ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 420 ความทรงจำเกิดความยุ่งเหยิงขึ้นมา
มู่น่อนน่อนตบหัวของเฉินมู่ไปเบาๆ พลางเอ่ยปลอบออกไปเบาๆ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
เสียงของพวกเขาทางนี้ ได้ดึงดูดความสนใจของเฉินถิงเซียวเข้ามา
เฉินถิงเซียวเพิ่งจะมองมาทางนี้ สือเย่จึงได้เดินเข้าไป
สือเย่ถามออกไปด้วยใบหน้าเป็นห่วงเป็นใยอย่างมาก “คุณชาย คุณไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ?”
เฉินถิงเซียวมองไปทางสือเย่ไปด้วยใบหน้ายิ้มเสแสร้งออกมา “ฉันเหมือนกับไม่เป็นไรเหรอ?”
สือเย่ถูกเขาทำเอาจุกไป พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
แต่เพียงไม่นานเขาก็ได้มีการตอบสนองกลับมา เฉินถิงเซียวไม่รู้จักมู่น่อนน่อน แต่กลับไม่ได้แสดงออกมาว่าไม่รู้จักเขา
“คุณชาย คุณรู้ว่าผมเป็นใครหรือเปล่า?” สือเย่ตัดสินใจที่จะทำการยืนยันกับเฉินถิงเซียวให้แน่ใจสักหน่อย
เฉินถิงเซียวมองเขาไปด้วยสีหน้าที่กำลังมองคนโง่ “สือเย่ นายแต่งงานจนสมองโง่งมไปหมดแล้วเหรอ? ฉันไม่ได้เสียความทรงจำไปเสียหน่อย ฉันจะไปไม่รู้จักนายได้ยังไง”
นี่ไม่ใช่เสียความทรงจำไปแล้วหรือไง?
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะหนักกว่าเสียความทรงจำเยอะเลย
เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้คุณชายบอกพูดว่าเขาแต่งงาน?
เรื่องที่เขาแต่งงานมันเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อนไปแล้ว
เมื่อตอนนั้นเขาเพิ่งจะเรียนจบ เงินดาวน์บ้านก็ใกล้จะครบแล้ว จึงได้ขอภรรยาแต่งงาน
เรื่องเมื่อหลายปีก่อนมานี้ เฉินถิงเซียวทำไมจู่ๆถึงได้เอ่ยขึ้นมาอีกกัน?
สือเย่เตะชิ้นส่วนแก้วที่แตกออกตรงหน้าออกไป พลางเอ่ยออกไปกับเฉินถิงเซียว “คุณชายครับ เรื่องที่ผมแต่งงานนั้นมันเป็นเรื่องเมื่อแปด เก้าปีก่อนแล้วนะครับ”
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่มองจ้องเขาไปด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่
สือเย่ค่อยๆเข้าใจขึ้นมาได้รางๆ เฉินถิงเซียวมองไปแล้วดูเหมือนกับว่าความทรงจำจะเกิดความยุ่งเหยิงขึ้นมา
เขาแต่งงานมันเป็นเรื่องเมื่อแปด เก้าปีก่อนไปแล้ว แต่เฉินถิงเซียวกลับจู่ๆก็มาพูดถึงเรื่องที่เขาแต่งงานขึ้นมา
หรือว่าความทรงจำในตอนนี้ของเฉินถิงเซียว มันจะหยุดอยู่ที่ตอนที่เขาเพิ่งแต่งงานเมื่อตอนนั้นงั้นเหรอ?
สือเย่ถูกการคาดเดาที่บ้าบิ่นนี้ของตัวเองทำเอาช็อกไป
สือเย่ได้ถามหยั่งเชิงออกไปอีกครั้ง “คุณยังรู้จักมู่มู่หรือเปล่าครับ?”
“มู่มู่อะไร?” เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมองเขา ในสายตาไม่แสดงอารมณ์ออกมาเลยสักนิดเดียว
ถ้าไม่เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นเฉินถิงเซียว สือเย่จะต้องสงสัยแล้วว่าเขากำลังแกล้งทำเป็นบ้าใบ้อยู่แน่
มู่น่อนน่อนเดิมทีแล้วอยากจะอุ้มเฉินมู่ออกไป แต่หลังจากที่เธอได้ยินบทสนทนาของสือเย่กับเฉินถิงเซียวเข้า แล้วก็ได้หยุดฝีเท้าลง
บทสนทนาของเฉินถิงเซียวกับสือเย่ ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ
เฉินมู่เองก็ได้ยินคำพูดของเฉินถิงเซียวด้วยเช่นกัน เธอพูดกับมู่น่อนน่อนออกไปด้วยเสียงเบา “คุณพ่อเรียกหนู”
ดวงตาของเธอเบิกกว้างออกมา ใสบริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปน จ้องมองมู่น่อนน่อนมาอย่างเอาจริงเอาจัง อยากจะหาคำยืนยันออกมาจากปากของมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนทอดถอนหายใจออกมา แล้วอุ้มเฉินมู่เดินเข้าไปที่ตรงหน้าเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวพอเห็นมู่น่อนน่อนแล้ว ก็มีสีหน้าไม่ดีนักออกมา “เธอกลับมาอีกทำไมกัน?”
