ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 438 ไว้หน้าให้จนได้ใจเกินควร
กู้จือหยั่นยังพูดไม่ทันจบ ก็ร้องออกมาซะก่อน
เพราะเสิ่นเหลียงเตะเขาอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอเตะแรงกว่าครั้งก่อนหน้านี้ กู้จือหยั่นกลั้นไม่อยู่จึงส่งเสียงร้องออกมา
กู้จือหยั่นกอดขาตัวเองไว้แล้วกระโดดไปมา เสิ่นเหลียงเชิดคางขึ้นถลึงตามองเขา “ใครโง่? หืม?”
กู้จือหยั่นทนความเจ็บปวดที่ขาของเขา แล้วตอบอย่างใจเย็นว่า “คุณหนู ผมโง่เอง”
“เชอะ!” เสิ่นเหลียงยิ้มเยาะ ก่อนจะหันกลับมา แล้วแนบหูไปที่ประตู อยากได้ยินเสียงข้างใน
แต่ระบบกันเสียงของห้องนั้นดีมาก ทำให้เสิ่นเหลียงไม่ได้ยินอะไรเลย จึงยืดตัวตรงอย่างโมโห แล้วหันหลังเดินจากไป
……
ภายในบ้าน
หลังจากที่เสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่นออกไป บรรยากาศในห้องก็เงียบลงทันที
เดิมทีนึกว่า เมื่อตะกี้มีเสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่นอยู่ด้วย ก็น่าอึดอัดอยู่แล้ว แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าพอพวกเขากลับไป เธอจะอึดอัดใจมากกว่าเดิม
เธอไม่ใช่แค่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะวางมือไว้ตรงไหน
ไม่เหมือนเฉินถิงเซียว ที่ยังทำตัวปกติ นั่งกินข้าวอย่างสบายใจ
แต่จู่ๆ เฉินถิงเซียวก็ถามเธอขึ้นมา “ฝีมือการทำอาหารของคุณดีแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ?”
เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นี่เฉินถิงเซียวชมเชยฝีมือการทำอาหารของเธออย่างไม่ปกปิด
แต่ว่า คนที่ทำอาหารเป็น พอถูกคนชื่นชมฝีมือการทำอาหาร ในใจก็รู้สึกถึงอันตราย
เพราะว่า พอมีคนชมเชยฝีมือการทำอาหารของคุณ นั่นหมายความว่าคนที่ชมเชยคุณ มีความคิดที่จะให้คุณทำอาหารต่อไป
มู่น่อนน่อนไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไง เธอจึงพูดว่า “ฉันทำอาหารได้มาตลอดค่ะ”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไรอีก เขาหันไปกินข้าวต่อ
มู่น่อนน่อนเพิ่งกินข้าวกับพวกเสิ่นเหลียงไปรอบหนึ่ง ตอนนี้อิ่มไปบ้างแล้ว ยังไม่รู้สึกหิว
เธอคีบผักขึ้นมาและกินเข้าไปช้าๆ และรู้สึกว่าอาหารเริ่มเย็นแล้ว
เธอลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า “ฉันไปอุ่นอาหารให้ดีกว่าค่ะ มันเย็นแล้ว”
เฉินถิงเซียวไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง “ไม่ต้อง”
เขายังคงก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป
นอกจากหัวหอมแล้ว เฉินถิงเซียวกินได้ทุกอย่าง หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ เขาก็ไม่ใช่คนเลือกกินอะไร
คนรับใช้ในบ้านเขามีมากมาย พ่อครัวก็มีความเป็นมืออาชีพ มู่น่อนน่อนไม่คิดว่าทักษะการทำอาหารของเธอจะน่าทึ่งถึงขนาดนั้น
แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นเฉินถิงเซียวในอดีต หรือเฉินถิงเซียวในตอนนี้ เหมือนว่าเขาจะชอบกินอาหารที่เธอเป็นคนทำมาก
“ทำไมคุณถึงชอบกินอาหารที่ฉันทำคะ” มู่น่อนน่อนคิดแบบนี้ แล้วถามออกมาตามที่ใจคิด
“ลองเดาดูสิ” คำพูดที่เหมือนล้อเล่น แต่เฉินถิงเซียวกลับพูดคำพวกนี้ด้วยสีหน้าจริงจัง
แล้วจะให้เดายังไง?
มู่น่อนน่อนขี้เกียจจะเดา เธอลุกขึ้นแล้วเก็บภาชนะที่เสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่นเคยใช้แล้ว ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าตรงหน้าเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวถิงเซียวกินอาหารตามขั้นตอน เขาจะคีบกินอาหารทุกจาน
เพราะแบบนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะว่าเขาชอบอาหารจานไหนมากกว่า
ช่างเป็นผู้ชายที่สุขุมมากจริงๆ
มู่น่อนน่อนนึกดีใจ เพราะผู้ชายสุขุมคนนี้ อยู่ตรงหน้าเธอเขาไม่ได้สุขุมเลย
จู่ๆ ผู้ชายที่นั่งตรงข้ามเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ “ให้ผมได้กินข้าวดีๆ หน่อยได้ไหม?”
“หะ?” มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนี้ขึ้นมากะทันหัน
“ถึงแม้คุณจะตั้งตารอที่จะให้ผมค้างคืนที่นี่เป็นพิเศษ แต่ผมขอกินข้าวก่อน ไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงของเขาเบาในสามคำสุดท้าย
คำพูดที่เหลวไหล แต่เขากลับพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังแบบนี้
ถ้าบอกว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้ตั้งใจ ฆ่าให้ตายมู่น่อนน่อนก็ไม่เชื่อ
นี่เฉินถิงเซียวเคยสนุกกับการหยอกล้อเธอ ก็เลยคิดจะแกล้งเธอเพื่อความสนุกอีกเหรอ?
ดังนั้น เขาถึงได้ยังพูดแบบนี้สินะ?
“เชิญคุณกินตามสบายนะคะ” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วหันหลังเดินกลับห้องไป
พอได้ยินเสียงปิดประตูดัง “ปัง” เฉินถิงเซียวก็วางตะเกียบลงและมองไปที่ประตูที่เพิ่งปิดลงไป
เขาพบว่า มู่น่อนน่อนผู้หญิงที่อยากจะแต่งงานกับเขาใหม่คนนี้ น่าสนใจมากเลยทีเดียว
แต่น่าสนใจตรงไหน เขาก็อธิบายไม่ถูก
แค่รู้สึกอยากจะพูดกับเธอ รู้สึกว่าเธอทำอาหารได้อร่อยมาก ตอนที่เธอมาหาเขา เขาก็อดที่จะหยอกล้อเธอไม่ได้ ถ้าเธอไม่มา เขาก็รู้สึกโกรธอยู่บ้าง
เขาคิดว่า คงเป็นเพราะเขาถูกมู่น่อนน่อนเข้ามายุ่งด้วยตลอด ทำให้เขาสับสนเล็กน้อย
……
มู่น่อนน่อนเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอนของเธอ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน มีเสียงเตือนข้อความบนโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นมา
มู่น่อนน่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเปิดอ่านข้อความ สิ่งแรกที่เห็นคือรายชื่ออาหาร
มีข้อความทิ้งท้ายข้อความว่า “เมนูของวันพรุ่งนี้ แปดโมงผมจะมาถึง”
น้ำเสียงที่เป็นธรรมชาตินี้ ทำให้มู่น่อนน่อนนิ่งอึ้งเล็กน้อย
พอมานึกดูดีๆ ตอนที่เธอกับเฉินถิงเซียวพบกันครั้งแรก เหมือนว่าจะเป็นเพราะว่าเขาชอบกินอาหารที่เธอทำ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนค่อยๆ พัฒนาใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะพูดยังไง นี่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี
เฉินถิงเซียวไม่ได้ปฏิเสธเธอ เธอจึงมีความอดทนที่จะใช้เวลาอยู่กับเฉินถิงเซียวไปตลอด
พอคิดได้แบบนี้ อารมณ์ของมู่น่อนน่อนก็ดีขึ้นมาก
เธอส่งข้อความกลับไปให้เฉินถิงเซียว “ห้ามมาสายเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาอาหารทั้งหมดไปเลี้ยงสุนัขจรจัด”
ในเวลานี้ เฉินถิงเซียวเพิ่งเดินเข้าไปในลิฟต์
หลังจากได้รับข้อความของมู่น่อนน่อน เฉินถิงเซียวก็ยิ้มออกมา
ผู้หญิงคนนี้ พอไว้หน้าให้ก็ได้ใจเกินควรจริงๆ
เขาอุตส่าห์มีอารมณ์ตอบมู่น่อนน่อน “คุณลองทำดูได้”
มู่น่อนน่อนได้รับข้อความจากเฉินถิงเซียว และจินตนาการถึงสีหน้าของเฉินถิงเซียวตอนที่ส่งข้อความมาให้เธอ จะมีสีหน้ายังไง
เขาจะต้องสีหน้าเย็นชา ไม่แยแสอะไรแน่ๆ
มู่น่อนน่อนไม่ตอบข้อความของเฉินถิงเซียวอีก เธอวางโทรศัพท์ลงแล้วเปิดประตูออกไป จึงเห็นแต่ห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า
ห้องอาหารและห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกัน โต๊ะอาหารว่างเปล่าไร้ผู้คนมานานแล้ว เหลือไว้แต่จานชามและตะเกียบที่เฉินถิงเซียวเคยใช้
ชามและตะเกียบวางไว้อย่างเรียบร้อย เป็นความคุ้นเคยของเฉินถิงเซียว หลังจากกินข้าวเสร็จเขาจะเก็บตะเกียบและชามให้เรียบร้อย
คืนพรุ่งนี้จะมากินข้าว แล้วยังส่ง “เมนูอาหารที่อยากกินมาเป็นแถว” มาให้เธอ นี่คิดว่าที่นี่เป็นร้านอาหารหรือไง?
มู่น่อนน่อนทำความสะอาดภาชนะบนโต๊ะอาหารพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย
……
เช้าวันรุ่งขึ้น มู่น่อนน่อนถูกเฉินมู่ปลุกตื่น
เฉินมู่ตบประตูจากด้านนอก “คุณแม่ขา”
มู่น่อนน่อนมองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว
เมื่อคืนเธอฝันติดต่อกันทั้งคืน จนถึงช่วงกลางดึก เธอถึงได้ผล็อยหลับสนิทไป
“แม่มาแล้วจ้ะ” มู่น่อนน่อนลุกจากเตียง แล้วเดินไปเปิดประตูห้อง
เฉินมู่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยผมยุ่งเหยิง น้ำเสียงของเธอออดอ้อน “คุณแม่ขา หนูหิว…”
“เดี๋ยวแม่ไปทำอาหารเช้าให้ลูกนะจ๊ะ” มู่น่อนน่อนอุ้มเธอขึ้นมา แล้วเดินไปทางห้องน้ำ “แต่ว่า ก่อนจะทำอาหารและกินข้าว เราต้องล้างหน้า แปรงฟันซะก่อน”
หลังจากที่มู่น่อนน่อนกับเฉินมู่ล้างหน้ากันเสร็จ มู่น่อนน่อนก็เปิดกล่องโยเกิร์ตให้ลูกสาว ก่อนจะไปทำอาหารเช้า
เธอทอดไข่ดาว และอุ่นของว่างเล็กน้อย
พอทั้งสองกินอาหารเช้ากันเสร็จ เฉินมู่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆ เธอ “คุณน้าเสิ่นล่ะคะ?”
นี่เธอยังคงคิดถึงเสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่นเมื่อคืนนี้