ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 451 ถ้าเกิดว่าเป็นเฉินถิงเซียว
บอดี้การ์ดถูกเฉินถิงเซียวเตะเข้าเต็มๆ จนเขาทำได้แค่ก้มหน้าลงและไม่กล้าพูดอะไร
คุณชายบอกให้ไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปไม่ใช่เหรอ?
ตอนนี้พวกเขาได้ทำตามคำสั่งของเฉินถิงเซียวแล้ว แต่สุดท้ายเฉินถิงเซียวกลับไม่พอใจ
ความคิดของคุณชายยากที่จะเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ
บอดี้การ์ดเหลือบไปมองเฉินถิงเซียวอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถามว่า “คุณชายหมายความว่า…”
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้ว ก่อนจะยกมือขึ้น ทำท่าบอกให้เขาไม่ต้องพูด และบอกให้เขาก้าวถอยหลังไป
หลังจากที่บอดี้การ์ดออกไปแล้ว เฉินถิงเซียวก็ยืนอยู่ที่เดิม เขาจ้องมองไปที่ทางเข้าประตูอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ก่อนจะเดินออกไปด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
ตรงประตูบ้านพักมีแต่ความว่างเปล่า จะมีร่างของมู่น่อนน่อนได้ยังไง
มือทั้งสองข้างของเฉินถิงเซียวกำหมัดไว้แน่น ระหว่างคิ้วของเขามีความโกรธแอบแฝงอยู่
……
ระหว่างทางที่มู่น่อนน่อนขับรถกลับ เธอก็ได้รับสายจากเสิ่นชูหาน
เสิ่นชูหานเองก็รู้เรื่องข่าวใหม่เช่นกัน
เขาปลอบมู่น่อนน่อน “เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวลนะ ผมจะให้คนไปจัดการเอง”
ตอนนี้ตระกูลเสิ่นตกไปอยู่ในมือของเสิ่นชูหานแล้ว ตัวเขาเองเป็นคนที่ทะเยอทะยานมาก ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทเสิ่นซื่อพัฒนาไปเร็วมาก เขาได้เปิดตัวห้างสรรพสินค้าอย่างอลังการ และห้างนี้ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของเมืองหู้หยาง ซึ่งตัวเขาเองก็มีความสามารถมากพอในการจัดการกับข่าว
มู่น่อนน่อนรู้อยู่แก่ใจ ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากสื่อเหล่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่เสิ่นชูหานต้องมารับผิดชอบ
เสิ่นชูหานยินดีที่จะเป็นคนที่จัดการกับเรื่องนี้ และมู่น่อนน่อนก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก
เธอพูดด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน “ขอบคุณนะ”
เดิมทีเธอไม่ต้องการให้เสิ่นชูหานมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากเกินไป แต่เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มันก็หมดซึ่งหนทางแล้วจริงๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน บางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ และบางครั้งก็เป็นการยากที่จะแบ่งแยกความสัมพันธ์อย่างชัดเจน โดยที่ตัดขาดกันไปเลย
ตอนที่ต้องรับมือกับสิ่งต่างๆ มักจะเป็นเรื่องยากที่จะหาวิธีที่สมบูรณ์แบบที่สุดได้
เสิ่นชูหานพูดอย่างจริงจังว่า “เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับผมด้วย ถ้าผมไม่ไปหาคุณ คงไม่โดนสื่อพวกนั้นถ่ายรูปและเอาไปสร้างเรื่องวุ่นวายแบบนี้ เป็นผมเองที่คิดทบทวนเรื่องนี้ไม่รอบคอบ”
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เธอไม่รู้จะพูดอะไรในตอนนั้นดี
ในตอนนั้นดูเหมือนว่าเขารับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของมู่น่อนน่อน เสิ่นชูหานรีบพูดทันทีว่า “บริษัทเสิ่นซื่อก็อยู่ในช่วงที่กำลังพัฒนา ภาพลักษณ์ส่วนตัวของผมก็สำคัญมากเช่นกัน ถึงแม้ครั้งนี้ทางสื่อจะถ่ายรูปผมกับผู้หญิงคนอื่นๆ ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องจัดการแบบนี้เช่นเดียวกัน”
มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “ฉันรู้”
ที่จริงแล้ว ถ้าจะต้องมองในมุมนี้ ยังไงเธอก็เป็นคนที่ทำให้เสิ่นชูหานเดือดร้อน
เสิ่นชูหานพูดต่อจากคำพูดของเธอว่า “ผมยังมีธุระต่อ ผมวางสายก่อนนะ”
หลังจากวางสาย มู่น่อนน่อนกำลังจะวางโทรศัพท์ลง ลี่จิ่วเชียนก็โทรเข้ามา
ลี่จิ่วเชียนถามเธออย่างตรงไปตรงมา “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? เรื่องข่าวตกลงมันยังไงกันแน่? เธอจัดการได้ไหม?”
