ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 402 แค่จุ๊บเขาก็พอแล้ว
วินาทีต่อมา ปลายสายก็มีเสียงไอของเสิ่นเหลียง “ฉันสำลักน้ำ รอแป๊บหนึ่งนะ……”
ตอนแรกเสิ่นเหลียงเทน้ำเตรียมจะดื่ม แต่พอได้ยินคำถามของมู่น่อนน่อนนั้น ก็สำลักน้ำในทันที
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าตอนนี้มู่น่อนน่อนความจำเสื่อม แต่ว่าในความทรงจำของเธอนั้น มู่น่อนน่อนต่างหากที่เป็นคนที่อยู่ข้างหมอนของเฉินถิงเซียว คนที่รู้จักเฉินถิงเซียวดีที่สุดควรจะเป็นมู่น่อนน่อนสิถึงจะถูก
อยู่ดีๆ ก็ถูกมู่น่อนน่อนถามคำถามนี้ เสิ่นเหลียงก็เลยตกใจ
เสิ่นเหลียงดื่มน้ำลงไปอย่างใจเย็น แล้วค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับมู่น่อนน่อน
“น่อนน่อน เมื่อกี้เธอพูดว่ายังไงนะ?”
“เมื่อกี้ฉันถามเธอ……ว่าเฉินถิงเซียวเป็นคนยังไง”มู่น่อนน่อนน่าจะ คาดเดาความคิดของเสิ่นเหลียงได้ เธอเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองถามคำถามนี้แล้วดูแปลกๆ
“อืม……ฉันคิดก่อนนะ……”เสิ่นเหลียงชะงักไป แล้วก็สรุปเพียงไม่กี่คำให้กับเธอ “รวย หล่อ เย็นชา น่ากลัว”
นี่คือภาพจำที่เสิ่นเหลียงมีต่อเฉินถิงเซียวในขณะที่ได้ติดต่อกัน
เรื่องความรวยกับความหล่อนั้น แค่เป็นคนที่มีตาก็สามารถมองเห็นได้จากตัวของเฉินถิงเซียวแล้ว
เย็นชาก็ถือว่านิดหน่อย
ส่วนเรื่องน่ากลัว……
ก็ถือว่ามีนิดหน่อยแล้วกัน
มู่น่อนน่อนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “แค่นี้เหรอ มีอีกไหม?”
“ไม่มีแล้ว”เสิ่นเหลียงถอนหายใจออกมา “พอพูดขึ้นมาแล้ว คนที่ควรจะรู้จักบอสใหญ่ดีที่สุดควรจะเป็นเธอสิถึงจะถูก”
“ทำไมเธอถึงเรียกเขาว่าบอสใหญ่ล่ะ?” มู่น่อนน่อนยังอ่านเอกสารพวกนั้นไม่ทันจบ ก็เลยไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวคือหัวหน้าที่อยู่เบื้องหลังบริษัทเสิ้งติ่ง
เสิ่นเหลียงต่อ “เพราะว่าเขาคือหัวหน้าที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทเสิ้งติ่งไง”
มู่น่อนน่อน:“……”
เพราะว่าเวลาค่อนข้างที่จะดึกแล้ว มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้อยากจะคุยอะไรกับเสิ่นเหลียงมากมาย
ตอนที่วางสายนั้น เสิ่นเหลียงก็ถามด้วยความสงสัย “ทำไมจู่ๆ วันนี้เธอถึงมาถามเรื่องนี้กับฉันล่ะ? เกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับบอสใหญ่อย่างนั้นเหรอ?”
