ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 362 ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกันเลย
กู้จือหยั่นกลับมานั่งลงที่โต๊ะที่อยู่ข้างๆกัน ลี่จิ่วเชียนถึงได้หันไปถามมู่น่อนน่อนด้วยความเป็นห่วงมาก “ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
“ไม่เป็นไร เมื่อกี้คุณกู้ท่านนั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร” มู่น่อนน่อนหันหน้ามองไปทางกู้จือหยั่น
ใครจะรู้ว่ากู้จือหยั่นก็กำลังมองเธออยู่พอดีเช่นกัน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว สั่งอาหารกันเถอะ” ลี่จิ่วเชียนไม่ได้คุยประเด็นนี้ต่อไปอีก
กู้จือหยั่นที่อยู่อีกด้านนึงนั้น กินข้าวไปพลาง มองไปทางมู่น่อนน่อนไปพลาง
แม่กู้ที่อยู่ข้างๆจู่ๆก็ได้ส่งเสียงพูดออกมา “จือหยั่น แกรู้หรือเปล่าว่าท่าทางแกตอนนี้มันเหมือนกับอะไร?”
“อะไร?” กู้จือหยั่นถามออกไปด้วยจิตใจล่องลอย
แม่กู้มองมู่น่อนน่อนไปแวบนึง โน้มเข้าไปพูดข้างๆใบหูของกู้จือหยั่นอย่างมีลับลมปมนัย “ตอนนี้แกเหมือนกับ “สามีที่จับได้ว่าเมียมีชู้” เลย”
กู้จือหยั่นหันหน้าไป มองจ้องแม่กู้ไปหลายวิ ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปด้วยความจริงจังเป็นอย่างมาก “ไม่ ผมเป็นเพื่อนของ “สามี” คนนั้นต่างหาก”
“หา?” แม่กู้ตะลึงงันอยู่นาน กว่าจะถามออกไปเป็นเชิงหยั่งเชิง “นั่นเป็นเมียของเพื่อนแก?”
“อืม” กู้จือหยั่นตอบมาคำนึง นึกถึงเฉินถิงเซียวขึ้นมา จากนั้นก็ทอดถอนหายใจออกมา พลางส่ายหน้าออกมาไม่หยุด
คิดๆไปแล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมที่จะโทรหาเสิ่นเหลียง บอกว่าเขาเจอมู่น่อนน่อนแล้ว
แต่ว่า มู่น่อนน่อนในตอนนี้เป็นอะไรไปเขาไม่ได้รู้ให้ชัดเลย โทรหาเสิ่นเหลียงไป เสิ่นเหลียงไม่ใช่ว่ารังแต่จะต้องร้อนใจไปเปล่าๆไปด้วยหรือไง
ค่อยทำเรื่องมู่น่อนน่อนให้ชัดเจนก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วค่อยว่ากันอีกทีดีกว่า
……
ตอนที่มู่น่อนน่อนกับลี่จิ่วเชียนกินข้าวกันเสร็จแล้ว โต๊ะที่อยู่ข้างๆโต๊ะนั้นยังกินข้าวกันอยู่
มาถึงที่ลานจอดรถ ทั้งสองคนถึงได้ขึ้นรถกันไป ลี่จิ่วเชียนจึงพูดออกไป “โทรศัพท์ของฉันเหมือนกับว่าจะวางอยู่ที่ในร้าน ฉันไปเอาก่อน เธออยู่รอฉันอยู่ที่ในรถ”
“อืม” มู่น่อนน่อนไม่ได้มีความเคลือบแคลงใจอะไรเลยสักนิดเดียว เอ่ยออกไป “ไปเถอะ ฉันจะรอนาย”
ลี่จิ่วเชียนลงจากรถ เลี้ยวไปโค้งนึงก็มาถึงประตูหลังของร้าน
กู้จือหยั่นกำลังจุดบุหรี่อยู่ เห็นลี่จิ่วเชียนเดินเข้ามา จึงถามออกไป “สูบบุหรี่หรือเปล่า?”
“ขอบคุณ” ลี่จิ่วเชียนรับบุหรี่ที่กู้จือหยั่นส่งมาให้เขา
กู้จือหยั่นพ่นควันบุหรี่ออกมา ตึงหน้า ถามออกไปตรงๆ “นายเป็นใคร? ทำไมถึงหามู่น่อนน่อนเจอได้? สามปีนี้นายเอาเธอไปซ่อนไว้ที่ไหน?”
