ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 424 มากมายจนรับมือไม่ไหว
มู่น่อนน่อนพูดถึงตรงนี้แล้วก็หยุดชะงักไปเล็กน้อยอีกที ในหัวมีภาพผุดออกมามากมายเกินไปขึ้นมาทันที เธอรับมันมาอย่างขาดๆหายๆ
“ลี่จิ่วเชียนทำไมถึงได้ช่วยฉัน?”
“มู่มู่…เฉินถิงเซียว…”
เสิ่นเหลียงไม่ได้ส่งเสียงรบกวนเธอออกมา เพียงแค่มองเธออยู่ข้างๆไปด้วยใบหน้าตึงเครียดออกมา
ตอนนี้พยาบาลก็ได้เรียกคุณหมอมาแล้ว
คุณหมอรีบร้อนเข้ามา “ฟื้นแล้ว? ความรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
ความคิดของมู่น่อนน่อนเห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยู่ตรงนี้ จึงไม่ได้ตอบคำพูดของคุณหมอออกไปเช่นกัน
เสิ่นเหลียงส่งเสียงถามออกไป “เพิ่งฟื้น เพื่อนของฉันเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา?”
เธอรับสายแล้วรีบตามมาเลย ไม่ได้รู้เลยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ในสายเพียงแค่บอกว่ามู่น่อนน่อนอยู่ที่โรงพยาบาล เธอขับรถมาด้วยความรู้สึกกังวลกลัวมาตลอดทาง
คุณหมอตอบออกมาว่า “ตอนที่ส่งเข้ามาอยู่ในสภาพที่สลบอยู่ แต่ปัญหาไม่ได้ใหญ่โตอะไร เพียงแค่สมองกระทบกระเทือนไปเล็กน้อยเท่านั้น”
“สมองกระทบกระเทือนยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อีก?” เสิ่นเหลียงมีสีหน้าเก็บงำความโกรธเอาไว้ในใจ โทนเสียงก็เยือกเย็นออกมาบ้างเล็กน้อยเช่นกัน
คุณหมอดันแว่นขึ้นมาเล็กน้อย ชะงักไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยออกไป “การที่สมองกระทบกระเทือนเล็กน้อยแบบนี้เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป ถ้าพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกสักสองสามวันแล้วก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้เลย”
ได้ยินคุณหมอพูดออกมาอย่างนี้ เสิ่นเหลียงถึงได้ยิ้มออกมาอย่างขอโทษขอโพย “อย่างนี้นี่เองสินะ ขอบคุณนะคะ แต่ว่าเมื่อก่อนเธอได้รับบาดเจ็บที่สมองมาก่อน ครั้งนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?”
“ดังนั้นแล้วจึงต้องอยู่พักรักษาตัวเพื่อดูอาการที่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวัน” คุณหมอพูดจบแล้ว เคลื่อนสายตาไปทางมู่น่อนน่อน เรียกชื่อของเธอไปด้วยเสียงอ่อนโยน “มู่น่อนน่อน?”
“หา?” มู่น่อนน่อนได้สติกลับมา
คุณหมอถามเธอออกมา “ตอนนี้คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
มู่น่อนน่อนส่ายหน้าออกมา ท่าทางดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ไม่มี”
สายตาของเธอจรดไปที่ร่างของเสิ่นเหลียง เธอมองจ้องมู่น่อนน่อนอยู่หลายวิ แล้วเอ่ยถามออกมา “มู่มู่ล่ะ?”
เสิ่นเหลียงถูกเธอถามมาอย่างนี้ จึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าเฉินมู่ยังนอนหลับอยู่ที่บ้าน
เธอได้รับสาย พอได้ยินว่ามู่น่อนน่อนอยู่โรงพยาบาล ก็รีบร้อนตามมาเลย
มู่น่อนน่อนเพิ่งจะออกมาจากโรงพยาบาลได้ไม่ถึงสองเดือน เสิ่นเหลียงได้ยินว่าอยู่ที่โรงพยาบาล ก็รู้สึกอ่อนไหวมากเกินไปหน่อย ปกติก็อยู่คนเดียวอยู่แล้ว ก็เลยลืมไปโดยปริยายว่าที่บ้านยังมีเจ้าหนูน้อยกำลังนอนอยู่อีกคนหนึ่ง
“นอน…นอนอยู่ที่บ้าน” เสิ่นเหลียงเอ่ยออกมาอย่างกระดากใจ
มู่น่อนน่อนได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็เลิกผ้าห่มออกแล้วเตรียมที่จะลงไปจากเตียง เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล “งั้นตอนนี้พวกเราก็กลับกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน คุณหมอบอกว่าเธอต้องพักดูอาการที่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวัน” เสิ่นเหลียงรีบขวางเธอเอาไว้ทันที
มู่น่อนน่อนผลักเสิ่นเหลียงออกไป “ฉันไม่เป็นไร”
ร่างกายของเธอเอง ตัวเองสามารถรู้สึกได้ มันสบายดีมากๆเลย ไม่มีปัญหาอะไรเลยสักนิดเดียว
ตอนนี้ด้านนอกมีตำรวจนอกเครื่องแบบสองคนเข้ามา
ตำรวจสองคนนั้นเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นได้มองมาทางมู่น่อนน่อน “มู่น่อนน่อนฟื้นแล้ว?”
มู่น่อนน่อนเลิกตามองเข้าไป ตำรวจจึงหยิบบัตรตำรวจของตัวเองออกมา พลางเอ่ยออกมาว่า “เหตุระเบิดที่ห้างก่อนหน้านี้ ต้องการให้คุณให้ความร่วมมือในการทำบันทึกประจำวันสักหน่อยนะครับ”
มู่น่อนน่อนพยักหน้าอย่างให้ความร่วมมือออกมา “ได้ค่ะ”
ตำรวจหันหน้ามองไปทางคุณหมอ “อาการเธอเป็นยังไงบ้าง?”
คุณหมอเล่าอาการของมู่น่อนน่อนให้กับตำรวจไปตามความเป็นจริง
เสิ่นเหลียงมีการตอบสนองช้ากว่าคนอื่นไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยถามออกไปด้วยความกลัวจนใบหน้าถอดสี “ระเบิดอะไร?”
“คนร้ายแจ้งตำรวจมาเอง บอกว่าเขาจะไประเบิดห้าง ตอนที่พวกเราอพยพกลุ่มคนออกไป คุณมู่ก็เข้าห้างมา นี่เป็นความประมาทของฉัน แต่โชคดีที่การผลิตของระเบิดของคนร้ายทำได้ชุ่ยไป ความอันตรายจึงไม่ได้รุนแรงเลย…”
สีหน้าของเสิ่นเหลียงซีดออกมา “…ความวิปริตผิดมนุษย์อะไรก็มีหมดจริงๆ”
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปยิ้มให้กับเสิ่นเหลียงไปเล็กน้อย “ฉันไม่เป็นไร”
เธอพูดจบ ก็หันหน้าไปพูดกับตำรวจ “คุณตำรวจ รบกวนช่วยรีบหน่อย ลูกของฉันอยู่ที่บ้านคนเดียว ฉันไม่วางใจเท่าไหร่”
ตำรวจเหมือนกับว่าจะประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย “แต่งงานแล้วเหรอเนี่ย?”
เขาถามจบ ก็เหมือนกับว่าจะรับรู้ได้ว่าคำถามนี้มันปุบปับมากเลย ในดวงตาได้เผยความอับอายแวบออกมา แต่เพียงไม่นานก็ได้เข้าประเด็นไปอย่างรวดเร็ว
ตำรวจทำบันทึกเสร็จแล้วก็เดินออกไป
มู่น่อนน่อนเป็นห่วงเฉินมู่อยู่ที่บ้านคนเดียว แน่นอนว่าไม่มีทางจะอยู่ที่โรงพยาบาลแน่
หมอยังบอกว่าให้เธอพักรักษาตัวเพื่อดูอาการที่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวัน มู่น่อนน่อนจำต้องใช้คำว่า “อีกสองสามวันก็มาตรวจดูอาการ” เพื่อเอามาเป็นคำแก้ตัว แล้วออกจากโรงพยาบาลไป
ระหว่างทางกลับไป เสิ่นเหลียงถึงได้มีโอกาสได้ถามมู่น่อนน่อนไปเสียที “น่อนน่อน ที่เมื่อก่อนหน้านี้เธอพูดถึงเรื่องที่พวกเธอไปหาซือเฉิงหยู้ที่เกาะ เธอจำขึ้นมาได้หมดแล้วใช่มั้ย?”
คำถามนี้ ก่อนหน้านี้เสิ่นเหลียงก็ได้ถามมารอบนึงแล้วเหมือนกัน แต่ว่าเมื่อตอนนั้นมู่น่อนน่อนมีท่าทางใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และไม่สนใจที่จะตอบเธอกลับมาเลยด้วย
มู่น่อนน่อนพยักหน้าตอบรับออกมาก่อน ก่อนที่เสิ่นเหลียงจะพูดออกมา เธอก็ได้ส่ายหน้าออกไปอีกครั้ง
“นี่ทั้งพยักหน้า และทั้งส่ายหน้าออกมาอีก ตกลงเธอฟื้นความทรงจำกลับมาแล้วหรือเปล่ากันแน่ ฉันกังวลจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว” เสิ่นเหลียงทอดถอนหายใจออกมา
“เรื่องในอดีตฉันนึกขึ้นมาได้แล้ว…” มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อยพลางถามเธอออกไป “เรื่องต่อจากนั้นฉันไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่ามันเคยเกิดขึ้นมาก่อนจริงๆหรือเปล่า ฉันสลบไปสามปีจริงๆ? เฉินถิงเซียวเขา…ก็สูญเสียความทรงจำด้วยเหมือนกัน?”
