ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 452 คำถามที่ยากจะตอบ
มู่น่อนน่อนนั่งตรงข้ามกับเสิ่นเหลียง ซึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ “ก็คงไม่แน่หรอก”
เสิ่นเหลียงถาม “แล้วจากนี้เธอคิดจะทำอะไรต่อไป?”
“ฉันอยากสงบสติอารมณ์สักสองวัน ตอนที่ไปเยี่ยมมู่มู่ฉันค่อยหาทางไปคุยกับเขาอีกที ที่เขาเป็นแบบนี้ ก็เป็นเพราะว่าเขาไม่มีความทรงจำในช่วงหลายที่ผ่านมา และก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักฉัน ฉันคงจะโกรธเขาแบบนี้ไปตลอดไม่ได้หรอก”
มู่น่อนน่อนถอนหายใจออก เธอค่อยๆ หลับตาลง น้ำเสียงของเธอฟังดูเศร้าเล็กน้อย “ถ้าฉันโกรธเขาจริงๆ เขาก็คงจะไม่มาง้อฉันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
ในน้ำเสียงของเธอมีความคับข้องใจเล็กน้อยที่ตัวเธอเองก็ไม่ทันได้สังเกต
เสิ่นเหลียงไม่รู้จะพูดอะไรดี เธอรู้สึกว่าสถานการณ์ของมู่น่อนน่อนและเฉินถิงเซียว มันค่อนข้างน่าปวดหัว
……
หลังจากที่มู่น่อนน่อนและเฉินถิงเซียวจากกันอย่างไม่มีความสุข เฉินถิงเซียวไม่ได้เจอมู่น่อนน่อนมาสองสามวันแล้ว
ช่วงนี้มู่น่อนน่อนมักจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาบ่อยมาก แต่จู่ๆ ก็ไม่ได้เจอเธอมาแล้วสองสามวัน เลยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
สือเย่เองก็สังเกตเห็น ช่วงนี้หลังจากเลิกงานเฉินถิงเซียวก็กลับบ้านทันที เขาไม่ได้ไปหามู่น่อนน่อนเพื่อทานอาหารเย็น
เฉินมู่ก็ถูกส่งตัวกลับไปที่เฉินถิงเซียว
หรือว่า ระหว่างพวกเขาสองคนอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ในขณะที่เขาไม่รู้ตัว?
สือเย่ถือกองเอกสารไปวางไว้ตรงหน้าเฉินถิงเซียว “คุณชาย อันนี้เป็นเอกสารเร่งด่วน”
เฉินถิงเซียวนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะในห้องทำงานด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ เขาวางมือทั้งสองไว้บนที่เท้าแขนของเก้าอี้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่รู้ว่าเขานั้นกำลังมองไปทางไหน
แต่ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของสือเย่ เขาก็ยังคงตอบว่า “อืม”
สือเย่รู้สึกสงสัยในใจ แต่ก็ไม่ได้ถามออกมา
ในขณะที่เขากำลังจะออกไป อยู่ๆ เฉินถิงเซียวก็เรียกเขาไว้ในทันที
“สือเย่”
“คุณชาย มีอะไรครับ”
สือเย่มองกลับไปที่เฉินถิงเซียวในทันที ก่อนจะถามเขาด้วยความเคารพ
“นายกับภรรยาของนาย…” เฉินถิงเซียวขมวดคิ้วมากกว่าเดิม
ดูเหมือนเขาจะหงุดหงิดเล็กน้อย เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อไปว่า “พวกนายทะเลาะกันบ้างไหม”
สือเย่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เฉินถิงเซียวจะถามคำถามแบบนี้ แต่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา “แน่นอนว่าต้องทะเลาะกันบ้าง”
ดูเหมือนว่าเฉินถิงเซียวจะสนใจคำถามนี้มาก เขาเงยหน้ามองไปที่เขา และถามอย่างจริงจังว่า “แล้วหลังจากการทะเลาะกันล่ะ?”
“เธอก็ไม่สนใจผม ผม…ผมก็ไม่สนใจเธอ” นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินถิงเซียวถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของสือเย่ และเขาก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่จะพูดออกมา
ดวงตาของเฉินถิงเซียวหรี่ลงเล็กน้อย “แล้วควรจะทำยังไง?”