มู่น่อนน่อน “…”
สือเย่รีบพูดออกไป “คุณชาย นี่ก็คือมู่มู่ เป็นลูกสาวของคุณครับ”
สายตาของเฉินถิงเซียวจรดอยู่ที่ร่างของเฉินมู่ ในทันใดนั้นก็ได้ถอนสายตากลับมองไปทางสือเย่ “นายบอกฉันว่านี่เป็นลูกสาวกับภรรยาของฉัน?”
สือเย่พยักหน้าออกมาเล็กน้อย
เฉินถิงเซียวโกรธจัดขึ้นมา“พวกนายออกไปให้หมด! ออกไปเดี๋ยวนี้!”
เพราะว่าโกรธ เสียงของเขาจึงดังมาก เฉินมู่ยังเล็ก ถูกทำให้กลัวจนหดตัวไปเล็กน้อย
เธอจ้องมองเฉินถิงเซียวไปด้วยเบ้าตาที่แดงก่ำ เบะปากออกมาพลางส่งเสียงเรียกออกมาด้วยความรู้สึกน้อยใจ “คุณพ่อ…”
เฉินถิงเซียวไม่แม้แต่จะมองเธอ “บอกให้พวกนายออกไปไม่ได้ยินหรือไง?”
เฉินมู่ได้ร้องไห้ออกมาทันที น้ำตาก็ไหลลงมาเหมือนกับไข่มุกที่ขาดออกจากกัน “เฉินชิงเซียว นิสัยไม่ดี!”
เธอพูดจบ ก็ซบไหล่ของมู่น่อนน่อนร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าเสียใจ
ร้องไห้ไปพลาง แล้วยังพูดไปพลาง “ไม่ต้องการเขาแล้ว นิสัยไม่ดี…ฮือๆๆ…”
คอของมู่น่อนน่อนบีบรัดแน่นไปบ้างเล็กน้อย เฉินมู่ร้องไห้ออกมาเสียจนภายในใจเธอเศร้าเสียใจขึ้นมา
สภาพของเฉินถิงเซียวในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของใครก็ไม่ฟังทั้งนั้น เธอเองก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน
เธออุ้มเฉินมู่ออกไป ปลอบอยู่นานสักพักนึง
“ไม่ต้องร้อง หนูลืมไปแล้วเหรอ? เมื่อกี้คุณพ่อเพิ่งจะป่วยมานะ เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก”
เฉินมู่สูดจมูก พลางพูดสะอึกสะอื้นออกมา “ปวดท้อง”
ตอนที่เธอพูดออกมา ยังยกมือไปวางลงบนท้องไปอย่างไม่รู้ตัว การกระทำเล็กๆนั้นมันน่ารักสุดๆไปเลย
“ใช่ คุณพ่อก็แค่ปวดท้องมากเกินไป ก็เลยถึงได้ระเบิดอารมณ์ออกมามั่วๆ หนูอย่าไปโกรธเขาเลย” มู่น่อนน่อนลูบหัวของเธอ อธิบายออกไปกับเฉินมู่อย่างใจเย็น
“เฮอะ!”
เฉินมู่กอดแขนแล้วส่งเสียงเฮอะออกมา “โทษเขานั่นแหละ”
มู่น่อนน่อนรู้ว่าเฉินมู่ก็แค่พูดออกมาอย่างนั้นเท่านั้นเอง ลูกสาวของเธอก็เป็นสาวน้อยที่ดื้อรั้นคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน
รอจนถึงตอนที่เฉินมู่กลับมาสงบลงดังเดิมแล้ว สือเย่ก็ได้ออกมาจากด้านในด้วยเช่นกัน
มู่น่อนน่อนส่งเฉินมู่ให้กับสาวใช้ไป แล้วถามออกไปว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
สือเย่มองไปรอบๆเล็กน้อย แล้วก็ได้เดินไปยังที่ที่ไม่มีใครอยู่อีกด้านหนึ่ง
มู่น่อนน่อนตามไป
“ผมคิดว่าคุณชายมีอาการความทรงจำเกิดความยุ่งเหยิงขึ้นมา ความทรงจำของเขากลับไปเมื่อเจ็ด แปดปีที่แล้ว ตอนที่ผมเพิ่งจะแต่งงาน เมื่อตอนนั้นเขายังไม่รู้จักคุณ และก็ไม่มีมู่มู่ด้วยเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะบอกเขาไปว่าตอนนี้มันเป็นช่วงเจ็ด แปดปีให้หลังมาแล้ว เขาก็คงยอมรับมันไม่ได้ไปสักพักนึง”
สือเย่พูดมาถึงตรงนี้ ก็ได้หยุดลง มองปฏิกิริยาของมู่น่อนน่อนไป
มู่น่อนน่อนคิดว่ามันเหนือจินตนาการไปบ้าง
แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ มีเรื่องไหนบ้างที่มันไม่ใช่เรื่องที่เหนือจินตนาการ?