“จริงๆ มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด” เสิ่นเหลียงตื่นเต้นดีใจขึ้นมาจนร้องขึ้นมาเสียงดัง “เธอนึกขึ้นมาได้จริงๆ! มันดีมากจริงๆเลย!”
เสิ่นเหลียงหลังจากที่ดีใจแล้ว ก็ได้ถามมู่น่อนน่อนออกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นักไปอีกที “ฉันถามเธอหน่อยว่าพวกเรารู้จักกันได้ยังไง? แล้วเธอแต่งงานให้กับเฉินถิงเซียวไปได้ยังไง?”
“ตอนเธออยู่ม.6 ถูกคนอื่นรังแก ฉันทำให้คนพวกนั้นหวาดกลัวหนีกันไป”
มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็เห็นเสิ่นเหลียงพยักหน้าออกมา จึงได้พูดต่อออกมา “ส่วนเฉินถิงเซียว ฉันแต่งงานกับเขาแทนมู่หวั่นขี”
พูดถึงมู่หวั่นขีขึ้นมา สีหน้ามู่น่อนน่อนได้นิ่งไปเล็กน้อย
เสิ่นเหลียงถามเธอออกมา “เป็นอะไรไป?”
มู่น่อนน่อนนึกถึงครั้งที่แล้วขึ้นมา เธอกับลี่จิ่วเชียนเกิดอุบัติเหตุทางรถ สายตาแสดงความหวาดกลัวออกมาเล็กน้อย “เธอโยนการตายของซือเฉิงหยู้มาอยู่ในความรับผิดชอบของฉันกับเฉินถิงเซียว เธออยากให้พวกเราตาย”
เสิ่นเหลียงได้ยินเธอว่ามาอย่างนี้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
“มู่หวั่นขีบ้ามานานแล้ว หลายปีมานี้ถ่ายหนังกับละครสัพเพเหระมาบ้าง มีประวัติที่ดำมืดนับไม่ถ้วน แต่แฟนคลับก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว รูปแบบพฤติกรรมมันแปลกประหลาดอยู่บ้าง ฉันสงสัยว่าเธออาจจะถูกการตายของซือเฉิงหยู้กระตุ้นให้เป็นบ้าขึ้นมาแล้ว จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมามันก็ไม่แน่นอนทั้งนั้น ระวังเอาไว้หน่อยก็ดี”
มู่น่อนน่อนพยักหน้าออกมาเล็กน้อย “อืม”
ถึงแม้ว่าเสิ่นเหลียงจะไม่พูดออกมา มู่น่อนน่อนเองก็รู้ว่าต้องระวังด้วยเหมือนกัน
เพราะถึงยังไงมู่หวั่นขีก็ได้จ่ายเงินออกไป และพอจ่ายเงินไปก็ต้องโอบอุ้มไปด้วยปณิธานที่แน่วแน่ว่าจะต้องฆ่าเธอได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว
อุบัติเหตุทางรถเมื่อครั้งที่แล้วเธอไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น นั่นเป็นความโชคดีของเธอ
มู่หวั่นขีจะต้องไม่มีทางยอมแพ้ไปอย่างนี้แน่ แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าครั้งหน้าจะยังโชคดีอย่างนี้อยู่หรือเปล่า
ยังมีสิ่งที่ทำให้รู้สึกแปลกก็คือเมื่อตอนนั้นมู่หวั่นขีได้มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเสียจนไม่อาจปฏิเสธได้แล้ว แต่ยังถูกคนอื่นพาออกมา…
เรื่องนี้ เมื่อเทียบกับเมื่อตอนนั้นที่เธอคิดจะชนมู่น่อนน่อนให้ตายแล้ว ลักษณะนิสัยก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นกว่าเดิม
เมื่อตอนนั้นซือเฉิงหยู้สามารถช่วยมู่หวั่นขีออกมาได้ มันก็ง่ายมากเลยเช่นกัน
แต่ครั้งนี้ นึกไม่ถึงว่าจะยังมีคนสามารถช่วยมู่หวั่นขีออกมาได้ จะเป็นใครกันน่ะ?
ใครกันที่สามารถมีความสามารถมากมายขนาดนี้ได้ มันมีเหตุผลที่จำเป็นจะต้องช่วยมู่หวั่นขีออกมาอีกน่ะเหรอ?
ในระหว่างที่มู่น่อนน่อนสลบไปสามปี ฟื้นขึ้นมาก็ได้สูญเสียความทรงจำไปอีก ตอนนี้จู่ๆก็ฟื้นความทรงจำขึ้นมา เหมือนกับเวลากำลังเล่นสนุกกับเธออยู่ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านมาสามปีแล้ว
เรื่องทั้งหมดมันประดังเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้มันเยอะจนเธอรับมือไม่ไหวขึ้นมาแล้วบ้าง เรียกสติกลับมาไม่ได้อยู่ชั่วขณะหนึ่ง