เฉินถิงเซียวอาจไม่ทันได้สังเกต ตอนที่เขาพูดเรื่องนี้ ระหว่างคิ้วของเขามีความสับสนแอบแฝงอยู่อย่างเห็นได้ชัด
สือเย่เข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี และเขาก็มั่นใจแล้วว่าเฉินถิงเซียวนั้นกำลังทะเลาะกับมู่น่อนน่อน
ถ้าจะเรียกว่าทะเลาะกันก็ไม่น่าจะใช่ เป็นไปได้มากที่เฉินถิงเซียวอาจจะพูดอะไรไม่น่าฟังเพียงฝ่ายเดียว และทำให้มู่น่อนน่อนโมโห จนทั้งสองก็ต้องทำสงครามเย็นต่อกัน
“ถ้าไม่ใช่ปัญหาเรื่องหลักการ ผมจะเป็นคนไปขอคืนดีกับเธอก่อน ความรู้สึกของผู้หญิงนั้นละเอียดอ่อนมาก บางทีก็แค่อารมณ์เสียเท่านั้น”
สือเย่รู้สึกว่า การที่เฉินถิงเซียวเป็นคนเริ่มถามคำถามพวกนี้กับเขา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
ปัญหาเรื่องหลักการ?
เมื่อนึกถึงหนังสือพิมพ์แผ่นนั้น เฉินถิงเซียวก็พูดอย่างเย็นชาว่า “เสิ่นชูหานคนนั้นคือคนรักคนแรกของมู่น่อนน่อนจริงๆ เหรอ?”
ตอนนี้เขาความจำเสื่อม แต่เขาก็รู้ทุกอย่างที่เขาควรรู้
ก่อนที่เขากับมู่น่อนน่อนจะอยู่ด้วยกัน เขาไม่เคยคบกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย แต่มู่น่อนน่อน กลับมีคนรักคนแรกด้วย
สือเย่เริ่มมีเหงื่อออกที่หน้าผากของเขา
นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากจะตอบมาก
ถ้าไม่พูดความจริง เฉินถิงเซียวก็จะโกรธ แต่ถ้าพูดความจริง เฉินถิงเซียวก็จะยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
เฉินถิงเซียวเป็นคนฉลาด เมื่อเห็นว่าสือเย่ลังเลและไม่พูดอะไรอยู่นาน เขาก็เข้าใจในทันที
เขาตอบอย่างเย็นชา “ฉันเข้าใจแล้ว นายออกไปเถอะ”
สือเย่ค่อยๆ ถอนหายใจออก ตอนที่เขากำลังจะออกไป อยู่ๆ เขาก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้
“คุณชาย นักสะกดจิตที่คุณเคยบอกให้ผมหาก่อนหน้านี้ ผมหาคุณหมอที่มีชื่อเสียงเจอหลายท่าน คุณดู…”
เมื่อสือเย่พูดถึงตรงนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของเฉินถิงเซียว
เมื่อพูดถึงเหตุการณ์นี้ ใบหน้าของเฉินถิงเซียวก็ดูเยือกเย็นในทันที “หาคนไปทดลองกับนักสะกดจิตก่อน ถ้าพวกเขาสามารถปิดกั้นความทรงจำของผู้คนได้ ค่อยให้พวกเขาเข้ามาหาฉัน”
สือเย่พยักหน้าเล็กน้อย “รับทราบครับ”
“นอกจากนี้ มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคุณชาย”
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถ้ามีอะไรก็พูดให้จบภายในครั้งเดียว”
“มันเป็นเรื่องของลี่จิ่วเชียน เขาจบปริญญาเอกด้านจิตวิทยา และอาศัยอยู่ต่างประเทศ เมื่อสามปีที่แล้วเขากลับมาที่จีนและได้รับเชิญจากกองสืบสวนคดีอาญา…”
สือเย่ยังไม่ทันจะพูดจบ เฉินถิงเซียวก็ขัดจังหวะเขา “พูดใจความสำคัญมา”
“ลี่จิ่วเชียนอาศัยอยู่ต่างประเทศ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในประเทศค่อนข้างจะสั้น ดังนั้นเลยไม่ค่อยมีชื่อเสียงภายในประเทศ ในแง่มุมหนึ่ง เรื่องจิตวิทยาและการสะกดจิตก็เหมือนเป็นสิ่งเดียวกัน คุณชายอยากลองให้เขารักษาไหมครับ?”
สีหน้าของเฉินถิงเซียวไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก น้ำเสียงของเขาก็เบามาก “นายคิดว่าฉันจะไปให้เขารักษาไหมล่ะ?”
ยิ่งเวลาที่ไม่แสดงท่าที ก็จะยิ่งเป็นเวลาที่โกรธมากๆ
เฉินถิงเซียวกำลังโกรธ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ยังไงสือเย่ก็จะไม่แสดงความคิดเห็นที่ว่า ให้เฉินถิงเซียวไปให้ลี่จิ่วเชียนรักษา
เพราะเมื่อก่อนเฉินถิงเซียวให้ความสำคัญกับมู่น่อนน่อนมาก และการที่เขาไม่จัดการลี่จิ่วเชียนทิ้งก็ถือว่าเขามีเมตตามากแล้ว
เหตุผลหลักเป็นเพราะตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมู่น่อนน่อนเปราะบางมากๆ สือเย่ก็แค่ต้องการให้เฉินถิงเซียวหายไวๆ เขาก็เลยนึกถึงวิธีนี้
สือเย่ไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาจึงก้มศีรษะและเดินออกไป
เฉินถิงเซียวยื่นมือไปนวดที่ขมับ เมื่อเขาปล่อยมือ สีหน้าของเขาก็ดูแย่เล็กน้อย
……
ในช่วงสองวันนี้มู่น่อนน่อนจะรอให้เฉินถิงเซียวไม่อยู่บ้าน แล้วเธอถึงจะไปเยี่ยมมู่มู่
และเวลาที่ไปก็ไม่แน่นอน บางทีอาจจะเป็นช่วงเช้า หรือบางทีอาจจะเป็นช่วงบ่าย ซึ่งก็จะคลาดกันกับเฉินถิงเซียวพอดิบพอดี
เธอไม่ได้ตั้งใจจะหลีกเลี่ยงเฉินถิงเซียว เหตุผลหลักก็เพราะว่า เธอไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับเฉินถิงเซียวยังไง?
ถ้าเจอเฉินถิงเซียวเธอควรจะพูดอะไรดี?
แล้วจะคืนดีกันยังไง?
แต่ สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยก็คือ ตอนที่เธอไปหามู่มู่ บอดี้การ์ดพวกนั้นไม่ได้ห้ามเธอ
ในตอนนั้นเฉินถิงเซียวโกรธมากจนไล่เธอออกไป เธอคิดว่าเฉินถิงเซียวจะไม่ปล่อยให้เธอได้เจอหน้ามู่มู่อีก
แต่โชคดีที่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น
วันนี้ตอนบ่ายเธอตั้งใจจะไปที่บ้านเฉินถิงเซียวเพื่อพบมู่มู่
ระหว่างทาง เธอตั้งใจซื้อเค้กชิ้นเล็กๆ ให้กับมู่มู่
แต่ วันนี้เธอแค่เดินไปที่หน้าประตู เธอก็ถูกบอดี้การ์ดห้ามเอาไว้
“ขออภัยครับ คุณมู่ คุณเข้าไปไม่ได้”
มู่น่อนน่อนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า “ทำไม?”
“คุณชายสั่งไว้ครับ อย่าทำให้พวกเราลำบากกันเลย”
ที่แท้เฉินถิงเซียวก็เป็นคนสั่งนี่เอง
เมื่อสองวันก่อน เธอสามารถเข้าไปหามู่มู่ได้โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ เป็นเพราะเฉินถิงเซียวลืมบอกพวกเขาไว้ เธอก็เลยเข้าไปข้างในได้?
เมื่อลองคิดทบทวนดูดีๆ ความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ค่อนข้างสูง
มู่น่อนน่อนหันหลังเดินออกไป ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาเฉินถิงเซียว