ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 378 เป็นเพื่อนบ้านกัน
ตอนที่สือเย่จะออกไปนั้น พลันหันกลับมามองเฉินถิงเซียวอย่างอดใจไม่ไหว
ประจวบเหมาะกับเห็นเฉินถิงเซียวกำลังนั่งปอกไข่ต้มให้เฉินมู่อยู่
ก่อนหน้าที่จะเจอกับมู่น่อนน่อน คำว่า “เอาใจใส่” กับ “ดูแลคน” คำพวกนี้ มันไม่เกี่ยวพันกับเฉินถิงเซียวเลยสักนิด
ทว่าเวลานี้ ตอนที่เฉินถิงเซียวดูแลเฉินมู่อยู่นั้น เห็นได้ชัดว่าคล่องแคล่ว และเป็นธรรมชาติที่สุด
นอกจากอำนาจของราชานักธุรกิจและคุณชายสูงส่งในตระกูลมหาเศรษฐีที่อยู่บนตัวของแล้ว และก็มีความหนักแน่นในฐานะของคนเป็นพ่อที่เพิ่มขึ้นมา
แม้ว่าเอามาเปรียบเทียบกับคนส่วนใหญ่แล้ว เฉินถิงเซียวจะยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จอย่างเพียบพร้อมแล้ว แต่เขาก็ยังคงเปลี่ยนแปลงไป
ก็แค่ ความเที่ยงตรงของโชคชะตา มันกลับปรากฏขึ้นในหนทางฝั่งอยุติธรรมตั้งแต่แรก
สือเย่ไม่ได้อยู่นาน แค่หันมามองไม่กี่วินาทีก็เดินจากไป
เรื่องของมู่น่อนน่อน เขาเคยได้ยินกู้จือหยั่นพูดถึงอยู่
เขาออกจากโรงแรมจีนติ่ง ทั้งขับรถออก และโทรศัพท์หากู้จือหยั่นไปด้วย เพื่อสอบถามที่อยู่ของมู่น่อนน่อน
สือเย่ขับรถไปยังหมู่บ้านที่มู่น่อนน่อนพักอาศัยอยู่
เขาจอดรถอยู่ข้างถนน ฝั่งตรงข้ามทางเข้าของหมู่บ้าน
เขาไม่ได้ลงจากรถทันที แต่กลับนั่งอยู่ในรถอยู่สักพัก ก็เห็นว่ามู่น่อนน่อนเดินออกมาจากหมู่บ้านนั่นแล้ว
วันนี้เธอใส่เสื้อสเวตเตอร์สีขาวกับกางเกงยีน แม้จะผอมกะหร่องก็ตาม แต่ก็เห็นว่ามีชีวิตชีวาไม่เลวทีเดียว
หลังจากเกิดเหตุระเบิดขึ้นบนเกาะเล็กๆ ในปีนั้น สือเย่กับกู้จือหยั่นต่างก็คิดว่ามู่น่อนน่อนคงไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
แต่เวลานี้เห็นมู่น่อนน่อนยืนมีชีวิตอยู่ตรงนั้น สือเย่ก็รู้สึกว่าลำคอตีบจนเกิดอาการลำบากใจอยู่บ้าง
เขาพยายามตั้งสติ จากนั้นก็เปิดประตูรถและเดินลงไป และมุ่งไปทางมู่น่อนน่อนทันที
“สวัสดีครับคุณ?” สือเย่เอ่ยปากถามมู่น่อนน่อนเป็นการลองเชิง
มู่น่อนน่อนหันกลับมามองเธอ “สวัสดีค่ะ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”
สายตาของสือเย่หยุดค้างอยู่ที่ใบหน้าของมู่น่อนน่อนอยู่แวบเดียว จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว และทำน้ำเสียงมีมารยาทที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก “คือแบบนี้ครับ ผมอยากสอบถามสักหน่อย ช่วงนี้ที่หมู่บ้านนี้มีขายบ้านบ้างไหมครับ?”
