ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 441 ให้เฉินถิงเซียวเป็นเด็กดีหน่อย
สือเย่ได้ยินดังนั้น ก็พูดขึ้นว่า “ทราบแล้วครับ”
แต่ว่า พอเขาวางสายแล้วหันกลับมา ก็เห็นเฉินถิงเซียวมองมาที่เขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
สายตาของเฉินถิงเซียวคมกริบ ทำให้สือเย่รู้สึกเหมือนถูกจับได้ว่าทำผิด
เขาพูดเสียงเบา “…คุณชาย”
เฉินถิงเซียวไม่ขยับเขยื้อน ก่อนจะถามว่า “เธอพูดอะไรกับนาย?”
ถึงแม้เขาจะทำงานกับเฉินถิงเซียวมาเป็นเวลานาน แต่เขาก็ยังรู้สึกตกใจกับความฉลาดเฉลียวของเฉินถิงเซียวอยู่ดี
เขาแน่ใจว่า เมื่อตะกี้เฉินถิงเซียวไม่เห็นว่าคนที่โทรมาคือมู่น่อนน่อน แต่ก็ยังเดาได้ว่าคนที่โทรมาคือมู่น่อนน่อน
“คุณหญิงน้อยบอกว่า ถ้าคืนนี้คุณชายไม่ไปทานอาหารกับพวกเธอ ให้ผมไปพาคุณหนูน้อยมาหาคุณชายครับ” ในเมื่อเฉินถิงเซียวเดาได้แล้วว่าคนที่โทรมาคือมู่น่อนน่อน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดออกไปตามตรง
“หึ!”
เฉินถิงเซียวยิ้มเยาะออกมา แล้วยิ้มตื้นๆ ออกมา “ผู้หญิงคนนั้นได้ใหม่ลืมเก่า เธอหาคนรักคนต่อไปได้แล้ว ตอนนี้เธอต้องการยัดเยียดเฉินมู่มาให้กับฉันอย่างนั้นเหรอ”
“คุณชายครับ คุณ… คิดมากไปหรือเปล่าครับ”สือเย่คิดไม่ออกจริงๆ ว่าเฉินถิงเซียวคิดอย่างนั้นได้ยังไง
มันช่างคาดไม่ถึงจริงๆ
“ฉันเพิ่งบอกกับเธอเมื่อคืนนี้ ว่าฉันจะไปกินข้าวด้วยคืนนี้ แต่ผลสุดท้ายล่ะ วันนี้เธอกลับพาลูกสาวของฉัน ไปกินข้าวกับผู้ชายคนอื่น!”
พอเฉินถิงเซียวพูดประโยคหลัง เขาโยนแฟ้มเอกสารในมือของเขาลงบนโต๊ะอย่างแรง “ด้านหนึ่งคิดจะกลับมาแต่งงานกับฉันใหม่ แต่อีกด้านกลับไปออกเดทกับผู้ชายคนอื่น เธอใจกล้ามากจริงๆ”
สือเย่ลังเลอยู่สักพัก แล้วตัดสินใจช่วยมู่น่อนน่อนพูดแก้ตัว “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ คุณลี่เป็นคนที่เคยช่วยชีวิตคุณหญิงน้อยไว้ เธอความจำกลับมาแล้ว จะเลี้ยงข้าวตอบแทนคุณลี่ ก็เป็นเรื่องปกติ…”
เฉินถิงเซียวคนก่อนมีบางครั้งก็ไม่มีเหตุผล แต่ก็มีแนวคิดในการตัดสินใจที่ไม่เหมือนคนปกติ
และเฉินถิงเซียวในตอนนี้ เป็นคนขึ้มโนไปเอง
มู่น่อนน่อนแค่ไปกินข้าวกับลี่จิ่วเชียน แต่เฉินถิงเซียวกลับคิดว่ามู่น่อนน่อนจะเปลี่ยนใจไปหาคนอื่น
สมองของเขากลับจินตนาการไปไกล จนสือเย่ตามแทบไม่ทัน
หลังจากฟังคำพูดของสือเย่ เฉินถิงเซียวก็นิ่งคิดไปสักพัก
สือเย่เห็นแบบนี้ จึงพูดต่อ “นอกจากนี้ คุณลี่ยังเทียบกับคุณชายไม่ได้ด้วยซ้ำ”