พอคิดมาอย่างนี้แล้ว เธอเองก็สามารถเข้าใจได้
เธอพยักหน้าออกไปเล็กน้อย “ช่วงนี้ ฉันจะพามู่มู่ไปอยู่ที่อื่นก่อน”
สือเย่พยักหน้ารับรู้ออกมา “ได้ครับ ผมจะช่วยคุณกับมู่มู่หาที่พักให้เรียบร้อย”
สือเย่เป็นคนที่รอบคอบมากเลยคนหนึ่ง ตอนนี้เฉินถิงเซียวเป็นอย่างนี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องจัดเตรียมให้มู่น่อนน่อนกับเฉินมู่เอาไว้ให้ดี
“เรื่องนี้ไม่ต้องหรอก” มู่น่อนน่อนปฏิเสธข้อเสนอของเขา พลางเอ่ยออกไป “ก็คงจะต้องรบกวนให้คุณผู้ช่วยพิเศษสือช่วยฉันทำบัตรประชาชนพวกนี้ให้ฉันสักหน่อยก็พอแล้ว ช่วงสองสามวันนี้ฉันสามารถไปพักอยู่ที่บ้านของเสี่ยวเหลียงก่อนได้”
เธอไม่ค่อยอยากจะพึ่งเฉินถิงเซียวไปทุกเรื่องเท่าไหร่นัก
ตอนนี้ถึงแม้ว่าสือเย่จะเป็นคนออกหน้าเอง แต่ถ้าสืบเสาะให้ถึงรากแล้ว ก็ยังต้องจ่ายเงินของเฉินถิงเซียวอยู่ดี ยังต้องพึ่งพาความสัมพันธ์ของเฉินถิงเซียวเพื่อรับเอาผลประโยชน์มา
เสิ่นเหลียงบอกเธอ เมื่อก่อนหน้านี้เธอทำงานเป็นนักเขียนบท จะต้องมีเงินฝากอยู่บ้าง เพียงแต่ว่าเอกสารรับรองของเธอยังไม่ได้ปรับแก้ให้สมบูรณ์
สือเย่ก็ไม่ได้ฝืนบังคับมู่น่อนน่อน พยักหน้าตอบรับไป
มู่น่อนน่อนติดต่อไปหาเสิ่นเหลียง สือเย่ส่งคนไปส่งมู่น่อนน่อนกับเฉินมู่ไปที่บ้านของเสิ่นเหลียง
ตอนที่พวกเธอไป คนที่รออยู่ที่ข้างทางไม่ใช่เสิ่นเหลียง แต่กลับเป็นกู้จือหยั่น
มู่น่อนน่อนเพียงแค่ประหลาดใจเล็กน้อย ส่งเสียงเรียกออกไปด้วยสีหน้าที่เป็นธรรมชาติ “กู้จือหยั่น”
พูดจบ เธอก็ได้พูดกับเฉินมู่อีกว่า “มู่มู่ เรียกเขาสิ”
เฉินมู่ความจำดี เพิ่งจะเจอกันมาครั้งเดียว แต่ก็จำกู้จือหยั่นได้
เธอส่งเสียงเรียกออกไปอย่างว่าง่าย “คุณลุงกู้”
กู้จือหยั่นเหมือนกับเล่นกลมาหลอกลวงคนอื่นเลยก็ไม่ปาน ไม่รู้ว่าได้แปลงมาเป็นอมยิ้มหมีน้อยมาจากที่ไหน ยื่นไปให้เฉินมู่
“ชอบหรือเปล่า?”
“ชอบ” เฉินมู่ชอบลูกอมเป็นอย่างมาก จึงรับไปด้วยความดีใจ พลางเอ่ยเสียงหวานออกไป “ขอบคุณคุณลุงกู้”
เมื่อเทียบกับเฉินถิงเซียวแล้ว กู้จือหยั่นคนนี้ยังไม่แต่งงานและยังไม่ได้เป็นพ่อคน แต่กลับรู้จักหลอกล่อเด็กเป็นกว่าเสียอีก
มู่น่อนน่อนถามออกไปอย่างอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา “คุณกับเฉินถิงเซียวรู้จักกันได้ยังไง?”
กู้จือหยั่นเอ่ยออกไปด้วยคำพูดที่สั้นกะทัดรัดแต่ได้ใจความ “ทะเลาะวิวาท”
“คุณกับเฉินถิงเซียว?”
“เปล่า เขามองดูฉันถูกคนอื่นต่อย”
มู่น่อนน่อน “…” นี่สิถึงจะเหมือนกับสิ่งที่เฉินถิงเซียวจะทำออกมา