ตอนนี้เฉินถิงเซียวก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับกู้จือหยั่นเท่าไหร่นะ กู้จือหยั่นก็ไม่ค่อยรู้สถานการณ์ของเฉินถิงเซียวในปัจจุบัน
ไม่ว่ากู้จือหยั่นเจอเรื่องอะไรมาก็จะคิดว่าต้องบอกเสิ่นเหลียงเป็นคนแรก เรื่องที่ตัวเขาเองยังไม่รู้ เสิ่นเหลียงก็ต้องไม่รู้อย่างแน่นอน
อีกด้านหนึ่งก็คือ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มันเกิดขึ้นอย่างค่อนข้างที่จะกะทันหัน ต่อให้มู่น่อนน่อนคิดได้ว่าจะบอกเสิ่นเหลียงก็ไม่มีโอกาสได้บอกหรอก
“ตอนนี้ฉัน……”มู่น่อนน่อนชะงักไป แล้วก็พยายามหาวิธีพูดที่เหมาะสม “กับเฉินถิงเซียวอยู่ใต้หลังคาเดียวกันแล้ว”
ทันใดนั้นระดับเสียงของเสิ่นเหลียงก็สูงขึ้นในทันที “เธอรื้อฟื้นความทรงจำได้แล้วเหรอ? หรือว่าบอสใหญ่รื้อฟื้นความทรงจำได้แล้ว
ขนาดผ่านทางโทรศัพท์ มู่น่อนน่อนยังสามารถคาดเดาได้ว่าตอนนี้สีหน้าของเสิ่นเหลียงจะเซฮร์ไพรส์ขนาดไหนกัน
มู่น่อนน่อนหัวเราะ “เปล่าหรอก”
เธอก็อยากจะรื้อฟื้นความทรงจำเหมือนกัน แต่ว่าความจริงนั้นมันไม่ได้คืบหน้าเลย
เธอกับเฉินถิงเซียวเป็นคู่สามีภรรยาที่ตกทุกข์ได้ยากจริงๆ ถูกทิ้งระเบิดบนเกาะด้วยกัน แล้วก็สูญเสียความทรงจำด้วยกัน
พอพูดแบบนี้แล้ว เหมือนกับว่าเธอกับเฉินถิงเซียวมีความรักต่อกันมากมายเลยนะ
“ถ้าเกิดว่าเธอไม่ยุ่ง พวกเราหาเวลามาเจอกันดีกว่า”เธอก็มีเรื่องบางเรื่องอยากจะถามเสิ่นเหลียงอยู่พอดีเหมือนกัน
เสิ่นเหลียงตอบในทันที “OK”
……
วันถัดมา
มู่น่อนน่อนถูกตกด้วยเสียงฝีเท้าดัง “ตึงๆ ”จากด้านนอกประตู
เสียงฝีเท้าไม่ได้หนักมาก ความถี่ว่องไวมาก สามารถฟังออกได้อย่างง่ายดายว่าเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นคือใคร
แล้วก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ มู่น่อนน่อนเพิ่งจะพยุงตัวให้ลุกขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยพลังของเฉินมู่ “แม่คะ ตื่นได้แล้ว!”
พอเฉินมู่ตะโกนเสร็จ ก็ยื่นมือมาเคาะประตู
เคาะทั้งหมด 3 ครั้งอย่างมีระเบียบ
มู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ OK ลุกเดี๋ยวนี้แหละ”
“อืม” เฉินมู่ตอบอย่างกระฉับกระเฉงแล้วก็วิ่งออกไป
มู่น่อนน่อนเงี่ยหูฟัง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดัง “ตึงๆๆ ”ค่อยๆ ไกลออกไป ถึงได้ยิ้มแล้วก็ลุกขึ้นจากเตียง
เฉินมู่เรียกมู่น่อนน่อนเสร็จแล้ว ก็วิ่งไปที่หน้าห้องของเฉินถิงเซียวแล้วก็เริ่มเคาะประตู “เฉินชิงเซียว ตื่นได้แล้ว”
ผ่านไป 2 วินาที เฉินถิงเซียวก็เปิดประตูออกมา
ในขณะเดียวกัน มู่น่อนน่อนก็เปิดประตูห้องออกมาพอดี
สายตาของเธอมองไปรอบๆ แล้วก็เจอเฉินมู่ที่อยู่หน้าประตูห้องของเฉินถิงเซียว
พอคิดขึ้นได้ว่าตัวเองยังสวมใส่ชุดนอนอยู่ มู่น่อนน่อนก็เตรียมจะปิดประตูแล้วเดินกลับเข้าไป
และในตอนนี้เอง เธอก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาของเฉินถิงเซียวดังขึ้น “เฉินมู่ พ่อให้โอกาสลูกได้พูดใหม่”
ก่อนหน้านี้ถ้าเป็นในเวลานี้ เฉินมู่จะเรียกเขาอย่างเชื่อฟังด้วยคำว่า “พ่อ”
แต่ว่า ตอนนี้เฉินมู่ขี้เล่นขึ้น เธอมุ่งเข้าไปหามู่น่อนน่อนอย่างรวดเร็ว