มู่น่อนน่อนรู้อยู่แล้ว ว่าลี่จิ่วเชียนโทรมาถามเรื่องนี้
เธอหัวเราะและพูดว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวมีคนจัดการให้”
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “เสิ่นชูหาน?”
ลี่จิ่วเชียนเป็นที่เฉียบคมมาก เธอสามารถคาดเดาได้ว่าคนที่จัดการกับเรื่องนี้ก็คือเสิ่นชูหาน มู่น่อนน่อนเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
มู่น่อนน่อนพูดกึ่งติดตลกกึ่งจริงจังว่า “คุณหมอลี่ฉลาดมาก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่สามารถปิดเธอได้เลย”
“ฉันแค่วิเคราะห์เรื่องนี้ตามตรรกะพื้นฐาน” ลี่จิ่วเชียนชะงักไป ก่อนจะพูดต่อว่า “ถ้าเฉินถิงเซียวเป็นคนจัดการ ข่าวนี้อาจจะหายไปในทันทีที่ปรากฎ และก็คงไม่จะไม่ขึ้นพาดหัวข่าวตั้งแต่เช้าขนาดนั้น?”
มู่น่อนน่อนพูดอะไรไม่ออก
เธอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านพักของเฉินถิงเซียวก่อนหน้านี้ เธอก็รู้สึกเศร้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฉันกำลังขับรถอยู่ ไว้ค่อยคุยกันนะ”
คำพูดของมู่น่อนน่อน เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการพูดถึงเฉินถิงเซียว
ลี่จิ่วเฉินก็เข้าใจเป็นอย่างดี เธอจึงไม่ได้พูดถึงเฉินถิงเซียวอีกเลย
“ขับรถระมัดระวังนะ”
“อืม”
มู่น่อนน่อนโยนโทรศัพท์ไปข้างๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับผมของเธอด้วยความหงุดหงิด เธอขับรถเร็วขึ้นเล็กน้อย
เธอขับรถเข้าไปในชุมชน เธอเพิ่งจะจอดรถ เธอก็เห็นคนคุ้นเคยคนหนึ่งลงมาจากรถอีกคันในลานจอดรถ
มู่น่อนน่อนเปิดประตูรถและเดินไปหาเธอ ก่อนจะตะโกนเรียกเธอ “เสี่ยวเหลียง?”
เสิ่นเหลียงหันหน้ากลับมา ก่อนจะยื่นมือออกไปกอดไหล่เธอ จากนั้นก็มองสำรวจเธออย่างละเอียด “เธอกลับมาแล้วเหรอ? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันเห็นข่าวแล้ว บอสใหญ่เขาว่าอะไรเธอไหม?”
เช้าวันนี้ เธอตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ของมู่น่อนน่อน หลังจากตื่นนอนและเปลี่ยนเสื้อผ้าเธอก็ไปดูรถกับมู่น่อนน่อน เลยไม่มีเวลาดูข่าว
จนกระทั่งเธอได้แยกกับมู่น่อนน่อน หลังจากที่มู่น่อนน่อนขับรถไปหาเฉินถิงเซียว เธอก็เพิ่งจะเห็นข่าวของมู่น่อนน่อนกับเสิ่นชูหาน
ในตอนนั้นมู่น่อนน่อนคงอยู่ที่บ้านของเฉินถิงเซียวแล้ว
ต่อให้เธอโทรไปเตือนมู่น่อนน่อนยังไง ก็คงไร้ประโยชน์ เธอจึงขับรถตรงไปที่บ้านของมู่น่อนน่อนเพื่อรอเธอ
มู่น่อนน่อนถามเสิ่นเหลียงด้วยท่าทางจริงจัง “เธอคิดว่าเขาจะทำอะไรฉันเหรอ?”
