายลึกซึ้งที่มีเพียงแค่พวกเขาที่สามารถเข้าใจกันได้เท่านั้นออกมา
“โอเค” กู้จือหยั่นหันหน้าไปพูดกับมู่น่อนน่อน “น่อนน่อน พวกเรากินข้าวเสร็จแล้วไปหาที่คุยกันสักหน่อยนะ”
กู้จือหยั่นกลับมายังโต๊ะเมื่อก่อนหน้านี้ของเขา แม่กู้ถามเขา “จือหยั่น เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”
“เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานคนหนึ่งครับ” กู้จือหยั่นพูดจบก็ได้พูดขัดคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาของแม่กู้ออกมาอีกที “เก็บคำพูดที่คุณแม่คิดจะพูดกลับไปได้เลย ผมกับเธอไม่มีทางพัฒนาไปเป็นแฟนกันได้”
ที่ข้างนอก เขาเป็นชายโสดชั้นยอด อยู่ที่บ้านเขาก็คือคนโสดแก่ๆที่หมูรังเกียจหมาไม่รักคนหนึ่งเท่านั้น