สือเย่ทำงานกับเฉินถิงเซียวมาหลายปีแล้ว เขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าสักวันจะต้องมาพูดประจบประแจงเฉินถิงเซียวแบบนี้
โชคดีที่คำพูดของสือเย่ได้ผลกับเฉินถิงเซียวเล็กน้อย
“อย่างนั้นเหรอ” หลังจากที่เฉินถิงเซียวพูดจบ เขาก็โบกมือไล่ “ออกไปทำงานเถอะ”
สือเย่ได้ยินแบบนี้ จึงรีบเดินออกไป
เฉินถิงเซียวเอนหลังพิงเก้าอี้ แล้วขมวดคิ้วครุ่นคิด
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจะไม่ไปหามู่น่อนน่อนเพื่อกินข้าวด้วยคืนนี้ แต่ก็ยังลังเลอยู่เล็กน้อย
คนเราต่างก็มีการติดอาหาร หลังจากได้กินอาหารที่มู่น่อนน่อนเป็นคนทำ เขาก็ไม่อยากกินอาหารที่คนใช้ที่บ้านทำแล้ว
มู่น่อนน่อนกลับคาดเดาได้ว่าคืนนี้เขาอาจจะไม่มา
ดูท่า เธอจะเข้าใจนิสัยของเขาดีไม่น้อย
ทำให้มู่น่อนน่อนยิ่งคิดว่าเขาจะไม่ไป เขายิ่งอยากจะไป
……
ในตอนเย็น มู่น่อนน่อนทำอาหารจนเต็มโต๊ะ โดยส่วนใหญ่เป็นเมนูที่เฉินถิงเซียวชอบกินทั้งนั้น
อีกเดี๋ยวถ้าสือเย่มารับเฉินมู่ มั่นใจว่าเฉินถิงเซียวจะไม่มา เธอจะห่ออาหารให้สือเย่เอากลับไปให้เฉินถิงเซียวด้วย
ตอนนี้เฉินถิงเซียวโกรธเอาแต่ใจตัวเอง เธอจะถือสาเขาไม่ได้
เพราะยังไง เขาก็เป็นคนป่วย
เธอจะถือสาคนป่วยได้ยังไงกัน
ตอนใกล้จะถึงสองทุ่ม เธอทำอาหารเสร็จ กริ่งประตูก็ดังขึ้นมา
มู่น่อนน่อนเดินไปเปิดประตู พอเห็นเฉินถิงเซียวยืนอยู่ข้างนอกประตู เธอตกตะลึงเป็นเวลาสามวินาที ก่อนจะเซถอยหลังไปครึ่งก้าวและหลีกทางให้เขาเดินเข้ามา
พอเขาเข้ามา มู่น่อนน่อนถึงได้สติกลับมา เธอหยิบรองเท้าแตะจากตู้รองเท้ามาวางไว้ตรงหน้าเฉินถิงเซียว
เธอซื้อรองเท้าแตะมาตอนบ่ายของวันนี้ เธอตั้งใจซื้อมาโดยเฉพาะ โดยซื้อมาตามขนาดเท้าของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวเหลือบไปมอง เป็นรองเท้าแตะใหม่
เขาไม่พูดอะไรมาก แล้วก้มตัวไปสวมมัน
มันใส่ได้พอดิบพอดี เธอคงจะซื้อมาให้เขาโดยเฉพาะ
หัวใจของเฉินถิงเซียว รู้สึกสบายใจเล็กน้อย
เขาใส่รองเท้าแตะ แล้วทำเหมือนเดินอยู่ในบ้านตัวเอง เดินตรงไปที่ห้องอาหาร
มู่น่อนน่อนเดินตามหลังเขามา แล้วพูดว่า “ฉันนึกว่าคืนนี้คุณจะไม่มาซะแล้ว”
เฉินถิงเซียวหันกลับมาชำเลืองมองเธอ แล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ถ้าผมไม่มา คุณอยากจะเรียกใครมา”
ตอนที่เขาอารมณ์ไม่ดี คำพูดของเขาสามารถฆ่าคนตายได้เลย
มู่น่อนน่อนเคยเจอมาแล้ว
ถูกเฉินถิงเซียวพูดจนสะอึก มู่น่อนน่อนก็จัดการได้อย่างง่ายดาย “ดังนั้น คุณกลัวว่าฉันจะเรียกใครมาแทน คุณก็เลยมาด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอคะ?”
“มู่น่อนน่อน นี่คุณ…” ก่อนที่เฉินถิงเซียวจะพูดจบ เขาก็ถูกเด็กน้อยขัดขึ้นมาซะก่อน
พอเฉินมู่ได้ยินเสียงของเฉินถิงเซียว เธอก็รีบวิ่งออกมา แล้วพุ่งตัวเข้าหาเฉินถิงเซียวทันที
แน่นอนว่า เธอยังเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด เพราะความสูงไม่พอ จึงกอดถึงแค่ขาของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวก้มหน้าลง แล้วสบตาเข้ากับดวงตาที่กลมโตสดใสของเด็กหญิงตัวน้อย
เฉินมู่ยิ้มได้หวานมาก และเสียงของเธอก็พูดอย่างออดอ้อน “คุณพ่อขา”
ใบหน้าที่เย็นชาของเฉินถิงเซียวเริ่มละลายไปเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
เขามองไปที่เฉินมู่สักพัก แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “อ้วนขึ้นอีกแล้วใช่ไหมเรา?”
มู่น่อนน่อน “…”
ช่างเถอะ อย่าหวังว่าจะได้ยินอะไรดีๆ จากปากของเฉินถิงเซียวเลย
มู่น่อนน่อนลูบหัวเฉินมู่ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่ คุณพ่อเขาชมที่หนูน่ารักจ้ะ”
เฉินมู่ปล่อยขาของเฉินถิงเซียว คิ้วทั้งสองขมวดเป็นรูปเลข “แปด” ในภาษาจีน เธอทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ “เขาว่าหนูอ้วน!”
“…” เฉินมู่ถึงกับเข้าใจความหมายจากคำพูดของเฉินถิงเซียวได้ด้วย
เฉินมู่เบ้ปาก “อ้วนไม่ดี”
หนังแอ๊คชั่นที่เธอดูไม่ได้เปล่าประโยชน์ เธอเข้าใจคำศัพท์จำนวนมากมาย
เฉินถิงเซียวยกยิ้มมุมปาก แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม: “อ้วนดีแล้ว น่ารักดี”
เฉินมู่เอียงศีรษะ แล้วมองไปที่เฉินถิงเซียวสักพัก “อ๋อ”
จากนั้น เธอก็กอดขาของเฉินถิงเซียวไว้อีกครั้ง “คุณพ่อขา อุ้ม”
สำหรับการออดอ้อนของเฉินมู่ เฉินถิงเซียวเหมือนไม่แยแสเลย “ไม่เรียกว่าเฉินชิงเซียวแล้วเหรอ”
เฉินมู่นึกว่าเขาอยากให้เธอเรียกเขาว่าเฉินชิงเซียว เธอจึงตะโกนเรียกอย่างใจดี “เฉินชิงเซียว”
น้ำเสียงยังคงจริงจังมาก
เฉินถิงเซียวอุ้มเฉินมู่ขึ้นมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
มู่น่อนน่อนกลั้นยิ้ม เห็นเฉินถิงเซียวพ่ายแพ้ลงในมือของเฉินมู่ เธอรู้สึกชอบใจมาก
เฉินถิงเซียวอุ้มเฉินมู่ไว้ แล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหารเหมือนเจ้านาย
หลังจากที่เฉินมู่กับมู่น่อนน่อนอยู่ด้วยกัน ตอนกินข้าวเธอจะไปหยิบชามกับตะเกียบของตัวเอง
พอเห็นมู่น่อนน่อนยกอาหารออกมาจากในครัว เธอจึงพยายามไถลออกจากอ้อมกอดของเฉินถิงเซียว แล้ววิ่งไปที่ห้องครัวเพื่อเอาชามกับตะเกียบออกมาเอง
เธอหยิบชามกับตะเกียบออกมา แล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย พอเห็นเฉินถิงเซียวยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เธอจึงเดินไปดึงมือเขา “ไปเอาชามกับตะเกียบเองถึงจะเป็นเด็กดีค่ะ”
เฉินถิงเซียว “…”
มู่น่อนน่อนกำลังจะหยิบชามออกมา พอเห็นพฤติกรรมของเฉินมู่แล้ว เธอก็วางชามกลับเงียบๆ
ปล่อยให้เฉินถิงเซียวทำตัวเป็นเด็กดีเถอะ