ลี่จิ่วเชียนยื่นนามบัตรของตัวเองให้เขาไป “ลี่จิ่วเชียน”
กู้จือหยั่นรับมาอ่านดูเล็กน้อย สายตาอ่านผ่านๆไปที่บนคำว่า “คลินิกรักษาทางจิตเวช” เหล่านี้ไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้ยัดนามบัตรเข้าไปในกระเป๋ากางเกงไป
“นายยังไม่ตอบคำถามของฉัน” กู้จือหยั่นนั้นสำหรับเรื่องที่ลี่จิ่วเชียนทำงานอะไร เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิดเดียว ตอนนี้เขาเพียงแค่อยากรู้เรื่องของมู่น่อนน่อนเท่านั้น
เพื่อเฉินถิงเซียวและก็เพื่อเสิ่นเหลียง เขามีความรับผิดชอบและหน้าที่ที่จะต้องรู้เรื่องของมู่น่อนน่อน
“ฉันไม่ได้ซ่อนเธอ เธอได้รับบาดเจ็บหนักมากจากอุบัติเหตุเมื่อครั้งนั้น ทำการผ่าตัดทั้งใหญ่และเล็กไปหลายครั้ง สลบไปสามปี ช่วงนี้เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ลืมไปหลายเรื่อง ฉันหวังว่าพวกนายจะไม่มารบกวนเธอคนที่พวกนายเรียกกันว่าเป็น “อดีตเพื่อน” นะ ร่างกายของเธอยังไม่ฟื้นตัวดี”
สีหน้าของลี่จิ่วเชียนจริงจัง ในน้ำเสียงแสดงออกถึงความจริงแท้เชื่อถือได้ออกมา
หลังจากที่เกิดเรื่องเมื่อตอนนั้น ตอนที่เฉินถิงเซียวกลับประเทศมา ก็ได้ฟื้นตัวขึ้นมาได้ประมาณหนึ่งแล้ว
ดังนั้นแล้วกู้จือหยั่นจึงนึกไม่ถึงว่ามู่น่อนน่อนจะบาดเจ็บหนักขนาดนี้ สลบไปสามปีเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา
“มู่น่อนน่อนเติบโตมาที่เมืองหู้หยาง เพื่อนของเธอไม่เยอะ เธอไปรู้จักนายตั้งแต่เมื่อไหร่?” ปากของลี่จิ่วเชียนแข็งพูดจาระมัดระวังมาก กู้จือหยั่นก็เลยต้องสอบถามออกไปจากอีกด้านหนึ่งแทน
“ตรงจุดนี้ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณกู้นัก แต่เธอเป็นคนที่ฉันช่วยมา ฉันต้องรับผิดชอบให้ร่างกายเธอแข็งแรง พวกนายสามารถไปเยี่ยมเธอได้ แต่ช่วยอย่าไปรบกวนเธอ ไม่อยากจะให้ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเธอ ถ้าไม่มีธุระอื่นนอกจากนี้แล้ว ฉันขอตัวก่อน”
ลี่จิ่วเชียนพูดมาเสียดูเกรงอกเกรงใจกันขนาดนี้ แต่น้ำเสียงกลับแข็งกร้าวเป็นอย่างมาก
ความหมายของเขาชัดเจนมาก มู่น่อนน่อนเขาเป็นคนช่วยเธอมา เขาไม่ขัดขวางการติดต่อกันของพวกกู้จือหยั่นกับมู่น่อนน่อน แต่ก็ไม่ให้พวกเขาคุยเรื่องในอดีตกับมู่น่อนน่อน
คนคนนี้ช่างเป็นคนพาลไร้เหตุผลจริงๆเลย!
แต่ว่า…
กู้จือหยั่นนึกถึงสถานการณ์ของเฉินถิงเซียวในตอนนี้ขึ้นมา จับผมตัวเองไปด้วยความหงุดหงิด ยกเท้าขึ้นไปเตะกำแพงไปทีนึง
ต่อมา เขาก็ได้เจ็บจนกุมเท้ากระโดดไปมาด้วยขาข้างเดียวอยู่กับที่
……
ตอนที่ลี่จิ่วเชียนกลับมาที่รถ มู่น่อนน่อนก็ได้เริ่มมีสภาพที่ใกล้จะหลับเต็มทนไปเรียบร้อยแล้ว
ได้ยินเสียงปิดประตู มู่น่อนน่อนจึงได้ลืมตาออกมา
ลี่จิ่วเชียนเห็นเธอลืมตาออกมา จึงได้เอ่ยถามเธอออกไปทันที “ง่วงมากเลย?”
“ยังโอเคอยู่” มู่น่อนน่อนเห็นเขาโยนโทรศัพท์ออกไปอีกด้านนึง จึงเอ่ยถามออกไป “ทำไมนายไปนานขนาดนี้?”
