ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 397 พ่อกับคุณอาจจะะจุ๊บกันเหรอ?
มู่น่อนน่อนแค่กวาดสายตาดูรอบๆ ห้องเท่านั้น ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง
เฉินมู่ไม่รอช้ารีบถอดรองเท้าแล้วปีนขึ้นไปนั่งอยู่ข้างๆ มู่น่อนน่อน
เมื่อก่อนในสายตาของมู่น่อนน่อนที่มองเฉินมู่เห็นว่าเด็กคนนี้น่ารักจนทนไม่ไหว แต่เมื่อเธอรู้ว่าเฉินมู่คือลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง ไม่ว่าจะยังไงก็รู้สึกจนทนไม่ไหวหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก
มู่น่อนน่อนลูบหัวของเด็กน้อย แล้วก้มหน้าลงไปหอมเธอสักฟอด
เฉินมู่ลืมตาโต และเงยหน้าขึ้นจุ๊บมู่น่อนน่อนหนึ่งที
เมื่อเด็กน้อยจุ๊บเสร็จก็หัวเราะ” คิกคัก ” ประมาณว่ารู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทำมาก
มู่น่อนน่อนก็จุ๊บเจ้าตัวเล็กคืนอีกครั้ง เฉินมู่ก็ปีนป่ายขึ้นไปบนตัวเธอ
ทั้งสองนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่เตียง เฉินมู่ถูกมู่น่อนน่อนจั๊กจี้จนต้องหัวเราะ” คิกคัก”ออกมา
เมื่อเฉินมู่เล่นจนเหนื่อยแล้ว มู่น่อนน่อนก็จับมือน้อยๆ นั้นวางลงข้างๆ
แต่เหมือนรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังมองอยู่ มู่น่อนน่อนก็ยันตัวขึ้นมา ก็เห็นเฉินถิงเซียวที่ยืนจังก้าอยู่ตรงประตู ซึ่งไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นมานั่ง แล้วลากเฉินมู่ให้ลุกขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับเธอว่า ” คุณพ่อมาแล้ว ”
” คุณพ่อ! ”
เฉินมู่ตะโกนเรียกออกมาด้วยความดีใจ รีบพลิกตัวไหลลงมาจากเตียง จากนั้นก็วิ่งไปกอดขาเฉินถิงเซียว
เฉินมู่ตัวเล็กตัวน้อยขนาดนั้น จึงดูเหมือนตุ๊กตาแปะอยู่บนขาของเฉินถิงเซียว มันทั้งดูแปลกประหลาดแต่ก็มีความอบอุ่นอยู่ในนั้น
เฉินถิงเซียวก้มหน้าลงก็เห็นเฉินมู่มองเขาตาปริบๆ จึงโค้งตัวแล้วอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมา
เฉินมู่เอามือคล้องคอเขา แล้วพยายามดมกลิ่นบนตัวของเขา
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้ว ” ลูกดมอะไร? ”
” ไม่เห็นจะมีกลิ่นเปรี้ยวๆ เลย ” เฉินมู่พูดด้วยความงุนงง
เฉินถิงเซียวอุ้มเด็กน้อยแล้วนั่งลงอีกฝั่ง แล้วถามอย่างมีน้ำอดน้ำทน ” อะไรเปรี้ยวๆล่ะ? ”
มู่น่อนน่อนพอจะรู้แล้วว่าเฉินมู่กำลังจะพูดอะไร จึงจะพูดห้าม
” ถ้าคุณพ่อกินน้ำส้มสายชู (หึง) มันก็จะเปรี้ยวไงคะ ”
” มู่มู่! ”
แต่เธอก็ยังช้ากว่าเฉินมู่หนึ่งก้าว
เฉินมู่พูดจบ ก็ยังทำหน้าเหมือนได้รู้เรื่องแปลกใหม่มาแล้วพูดต่อว่า ” อามู่บอกว่าพ่อกินน้ำส้มสายชู (หึง) ”
มู่น่อนน่อน: ” …… ”
เฉินถิงเซียวมองมู่น่อนน่อนด้วยแววตาที่ดูสนใจอะไรบางอย่าง แต่ก็ยากที่จะคาดเดาอารมณ์ของเขาตอนนี้
มู่น่อนน่อนทำเป็นสนใจเสื้อผ้าตัวเอง ก่อนจะนั่งนิ่งตัวตรงอยู่ข้างเตียง ทำเป็นก้มหน้าก้มตาเหมือนจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น แล้วไม่มองหน้าเฉินถิงเซียว