ก้อนกลมๆ พุ่งไปในอ้อมแขนของมู่น่อนน่อนในทันที ดึงข้อมือของเธอไว้แล้วก็ดึงเธอเข้าไปในห้อง “แม่ขา รีบเข้ามาเร็ว เฉินชิงเซียวมาแล้ว……”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมองเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวหรี่ตามองเธอ ใบหน้าไม่ได้มีสีอะไรเป็นพิเศษ แต่ว่ามู่น่อนน่อนสามารถอ่านประโยคที่ว่า “ถ้าเกิดว่ากล้าปกป้องเธอตายแน่”ออกมาจากใบหน้าของเขาได้
มู่น่อนน่อนลังเลอยู่ไม่กี่วินาที แล้วก็ดึงเฉินมู่เข้ามาในห้องพร้อมกับล็อกประตู
เสียงปิดประตูนั้นพอเฉินถิงเซียวได้ยินแล้ว มันดูเยอะยิ่งเป็นพิเศษ
เขาจ้องไปที่ประตูที่เปิดอยู่ ผ่านไปนาน ก็หัวเราะออกมา แล้วก็หันหลังเดินขึ้นชั้นบนไป
……
ภายในห้อง
หลังจากที่มู่น่อนน่อนปิดประตูแล้ว ก็เอาหูแนบประตูฟังเสียงจากภายนอก
เฉินมู่ก็ทำท่าทางเหมือนกับเธอ เอาหูแนบกับประตู
มู่น่อนน่อนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เธอดึงสติกลับมา แล้วก็เห็นว่าเฉินมู่การเลียนแบบเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา
เธอโน้มตัวลงตรงหน้าเฉินมู่แล้วพูดว่า “หนูไม่กลัวว่าเฉินชิงเซียวจะจัดการหนูเหรอ?”
เฉินมู่ต้องเธออยู่ 2 วินาทีอย่างตะลึง แล้วก็เหมือนกับว่าเพิ่งจะเข้าใจความหมายของเธอ หนูน้อยยักไหล่ แล้วก็เบิกตาโพลงพร้อมกับพูดด้วยเสียงเล็กๆ “กลัวค่ะ”
มู่น่อนน่อนยิ้มแล้วก็ดึงเธอมากอดไว้ “ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวหนูก็ไปออดอ้อนเขา จุ๊บเขาทีหนึ่งก็โอเคแล้ว”
เฉินมู่ก็พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ
มู่น่อนน่อนลูบผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ “เดี๋ยวฉันไปเอาแปรงสีฟันของหนูมาให้ แล้วพวกเรามาแปรงฟันพร้อมกันโอเคไหม?”
“เดี๋ยวหนูไปเอาเองค่ะ” พอเฉินมู่พูดจบ ก็เปิดประตูห้องและวิ่งออกไป
มู่น่อนน่อนก็มองไปยังประตูของเฉินถิงเซียว พบว่าเขาไม่อยู่ตรงนั้น ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่ว่า เธอรู้สึกว่านิสัยที่เจ้าคิดเจ้าแค้นของเฉินถิงเซียว ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ อย่างแน่นอน
เฉินมู่หยิบแปรงสีฟันของตัวเองมาอย่างรวดเร็ว
เธอไม่ได้หยิบแค่แปรงสีฟันมาเท่านั้น แถมยังเอาผ้าเช็ดตัวกับกิ๊บติดผมมาอีกด้วย
เฉินมู่ยิ้มพร้อมกับวิ่งเข้ามา แล้วก็เอาของที่ตัวเองกอดไว้ที่หน้าอกยื่นให้มู่น่อนน่อน พร้อมกับเอาให้มู่น่อนน่อนดูทีละชิ้นๆ ด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ดูกิ๊บติดผมรูปสตอเบอรี่ของหนูสิ แถมยังมีกระต่ายด้วย สีแดงอีก……”
มู่น่อนน่อนมองดูเธอแนะนำกิ๊บติดผมของตัวเองอย่างอดทน แล้วก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปล้างหน้าแปรงฟันกันก่อนดีไหม? แล้วก็ออกมาสีผม แล้วค่อยติดกิ๊บแสนสวยโอเคไหม?”
ไม่คิดเลยว่าเฉินมู่จะตอบรับอย่างให้ความร่วมมือ“ได้ค่ะ!”
มู่น่อนน่อนลูบผมของเธอ แล้วก็อุ้มเธอเข้าห้องน้ำไป
มู่น่อนน่อนส่งแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันเรียบร้อยแล้วให้กลับเฉินมู่: “มู่มู่ของพวกเราแปรงฟันเองเป็นไหม?”
“เป็นค่ะ!”เฉินมู่รับแปรงสีฟันมา จุ่มลงไปในแก้วที่เติมน้ำเอาไว้ แล้วก็อ้าปากพร้อมกับแปรงฟัน
ท่าทางการแปรงฟันของเฉินมู่ดูมีความชำนาญมาก แล้วก็ว่างไว