เสิ่นเหลียงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ใช้สายตาทำให้เธอตกใจกลัว?”
มู่น่อนน่อน “…”
ดวงตาของเสิ่นเหลียงกลอกไปมา ก่อนจะลองถามเธอว่า “เขาคงไม่ได้ไล่เธอออกมาหรอกใช่ไหม?”
มู่น่อนน่อนยกริมฝีปากขึ้น ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนกับรอยยิ้มออกมา จากนั้นเธอก็เดินนำหน้า ตรงไปทางประตูลิฟต์
“ท่าทีของเธอแบบนี้หมายความว่ายังไง?” เสิ่นเหลียงเดินตามหลังเธอไป “เขา เขา เขา… เขาคงไม่ได้ไล่เธอออกมาจริงๆ ใช่ไหม”
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะจ้องไปยังเลขชั้นที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป จากนั้นก็ตอบอย่างแผ่วเบาว่า “อืม”
เสิ่นเหลียงยังคงไม่เชื่อ “เธอล้อฉันเล่นหรือเปล่า?”
“หลักๆ เป็นเพราะฉันตบเขา” ทันทีที่มู่น่อนน่อนพูดจบ ดวงตาของเสิ่นเหลียงก็เบิกกว้าง
เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะจัดระเบียบภาษาของเธอ และพูดว่า “เดี๋ยวนะ ขอให้ฉันตั้งสติก่อน เธอตบบอสใหญ่ แล้วเขาก็สั่งคนให้พาตัวเธอออกไป เรื่องราวเป็นแบบนี้ถูกไหม?”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า “อืม”
ในขณะนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดี มู่น่อนน่อนจึงเดินออกไป
เสิ่นเหลียงเดินตามไป “ฉันไม่กล้านึกถึงท่าทีของบอสใหญ่ตอนที่โดนตบเลย มันต้องน่ากลัวมากแน่ๆ อย่างไรก็ตาม เธอตบหน้าเขา แต่เธอก็ยังสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัย อยู่ๆ ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นข้อยกเว้นสำหรับเขา”
มู่น่อนน่อนหยุด และถามเสิ่นเหลียงด้วยความสงสัย “ในสายตาของเธอเฉินถิงเซียวน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ? แม้ว่าเขาจะเป็นคนอารมณ์ร้อน และโหดร้าย แต่เขาไม่ใช่คนที่ทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่อง…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ มู่น่อนน่อนก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
เพราะเธอนึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้เฉินถิงเซียวมักจะสร้างปัญหาไปทั่ว และก็ไม่มีเหตุผลเลย
เสิ่นเหลียงเห็นว่าท่าทีของเธอดูไม่ปกติ เธอก็เลยไม่ได้พูดอะไรอีก
เมื่อเข้าไปในห้อง มู่น่อนน่อนเทน้ำหนึ่งแก้วให้กับเสิ่นเหลียง “อารมณ์ในตอนนี้ของเขาแย่กว่าเมื่อก่อนอีก ฉันกับเสิ่นชูหานถูกเขียนข่าวมั่วๆ แบบนั้น เฉินถิงเซียวก็ดูโกรธมาก และเขาก็ได้พูดจาไม่ดีกับฉัน ในตอนนั้นฉันโกรธมาก ก็เลยทำแบบนั้นไป”
เสิ่นเหลียงดูจริงจังมาก เธอพูดว่า “ถ้าเธอมองจากอีกมุมหนึ่ง ที่เขาโกรธ ก็แสดงว่าเขาใส่ใจเธอมาก เธอคิดว่านี่เป็นเรื่องจริงไหม”