วินาทีนั้น เธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเฉินถิงเซียวเอ่ยขึ้นมาเนือยๆ : ” ไม่ใช่คุณอา แต่คือแม่ ”
” แม่เหรอ? ”
เฉินมู่ทำยู่ปาก แล้วดึงเนกไทของเฉินถิงเซียว เราพูดด้วยน้ำเสียงต่อต้านที่จริงจัง: ” คุณอาไม่ใช่แม่สักหน่อย ”
คำพูดของเด็กน้อยทำให้เฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะตกใจ
ถึงแม้เฉินมู่จะอายุสามขวบกว่าแต่ก็ไม่สามารถมองว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่ประสีประสาได้
เธอมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว
จะให้เด็กน้อยยอมรับสถานะใหม่ของมู่น่อนน่อน ก็ต้องใช้เวลาและวิธีที่เหมาะสม
ไม่ควรรีบร้อนจนเกินไป
มู่น่อนน่อนรู้สึกคิดหวังอยู่ชั่วขณะ ก็ทำใจให้สงบลงมาได้
ถ้าสามปีก่อนเธอตายไปแล้วจริงๆ ตอนนี้อย่าว่าแต่จะให้เฉินมู่เรียกเธอว่าแม่เลย แค่หน้าของเฉินมู่เธอก็คงไม่มีวันได้เจอ
อีกอย่าง ในช่วงสามปีที่ผ่านมารอบตัวของเฉินมู่ก็มีแค่เฉินถิงเซียวกับซูเหมียน เธอกับเฉินมู่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน จะให้เฉินมู่เปลี่ยนคำเรียกในทันที ก็คงจะดูโลภไปหน่อย
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นยืน: ” มู่มู่จ๊ะ เย็นนี้หนูอยากกินอะไร? เดี๋ยวอาทำให้กินเอง ”
หลังจากย้ายไปย้ายมาจนเย็น ตอนนี้ก็ใกล้มื้อเย็นเข้าไปแล้ว
เฉินถิงเซียวอุ้มเฉินมู่นั่งอยู่บนโซฟา มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป แล้วย่อตัวลงข้างโซฟา สายตาจะได้เห็นเฉินมู่ในระดับที่พอดี
เฉินมู่นั่งพิงอยู่บนแผงอกของเฉินถิงเซียว แล้วตอบด้วยสีหน้าสบายอารมณ์ ” อยากกินที่เป็นเนื้อๆ ”
มู่น่อนน่อนลูบหน้าของเด็กน้อย ” เอาสิ ”
พูดจบก็อดไม่ได้ที่จะจุ๊บลงไปที่แก้มเด็กน้อยหนึ่งที
จุ๊บเสร็จ เธอจึงช้อนสายตา ก็ปะทะเข้ากับดวงตาที่ดูนิ่งขรึมของเฉินถิงเซียว
ลูกตาสีเข้มราวกับน้ำหมึก ในนั้นสั่นสะท้านเหมือนคลื่นใต้น้ำเตรียมจะทะลักออกมา ราวกับว่าจะสูบคนเข้าไป
มู่น่อนน่อนชะงักอยู่กับที่
ทั้งสองอยู่ในระยะสายตาที่ห่างกันแค่คืบ เธอรับรู้ได้ว่าใบหน้าของเฉินถิงเซียวเริ่มขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งลมหายใจของเฉินถิงเซียวรดลงบนใบหน้าของเธอ……
” ทั้งสองคนจะจูจุ๊บกันเหรอ? ”
เสียงของเฉินมู่ทำให้ดึงสติของทั้งสองกลับมาได้
มู่น่อนน่อนเหมือนสะดุ้งตื่นในทันที แล้วถอยกรูดโดยพลัน
เธอยืนขึ้น แล้วพูดจาลนลาน ” ฉันจะลงไปดูว่าพอจะทำอะไรให้มู่มู่กินได้บ้าง ”
มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วออกไปอย่างรีบร้อน
เฉินมู่ถูฝ่ามือไปมา รีบหันไปมองหน้าเฉินถิงเซียว
เมื่อเห็นสีหน้าของพ่อที่จ้องเธอ ดูไม่ค่อยดีนัก
เฉินมู่ก็หดคอ ทำนั่งนิ่งว่านอนสอนง่าย แล้วเรียกพ่อด้วยน้ำเสียงเอาอกเอาใจ: ” พ่อขา ”
” อื้ม ” ไม่พูดอะไร แค่ใช้น้ำเสียงสั้นๆ ตอบกลับ
เฉินมู่เอียงหัวซ้ายทีขวาที เหมือนกำลังพยายามให้ตัวเองแน่ใจว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้โกรธอยู่ ยิ้มจนตาหยีแล้วพูดว่า: ” เมื่อกี้พ่อกับอามู่จะจุ๊บเป็นใช่ไหมล่ะ…. ”