ลี่จิ่วเชียนมีสีหน้าเป็นปกติ “ถือโอกาสไปเข้าห้องน้ำด้วย”
ในระหว่างที่มู่น่อนน่อนพยักหน้าออกมา ก็ได้มีท่าทางอึกอักเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่กล้า
“มีเรื่องอะไรก็พูดมา” ลี่จิ่วเชียนเห็นท่าทางอ้ำๆอึ้งของเธอแล้ว มุมปากก็ได้ยกขึ้นเล็กน้อย
ได้ยินลี่จิ่วเชียนพูดมาอย่างนี้แล้ว มู่น่อนน่อนก็ไม่ลังเลอีก แล้วเอ่ยถามออกไป “เมื่อกี้คุณกู้คนนั้น…ฉันรู้จักเขาจริงๆหรือเปล่า?”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละมั้ง เธอคิดว่าไงล่ะ?” ลี่จิ่วเชียนสตาร์ทรถไปพลาง ถามเธอไปพลาง
“นายไม่รู้จักเขาเหรอ?” มู่น่อนน่อนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เธอนึกว่าลี่จิ่วเชียนจะรู้จักกู้จือหยั่นเสียอีก
ลี่จิ่วเชียนเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มออกมาเบาๆ “ฉันไม่รู้จักเขา และก็ไม่แน่ใจด้วยว่าเธอจะรู้จักเขา อย่างที่เธอคิด ความสัมพันธ์ของพวกเราเมื่อก่อนมันไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน”
มู่น่อนน่อนในช่วงนี้ได้คิดว่าความสัมพันธ์ของเธอกับลี่จิ่วเชียนก็คงจะไม่ได้เป็น “คู่หมั้น” ปกติทั่วไปที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันขนาดนั้นมาโดยตลอด แต่นึกไม่ถึงว่าลี่จิ่วเชียนจะสังเกตเห็นความคิดในใจของเธอได้
เธอเอ่ยออกไปด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “นาย…รู้ได้ยังไง…”
“เพราะว่า ฉันใช้ตรงนี้มองเธอไง ดังนั้นแล้วเธอคิดอะไรฉันก็รู้หมด” ลี่จิ่วเชียนชี้ไปตรงตำแหน่งหน้าอกของตัวเอง
คำพูดของเขาถึงแม้ว่าจะพูดกับเธอ แต่ว่าสายตาของเขาไม่ได้มองมาที่เธอ
มู่น่อนน่อนหันหน้าไป ก็เห็นเพียงแค่ใบหน้าด้านข้างของเขาเท่านั้น
ตอนนี้จู่ๆลี่จิ่วเชียนก็ได้หันหน้ามามองเธอ “ถ้าคิดว่ามันซาบซึ้งใจมาก เธอสามารถบอกฉันมาตรงๆได้เลย”
มู่น่อนน่อนได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันซาบซึ้งใจมากเลย”
ลี่จิ่วเชียนแสยะปาก หัวเราะแบบไม่มีเสียงออกมา
……
หลังจากที่กู้จือหยั่นกลับไปแล้ว พิจารณาดูรอบด้านแล้วภายในใจก็รู้สึกไม่สบายใจไปหมด
จึงได้ขับรถไปดักรอเฉินถิงเซียวอยู่ที่บริษัทเฉินซื่อ
เฉินถิงเซียวคนบ้างานคนนั้น ไม่ว่าจะวันทำงานหรือว่าสุดสัปดาห์ ก็อยู่ที่บริษัทตลอด ตอนที่ต้องการจะไปหาเขา มาดักรอเขาอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าบริษัทเฉินซื่อไม่มีพลาดแน่นอน
ตอนที่ใกล้จะถึงแปดโมงเย็น กู้จือหยั่นถึงจะได้เห็นเฉินถิงเซียวเดินออกมาจากประตูทางเข้าบริษัทเฉินซื่อเสียที
“ถิงเซียว!”
กู้จือหยั่นเรียกเขาไปคำนึง แล้วก็วิ่งเข้าไปหาเขา
เฉินถิงเซียวเห็นกู้จือหยั่น ตรงระหว่างคิ้วก็ได้ขมวดออกมาเล็กน้อย แอบมีความทนไม่ไหวขึ้นมาเล็กน้อย “ทำไมถึงเป็นนายอีกแล้ว? มาหาฉันมีธุระอะไร? หรือว่าคิดจะให้ฉันลงทุนให้นาย? ฉันเคยบอกไปแล้วไงว่าฉันไม่สนใจบริษัทเสิ้งติ่ง”
กู้จือหยั่น “…”
เมื่อสามปีก่อน หลังจากที่เฉินถิงเซียวฟื้นขึ้นมา ก็เหมือนกับมู่น่อนน่อนในวันนี้ ลืมทุกคนและเรื่องทั้งหมดไป รวมถึงมู่น่อนน่อนด้วย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาประธานกู้ที่แอบอ้างชื่อมาและได้ถูกคุณชายใหญ่เฉินกดขี่บีบคั้นมาอย่างยาวนานคนนี้ด้วย
“ฉันพูดไปกี่รอบแล้วว่าบอสหลังม่านของบริษัทเสิ้งติ่งก็คือนาย!” กู้จือหยั่นจำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ตนต้องมาอธิบายเรื่องนี้ให้กับเฉินถิงเซียวในช่วงสามปีมานี้