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ คุณสามารถไปติดต่อที่ฝ่ายขายได้โดยตรง เดี๋ยวฉันเอาโทรศัพท์ของฝ่ายขายให้คุณนะคะ”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเป็นคนใจดี พลันหยิบโทรศัพท์เพื่อค้นหาเบอร์โทรของฝ่ายขาย และบอกกับสือเย่
สือเย่เมมเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ และพูดออกมาจากใจ “ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็หันตัวเดินจากไปทันที
ส่วนสือเย่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม และมองแผ่นหลังของมู่น่อนน่อนที่หายไปท่ามกลางฝูงชน ถึงได้ดึงสายตากลับมา
คุณหญิงเฉินไม่รู้จักเขาจริงๆ แล้ว…
นอกจากร่างกายที่ผอมแห้ง ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากจากเมื่อก่อนเลย แต่ว่านิสัยอ่อนโยนขึ้นเป็นกองเลย
เมื่อก่อนดูเหมือนว่ามู่น่อนน่อนเป็นคนอ่อนโยนมาก แต่กลับแผ่รัศมีไหวพริบเฉียบแหลมคมจากนิสัยออกจากมาตัวอยู่ตลอด ราวกับสามารถหักมุมทำร้ายเธออยู่ได้ตลอดเวลา
อาจจะเป็นเพราะว่าความทรงจำอันหนักหน่วงนั้นมันได้หายไป จนทำให้เธอเป็นคนง่ายๆ ขึ้นเยอะ
สือเย่ได้แต่ส่ายหน้าไปมา และเรียกสติจากความคิดกลับมา
เฉินถิงเซียวให้เขาไปสืบเรื่องของมู่น่อนน่อน ถ้าเกิดรู้เรื่องนี้เข้า หรือพบเจอกับมู่น่อนน่อนเข้าแล้วล่ะ
เขารู้สึกว่า เรื่องที่สองนี้มีความเป็นไปได้มาก
ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาของเฉินถิงเซียว คนที่ใกล้ชิดที่สุดก็คือเฉินจิ่งหยุ้น
เฉินจิ่งหยุ้นจะไปพูดถึงมู่น่อนน่อนได้อย่างไรกัน
ถ้าเฉินถิงเซียวความทรงจำกลับคืนมา และรู้เรื่องที่เฉินจิ่งหยุ้นเห็นมู่น่อนน่อนจะตายต่อหน้าต่อตาแต่ไม่ยอมลงมือเข้าช่วย ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะจัดการกับเฉินจิ่งหยุ้นอย่างไร
……
ในปีที่มู่น่อนน่อนแต่งงานกับเฉินถิงเซียวนั้น ตอนที่ไปยังวิลล่ากลางหุบเขากับเฉินถิงเซียวเป็นครั้งแรกนั้น สือเย่ก็ได้สืบเรื่องเธออย่างทุกซอกทุกมุม
ผ่านมา 3-4 ปี ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาทำเรื่องนี้ซ้ำอีกครั้ง
คนที่ส่งเขาให้คนทำเรื่องนี้ ก็ยังเป็นเฉินถิงเซียวคนเดิม
เรื่องนี้มันทำให้เขามีความรู้สึกมึนงง วงล้อแห่งโชคชะตาเหมือนหมุนวนกลับมาตอนที่มู่น่อนน่อนเพิ่งจะแต่งงานกับเฉินถิงเซียวเลย
แม้ว่าสือเย่จะรู้ไส้รู้พุงมู่น่อนน่อนจนหมดเปลือก แต่ว่าห่างมาตั้งสามปี ยังไงก็จำเป็นต้องสืบซ้ำอีกรอบ
แต่ผลสืบออกมานั้น มันทำให้สือเย่ตกใจมาก
ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องขึ้นเมื่อสามปีก่อน มู่น่อนน่อนมีชื่อเสียงโด่งดังมากในโลกสังคมออนไลน์ แต่เวลานี้กลับไม่มีร่องรอยให้ตรวจสอบเลยสักนิด
ยังมีเรื่องที่เธอกับเฉินถิงเซียว และเรื่องไปคลอดลูกที่ต่างประเทศนั้น ก็ไม่สามารถสืบค้นได้ทั้งหมด
นอกจากว่าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลมู่ เรียนจบวิทยาลัยทางด้านภาพยนตร์ ประสบอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน รวมทั้งเอกสารง่ายๆ ที่สามารถหาได้ทั่วไป อันอื่นต่างสืบค้นไม่ได้เลย
ถ้าสือเย่เป็นคนไม่รู้เรื่องนี้ เกรงว่าคงจะเชื่อเอกสารฉบับนี้ไปแล้ว
แต่ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ สิ่งที่เขาสามารถทำได้นั้นมีแค่เอาเอกสารปกติทั่วไปฉบับนี้เอาไปให้เฉินถิงเซียว
ข้อมูลของมู่น่อนน่อนมีคนเล่นตุกติก แม้ว่าเขาจะบอกเฉินถิงเซียว ว่ามู่น่อนน่อนเป็นภรรยาและผู้หญิงคนที่เขาหลงรักมากที่สุด ไม่แน่ว่าเฉินถิงเซียวจะหลงเชื่อ
ระดับความหนักแน่นที่อยู่ในใจของเฉินถิงเซียวนั้น ผิดไปจากคนปกติทั่วไป อยากให้เขาเชื่อมั่นกับคำพูดของคนคนหนึ่งโดยที่ไม่มีปากเสียงตอบโต้กลับ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ยังไงก็ต้องเริ่มต้นไปทีละก้าว
ตอนบ่าย สือเย่ก็เอาเอกสารข้อมูลที่ตรวจสอบมาได้นำไปยังบริษัทเฉินซื่อ
ตอนที่เข้าไปนั้น กลับถูกพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ขวางเอาไว้ทันที
“คุณผู้ชายคะ คุณมาหาใครหรือคะ?”