เฉินถิงเซียวมองเฉินมู่ด้วยสีหน้าสะกดอารมณ์: ” เปล่า ”
เฉินมู่ทำทีเล่นใหญ่เอามือข้างหนึ่งปิดปาก แล้วเอาอีกข้างชี้นิ้วโยกไปโยกมาทางเฉินถิงเซียว: ” ใช่! ”
เฉินถิงเซียวเหมือนอดทนจนถึงขีดสุดแล้ว ก็เอามือจับคอเสื้อของเด็กน้อยเอาไว้ ในขณะที่เด็กน้อยกำลังลงจากตัวของเขา แล้วพูดว่า: ” ถ้างั้นว่าไม่เคยจุ๊บกันเหรอ? ”
” อื้ม ” เฉินมู่เดินตามหลังเขา ไม่นานเด็กน้อยก็ลืมเรื่องทั้งหมดที่เพิ่งเกิดไป
เฉินถิงเซียวตัวสูงชะลูดและขายาว และจงใจเดินเร็วๆ
เฉินมู่เดินตามหลังของเขามา บันไดค่อนข้างสูงทำให้เธอรู้สึกกลัวมาก จึงพยายามทรงตัวกับราวบันได เอาหน้าหันไปยังทางลง แล้วนั่งเพื่อไถลก้นลงขั้นต่อไปเรื่อยๆ
ไม่เห็นว่าเฉินถิงเซียวเดินไปถึงโถงใหญ่แล้ว เด็กน้อยก็เอามือกอดอกแล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด: ” เฉินชิงเซียว อุ้มหน่อยสิ! ”
เฉินถิงเซียวหันกลับมามองเด็กน้อย: ” ทางเดินของตัวเองก็ต้องเดินด้วยตัวเอง ”
เฉินมู่จะไปรู้อะไร กับคำว่า” ทางของตัวเอง ” เธอแค่เข้าใจว่าเฉินถิงเซียวให้เธอ ” เดินด้วยตัวเอง ”
เด็กน้อยแบบปาก จากนั้นก็เอาหลังหันเข้าหาบันได สักพักก็หันหน้ากลับมาเหมือนเดิม จากนั้นก็ค่อยๆ ใช้มือใช้เท้าดันตัวลงบันไดมา
ระหว่างทางคนใช้ก็จะเข้ามาอุ้มเด็กน้อย แต่เธอรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ : ” ไม่ต้องอุ้มค่ะ เดี๋ยวหนูเดินเอง ”
………..
เฉินถิงเซียวก็ตรงไปยังห้องครัว
เขาซื้อคฤหาสน์หลังนี้มาปีสองปีแล้ว เหตุผลหลักก็เพราะเขาไม่ชอบอยู่บ้านหลังเดิม ทุกครั้งที่อยู่บ้านก็มักจะรู้สึกแปลกๆ
ก่อนหน้าที่จะย้ายมาอยู่ติดกับลี่จิ่วเชียน เหตุผลหลักคือรู้สึกแปลกใจในตัวมู่น่อนน่อน คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่เกินไปแล้ว แค่เขากับเฉินมู่อยู่ก็ดูโล่งเกินไปหน่อย
แต่ตอนนี้กลายเป็นที่ที่มีประโยชน์ต่อการใช้สอย
เมื่อเขาเดินไปถึงประตูทางเข้าห้องครัวก็หยุดที่เท้า และไม่ได้เข้าไป
มู่น่อนน่อนหันหลังใส่เขา ในมือเธอกล่องใส่เนื้อ ดูเหมือนเธอกำลังพยายามแยกประเภทเนื้ออยู่ สีหน้าดูเอาจริงเอาจัง
ผมที่ยาวสลวยถูกมัดเป็นหางม้าอยู่ข้างหลัง แขนเสื้อถูกพับขึ้นมา เผยให้เห็นแขนเรียวยาว
เธอวางกล่องหนึ่งในนั้นลง ในเขย่งเท้าเพื่อจะขึ้นไปหาของในบนชั้น พยายามชูมือขึ้นเหนือศีรษะ ทำให้เสื้อผ้าถูกดึงแล้วลอยขึ้นเผยให้เห็นเอวเล็กอย่างชัดเจน
ทำให้คนที่ได้เห็นใจเป็นแปลกๆ
เฉินถิงเซียวทำหน้านิ่ง ก่อนจะเอามือกดลงไปที่อกข้างซ้าย พร้อมใบหน้าที่เคร่งขรึม
เวลานี้ ด้านหลังเขาก็มีเสียงเฉินมู่ดังขึ้นมา
” คุณพ่อคะ! ”
เฉินถิงเซียวหันหน้ากลับไป ก็เห็นใบหน้าที่กระตือรือร้นของเฉินมู่: ” คุณพ่อคะ หนูลงมาเองได้แล้วนะ ”
มู่น่อนน่อนได้ยินเสียงเอะอะ จึงหันกลับมามอง สายตาก็โฟกัสไปที่เฉินมู่ และมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาจากหางตา