ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 414 ถูกฉันทำให้โกรธจนกลับไปแล้ว
เฉินมู่กระโดดลงจากโซฟา แล้ววิ่งไปยังเฉินจิ่งหยุ้น
มู่น่อนน่อนมองอยู่ข้างๆ บนใบหน้าไม่ได้มีอารมณ์พิเศษอะไรเลย
เธอเพียงแค่มองสำรวจเฉินจิ่งหยุ้นไปหลายที แล้วก็ได้สั่งคนใช้ให้ไปเอาชามาเสิร์ฟ
ถึงแม้ว่าเฉินจิ่งหยุ้นจะไม่ใช่แขกที่ได้เชิญมาเอง แต่นั่นก็ยังเป็นแขก
ถึงแม้ว่ามู่น่อนน่อนจะไม่รู้ว่าทำไมเฉินจิ่งหยุ้นถึงได้เกลียดเธอ แต่เฉินมู่ก็เป็นคนแซ่เฉิน
มองออกว่าเฉินจิ่งหยุ้นเองก็มีความรู้สึกจริงๆต่อเฉินมู่อยู่บ้างเหมือนกัน เฉินจิ่งหยุ้นไม่ได้ปฏิบัติตัวไม่ดีต่อเฉินมู่ในขณะที่เกลียดเธออยู่เลย
ดังนั้นแล้ว เธอจึงไม่ขัดขวางเฉินมู่กับเฉินจิ่งหยุ้นที่จะใกล้ชิดกัน
เฉินมู่กระโดดลงจากโซฟา แล้วก็วิ่งเข้าไปหาเฉินจิ่งหยุ้น
เฉินจิ่งหยุ้นกอดเฉินมู่เข้ามาในอ้อมแขน แล้วจูบลงไปบนใบหน้าของเธอ “มู่มู่ คิดถึงป้าหรือเปล่า”
“คิดถึง”
เฉินจิ่งหยุ้นยิ้มแล้วอุ้มเธอขึ้นมา พูดคุยกับเธอ
ตอนนี้คนใช้ได้ยกชาเข้ามา “คุณหนูเฉิน เชิญดื่มชาค่ะ”
เฉินจิ่งหยุ้นวางเฉินมู่ลงไปข้างๆ เลิกตาขึ้นมองไปทางมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนเองก็ไม่ได้หลบเลี่ยงไป ได้เผชิญเข้ากับสายตาของเฉินจิ่งหยุ้นไปตรงๆ
สายตาของทั้งสองคนได้บรรจบกันที่กลางอากาศ มู่น่อนน่อนไม่มีความขลาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เฉินจิ่งหยุ้นแสยะยิ้มเย็นออกมา
มู่น่อนน่อนหันหน้าไป ส่งแท็บเล็ตที่อยู่ในมือไปให้คนใช้ “พามู่มู่ขึ้นไปเล่นข้างบน” เธอพูดจบ ก็ได้พูดกับเฉินมู่ไปอีกทีนึงว่า “แม่กับคุณป้ามีเรื่องต้องคุยกัน หนูขึ้นไปเล่นข้างบนก่อนแป๊บนึง อีกเดี๋ยวแม่จะขึ้นไปหา”
“อืม” เฉินมู่พยักหน้าออกมาเล็กน้อย แล้วก็ได้ถูกคนใช้พาออกไป
พอเฉินมู่เดินออกไปแล้ว เฉินจิ่งหยุ้นก็ไม่ได้ปิดซ่อนออกมาอีก บนใบหน้าแสดงท่าทีเหยียดหยามออกมาอย่างไม่มีปิดบังเลยแม้แต่น้อย “มู่มู่ได้นิสัยถิงเซียวมา ใจกว้างเป็นมิตรกับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหนก็เข้าตาไปหมด”
เมื่อสามปีก่อนเธอไม่ชอบมู่น่อนน่อน สามปีต่อมาเธอก็ยังไม่ชอบมู่น่อนน่อนอยู่
“งั้นเหรอ?” มู่น่อนน่อนฉีกยิ้มมุมปากออกมา สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลย “คุณหนูเฉินพูดอะไรฉันไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่ แต่ว่าฉันก็รู้ว่าระหว่างคุณหนูเฉินกับเฉินถิงเซียวมีความเข้าใจผิดกันอยู่ คุณไปหาเขาไม่ใช่ว่าก็จบแล้ว”
วันนั้นท่าทีที่เฉินถิงเซียวมีต่อเฉินจิ่งหยุ้น มู่น่อนน่อนมองเห็นได้อย่างชัดเจน
สองพี่น้องคู่นี้เห็นได้ชัดว่าไม่ลงรอยกัน
ตอนนี้เฉินถิงเซียวไม่ฟังคำพูดของเฉินจิ่งหยุ้นเลยสักนิด
เฉินจิ่งหยุ้นจำต้องมาหาเธอ
คนเราก็เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น มักจะชอบรังแกคนที่อ่อนแกกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแรงกว่ากัน
เฉินจิ่งหยุ้นนึกว่าเธอจะอ่อนกว่าเฉินถิงเซียวได้เท่าไหร่กัน?
อันที่จริงเฉินจิ่งหยุ้นกับมู่น่อนน่อนก็ได้ติดต่อพูดคุยกันน้อยมากเลยด้วย ดังนั้นแล้วจึงไม่ได้รู้จักมู่น่อนน่อนดีมากนัก
ได้ยินคำพูดที่ภายนอกฟังดูอ่อนโยนดีแต่ภายในใจกลับมาความคิดชั่วร้ายแฝงเอาไว้อยู่ของมู่น่อนน่อน เฉินจิ่งหยุ้นรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ยิ่งโกรธขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน
“ระหว่างฉันกับถิงเซียวมีความเข้าใจผิดกัน นั่นก็ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเธอหรือไง?” เฉินจิ่งหยุ้นชำเลืองมองเธอไปอย่างเย็นชา แล้วก็ได้เพิ่มน้ำหนักของน้ำเสียงให้หนักขึ้น “คนฉลาด จะต้องรู้จักทำอะไรหรือพูดอะไรให้เหมาะสม ไม่ชวนให้คนอื่นเขาเกลียดกันสักหน่อย แล้วออกจากถิงเซียวไปเอง”
มู่น่อนน่อนนอนพิงเข้ากับโซฟา น้ำเสียงเนือยๆออกมา “คำพูดนี้คุณพูดกับเฉินถิงเซียวเองเถอะค่ะ”
“มู่น่อนน่อน!” เฉินจิ่งหยุ้นโกรธจนลุกยืนขึ้นจากบนโซฟาทันที “แกอย่ามาทำเป็นพูดดีๆแล้วไม่ยอมทำตาม แล้วต้องให้ใช้กำลังมาบังคับนะ”
มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าไปลึกๆ แสร้งทำเป็นเอ่ยออกไปด้วยความสงสัย “เรื่องที่คุณหนูเฉินมาที่บ้านวันนี้ เฉินถิงเซียวไม่ได้รู้เรื่องเลยใช่มั้ยคะ?”
สองพี่น้องแห่งตระกูลเฉินคู่นี้ถึงแม้ว่าจะไม่ลงรอยกัน แต่ก็มีจุดที่เหมือนกันอยู่
อธิเช่นต่างก็ชอบสั่งคนอื่นด้วยกันทั้งคู่
เหมือนกับคนอื่นเขาควรจะถูกพวกเขาควบคุม เชื่อฟังคำพูดของพวกเขากันทั้งนั้น
ก้นบึ้งภายในใจของมู่น่อนน่อนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย แต่ภายนอกยังคงรักษารอยยิ้มสงบนิ่งเอาไว้อยู่
เฉินจิ่งหยุ้นจ้องมองเธอไปด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่ “แกให้คนไปแจ้งถิงเซียว?”
“ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าคุณหนูเฉินคุณเป็นพี่สาวแท้ๆของเขา คุณมาที่บ้าน แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องแจ้งเฉินถิงเซียวกันอยู่แล้ว” อันที่จริงเธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนพวกนั้นจะแจ้งเฉินถิงเซียวไปหรือเปล่า
แต่ เห็นได้ชัดว่าเฉินจิ่งหยุ้นนั้นเชื่อคำพูดของเธอ
ก้นบึ้งภายในใจของเฉินจิ่งหยุ้นนั้นยังมีความขลาดกลัวเฉินถิงเซียวอยู่บ้าง ถามมู่น่อนน่อนออกไปอย่างไม่ยินยอม “แกอยู่ข้างๆถิงเซียว ไม่ใช่ว่าหวังที่จะเอาอำนาจและเงินของเขาหรือไง? แกต้องการเงินเท่าไหร่ถึงจะยอมไปจากเขา?”
เฉินจิ่งหยุ้นไม่ชอบมู่น่อนน่อนมาโดยตลอด คิดว่ามู่น่อนน่อนหวังเงินและอำนาจของเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนยิ้มหยันออกมา “ในเมื่อฉันหวังที่จะได้อำนาจและเงินของเขา แล้วจะออกไปจากเขาเพียงเพราะว่าคุณเอาเงินมาให้แค่ไม่กี่ตังค์ได้ยังไงกันล่ะ? อยู่ข้างๆเขาเป็นแม่ของลูกเขาไปไม่ใช่ว่ามันดูมีอนาคตที่ก้าวไกลกว่าอีกไม่ใช่หรือไง?”
เธอพูดจบ ก็เหมือนกับว่าอยากรู้อยากเห็นเอามากๆขึ้นมาอีก จึงส่งเสียงถามเฉินจิ่งหยุ้นออกไป “แต่ว่า คุณคิดจะใช้เงินเท่าไหร่มาทำให้ฉันออกไปจากเฉินถิงเซียว? ถ้าจำนวนมันถูกใจฉัน ฉันจะลองพิจารณาดูสักหน่อยก็ได้”
มู่น่อนน่อนใช้น้ำเสียงเย้าหยอกเฉินจิ่งหยุ้นเล่นออกไปอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้ ทำให้เฉินจิ่งหยุ้นโกรธจนสั่นไปหมด
“ขอให้แกอวดดีอย่างนี้ให้ตลอดแล้วกัน!” เฉินจิ่งหยุ้นกัดฟันแล้วพูดทิ้งท้ายเอาไว้คำนึง แล้วก็เดินแกว่งแขนออกไป
พอเฉินจิ่งหยุ้นเดินออกไปแล้ว มู่น่อนน่อนจึงผ่อนลมหายใจออกมายาวๆด้วยความโล่งอก
เธอพิงเข้ากับโซฟาแล้วทำสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง ตอนที่กำลังคิดว่าจะขึ้นไปหาเฉินมู่นั้น ก็ได้ยินการเคลื่อนไหวที่ด้านนอกประตู
เลิกตาขึ้นมองไปทางประตูทางเข้า ก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังสาวก้าวใหญ่ๆเดินเข้ามาทางเธอ
มู่น่อนน่อนมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย คนใช้ได้โทรไปหาเฉินถิงเซียวเพื่อเรียกเขากลับมาจริงๆ
เฉินถิงเซียวเดินตรงเข้ามาอยู่ตรงหน้าเธอ ลดสายตาลงถามเธอออกมา “เฉินจิ่งหยุ้นล่ะ?”
“ไปแล้ว” มู่น่อนน่อนเบ้ปากออกมาเล็กน้อย “ถูกฉันทำให้โกรธจนกลับไปแล้ว”
พูดจบ มู่น่อนน่อนก็มองไปทางเฉินถิงเซียวด้วยใบหน้าของผู้บริสุทธิ์
เฉินถิงเซียวเพียงแค่เลิกคิ้วเล็กน้อยออกมา ไม่ได้พูดอะไรมากมายออกมา จากนั้นก็ผันร่างเดินออกไปข้างนอกอีกครั้ง
มู่น่อนน่อนลุกยืนขึ้นมา “นี่คุณจะกลับแล้ว?”
เฉินถิงเซียวไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ฝีเท้าได้เดินไปเร็วกว่าเดิม
สีหน้าของมู่น่อนน่อนนิ่งค้างออกมา
เมื่อกี้เธอจงใจบอกไปว่าเฉินจิ่งหยุ้นนั้นเธอได้โกรธจนกลับไปแล้ว ก็เพราะว่าอยากจะลองใจเฉินถิงเซียวดูสักหน่อยว่าตกลงแล้วเฉินจิ่งหยุ้นมีสถานะแบบไหนกันแน่
ตอนนี้ดูเหมือนว่า…
เฉินถิงเซียวนี้เป็นคนที่เกรี้ยวกราดกับทุกคนแบบไม่เลือกหน้าเลยจริงๆ เขาไม่สนเลยว่าเธอกับเฉินจิ่งหยุ้นเกิดอะไรขึ้น
งั้นเขากลับมาทำไมกัน?
……
ก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวได้รับสายจากสาวใช้ ได้ยินว่าเฉินจิ่งหยุ้นมาหามู่น่อนน่อน ก็กังวลว่ามู่น่อนน่อนจะได้รับอันตรายขึ้นมา จึงขับรถกลับมาเลยทันที
เพราะถึงยังไงเมื่อตอนนั้นเฉินจิ่งหยุ้นก็สามารถใจร้ายไม่ยอมช่วยมู่น่อนน่อนได้ลงคอ ตอนนี้จงใจถือโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่ไปหามู่น่อนน่อนที่บ้าน แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะต้องการจับมือคืนดีกับมู่น่อนน่อนแน่
เฉินจิ่งหยุ้นก็คือต้องการจะมาหาเรื่องมู่น่อนน่อน
แต่ผลสุดท้ายพอกลับมาดู มู่น่อนน่อนไหนเลยจะมีสภาพเหมือนกับโดนทำร้ายมา
เฉินถิงเซียวเข้ามานั่งในรถ คลายเนกไทออกไปเล็กน้อย แล้วขับรถไปยังบริษัทเฉินซื่อ
เขาเข้าบริษัทเฉินซื่อไป เพิ่งจะออกมาจากลิฟต์ ก็มีเลขาเข้ามาบอกเขาว่าเฉินจิ่งหยุ้นกำลังรอเขาอยู่ที่ห้องทำงานของเขา
เฉินถิงเซียวยิ้มอย่างคลุมเครือออกไป “รอนานแล้ว?”
เลขาพูด “เพิ่งมาครับ”
“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่ามีประชุมหรือไง? ตอนนี้เริ่มประชุมกันเลยแล้วกัน” เฉินถิงเซียวพูดจบ ก็เดินตรงไปยังห้องประชุม
เลขายืนอยู่ตรงที่เดิมด้วยใบหน้าทำอะไรไม่ถูก นี่ท่านประธานตั้งใจจะให้ท่านรองประธานรอ?
ทั้งบริษัทเฉินซื่อ ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวกับเฉินจิ่งหยุ้นเป็นพี่น้องแท้ๆกัน
ตอนนี้สถานการณ์นี้มันเป็นความสัมพันธ์แตกหักกันแล้ว?
เมื่อก่อนเฉินถิงเซียวกับเฉินจิ่งหยุ้นก็ไม่ลงรอยกันอยู่เหมือนกัน แต่ก็มีเพียงแค่คนตระกูลเฉินเท่านั้นที่รู้ คนนอกไม่ได้รู้เรื่องราวภายในชัดเจนกัน
เลขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงที่เดิมไปสักพักนึง แล้วไปเก็บของที่จำเป็นต้องใช้ในการประชุมมา
เฉินจิ่งหยุ้นรอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นเฉินถิงเซียวกลับมาเลย หรือว่าเขาจะไปหามู่น่อนน่อนแล้วจริงๆงั้นเหรอ?
ถึงแม้ว่าจะสูญเสียความทรงจำไป มู่น่อนน่อนสำหรับแล้วก็ยังสำคัญขนาดนั้นอยู่?