สามปีที่ผ่านมานี้ พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ของบริษัทเฉินซื่อก็เปลี่ยนคนไปหลายรอบแล้ว จนพวกเธอไม่รู้จักสือเย่แล้ว
สือเย่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ผมเป็นผู้ช่วยพิเศษคนใหม่ของท่านประธานครับ”
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็ยังคงไม่ปล่อยเขาไป “บัตรพนักงานล่ะคะ?”
จนสุดท้าย สือเย่ได้แต่โทรศัพท์หาเฉินถิงเซียวทันที เพื่อให้เขาอนุญาตให้เข้าไป
เมื่อเดินมาถึงประตูลิฟต์ เขาก็เพิ่งรู้ว่าลิฟต์ยังอยู่ที่ชั้นสิบกว่า ยังต้องรออยู่สักพัก
ในที่สุดก็รอจนลิฟต์ลงมานั้น คนที่เดินออกมาจากลิฟต์ ก็คือเฉินจิ่งหยุ้น
สือเย่ก้มหน้าเล็กน้อย และเรียกเป็นการทักทาย “ประธานเฉิน”
เฉินจิ่งหยุ้นชำเลืองมองสือเย่อยู่แวบหนึ่ง รู้สึกคุ้นหูคุ้นตาอยู่บ้าง แต่คิดไม่ออกว่าเขาคือใคร เลยไม่ได้พูดอะไร
สือเย่เข้ามายังห้องทำงานของเฉินถิงเซียวอย่างราบรื่น
วันนี้เฉินถิงเซียวพาเฉินมู่มาที่บริษัทด้วย
ตอนที่สือเย่เข้ามานั้น ก็เห็นว่าเฉินถิงเซียวกับเฉินมู่ทั้งสองคน ทั้งคนโตและเด็กน้อยกำลัง “ทำงาน” กันอยู่บนโต๊ะ
เฉินถิงเซียวนั่งอยู่บนเก้าอี้ท่านประธาน บริเวณด้านหน้าก็มีเอกสารหนาๆ กองไปทั่ว
ส่วนเฉินมู่นั้น นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานด้านข้างของเขา มือกำลังถือพู่กัน ส่วนอีกมือก็กดกระดาษวาดรูปเอาไว้ และกำลังวาดรูปขีดเขียนอะไรมั่วๆ ลงในกระดาษ
จากภาพมองดูแล้วน่าขำชะมัด แต่ก็ถือว่ากลมกลืนกันมาก
สือเย่เคาะประตูเข้าไป จากนั้นก็เดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าของเฉินถิงเซียวทันที “คุณชาย นี่คือของที่คุณต้องการครับ”
หลังจากที่เขาเอาข้อมูลของมู่น่อนน่อนวางลงแล้ว เฉินถิงเซียวก็มือจากงานที่ทำอยู่ในมือทันที และเริ่มดูข้อมูลของมู่น่อนน่อน
เอกสารบางๆ ที่มีอยู่แค่สองแผ่น แวบเดียวเฉินถิงเซียวก็เปิดจนครบหมดแล้ว
จากนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมาทางสือเย่ “เอกสารว่าที่สามีของเขาล่ะ?”
สือเย่ได้ยินแล้ว ก็ยื่นข้อมูลของลี่จิ่วเชียนที่มีอยู่แผ่นเดียวให้ทันที “นี่ครับ”
ข้อมูลของลี่จิ่วเชียน ยังน้อยกว่าของมู่น่อนน่อนอีก แค่กระดาษ A 4 แผ่นเดียว แถมมีแค่ครึ่งหน้าอีก
นัยน์ตาดำขลับของเฉินถิงเซียว พลันทอประกายความยินดีออกมา เขาแค่ให้สือเย่ไปสืบเรื่องมู่น่อนน่อน ไม่คิดเลยว่าสือเย่จะสืบเรื่องข้อมูลของลี่จิ่วเชียนมาพร้อมกันเลย
ดูจากเรื่องนี้แล้ว สือเย่เคยเป็นผู้ช่วยพิเศษของเขาจริงๆ ในอดีตแน่
เฉินถิงเซียววางเอกสารที่อยู่ในมือลง พลันเอียงศีรษะเล็กน้อย และออกคำสั่งอย่างไม่ใส่ใจ “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งให้คุณไปทำ คืนนี้ผมต้องการจะเข้าพักเป็นเพื่อนบ้านของพวกเขา”
สือเย่ถึงกลับตกใจยกใหญ่
แม้ว่าไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ยังพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจแล้วครับ”