ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 459 จะไม่พูดขอบคุณหน่อยเหรอ?
เซียวชู่เหอเห็นความตั้งใจในแววตาของมู่น่อนน่อน เธอพูดอย่างยากลำบาก “ไม่เกลียดกันก็ดีแล้ว หลายปีมานี้…เธอไปอยู่ที่ไหนกัน? สบายดีไหม?”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเธอไม่มีอะไรจะพูดกับเธอ แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวชู่เหอไม่คิดอย่างนั้น เธอทำเหมือนว่าอยากจะคุยกับเธอมากๆ
เมื่อมู่น่อนน่อนได้ยินที่เธอพูด เธอก็เลยมองสำรวจไปที่เธอ
แม้ว่าเซียวชู่เหอจะไม่ได้เป็นห่วงเธอมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็ได้สืบทอดรูปลักษณ์หน้าตาของเซียวชู่เหอมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เซียวชู่เหอเป็นคนสวย อย่างน้อยเมื่อสามปีที่แล้ว เธอก็ยังเป็นสาววัยกลางคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม เซียวชู่เหอที่อยู่ข้างหน้าเธอนั้น เมื่อเทียบกับสามปีที่แล้ว เธอดูแก่ขึ้นเยอะมาก รอยตีนกาที่หางตาของเธอก็เริ่มปรากฏขึ้น หลังของเธอก็งอเล็กน้อย และท่าทางของเธอก็ไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อน
มู่น่อนน่อนมองไปที่เซียวชู่เหออย่างเงียบๆ และพูดอย่างราบเรียบว่า “ฉันสบายดี แล้วคุณล่ะ?”
เมื่อเซียวชู่เหอได้ยินแบบนี้ เธอก็คิดว่ามู่น่อนน่อนยังคงห่วงใยเธอ
เธอมองไปที่เธออย่างมีความสุข ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้าอีกครั้ง “แค่เธอสบายดีก็ดีแล้ว ฉันก็ถือว่าดี…”
ถือว่าดี?
ก็แสดงว่ามีช่วงเวลาที่ไม่ดี?
จากการแต่งตัวของเซียวชู่เหอ รวมถึงสภาพจิตใจของเธอ ที่จริงก็สามารถรู้ได้ว่าการใช้ชีวิตของเธอในปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง
สามปีที่ผ่านมา เธอคงไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายเหมือนเมื่อก่อน
มู่น่อนน่อนเข้าใจความคิดของเซียวชู่เหอโดยประมาณแล้ว
เมื่อใดก็ตามที่เซียวชู่เหอมีชีวิตที่ไม่สมปรารถนา หรือมีชีวิตที่ไม่ดี เธอก็จะนึกถึงมู่น่อนน่อน
“ฉันต้องไปซื้อของบางอย่าง คงจะไม่มีเวลาพูดคุยกับคุณนายมู่” หลังจากที่มู่น่อนน่อนพูดจบ ไม่ให้โอกาสเซียวชู่เหอได้พูดอะไรอีก เธอก็หันกลับไปเลือกซื้อสินค้าแล้ว
เพียงแต่ว่า เซียวชู่เหอไม่ได้เดินจากไป แต่กลับเดินตามเธออยู่ไม่ไกลนัก
บางครั้งที่มู่น่อนน่อนหันกลับไป เซียวชู่เหอก็จะเผยรอยยิ้มที่เกรงๆ ให้กับเธอ
เธอไม่เหมือนกับเซียวชู่เหอเมื่อหลายปีก่อนเลย
มู่น่อนน่อนรู้สึกสะเทือนใจ
แต่ไม่นาน ความรู้สึกสะเทือนใจก็กลับคืนสู่ความสงบ
เพราะว่าเธอนึกถึงมู่หวั่นขี
มู่หวั่นขีเกลียดเธอขนาดนั้น และเซียวชู่เหอก็เอ็นดูมู่หวั่นขีมากๆ
เธอให้โอกาสเซียวชู่เหอมาก็หลายครั้ง แต่ทุกครั้งเซียวชู่เหอก็เลือกที่จะทิ้งเธอ
เธอสงสัยว่า เซียวชู่เหออาจจะถูกยุยงจากมู่หวั่นขี เธอก็เลยจงใจมาเข้าใกล้เธอแบบนี้
เรื่องช่วยมู่หวั่นขีทำร้ายเธอ เมื่อก่อนเซียวชู่เหอก็ทำมาหลายครั้งแล้ว เธอก็คุ้นเคยกับสิ่งนี้เป็นอย่างดี
ยิ่งคิด จิตใจของมู่น่อนน่อนก็ยิ่งรู้สึกหนาว
เธอเลือกของที่ตัวเองต้องใช้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปจ่ายเงินและออกจากห้างสรรพสินค้าทันที
ตอนที่มู่น่อนน่อนไปชั้นจอดรถใต้ดิน เธอก็เห็นเซียวชู่เหออีกครั้ง
“น่อนน่อน” เซียวชู่เหอยืนอยู่ข้างรถของเธอ และเธอก็เรียกชื่อของเธอ
มู่น่อนน่อนมองไปที่เธอด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “มู่หวั่นขีเป็นคนบอกให้คุณมาที่นี่เหรอ?”
เซียวชู่เหอชะงักไป ก่อนจะรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับหวั่นขีเลย ฉันเป็นคนเห็นข่าวเอง ก็เลยรู้ว่าเธอกลับมาที่เมืองหู้หยางแล้ว วันนี้ฉันก็ออกมาซื้อของด้วยตัวเอง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอเธอที่นี่”
มู่น่อนน่อนผิดหวังกับเซียวชู่เหอมาหลายครั้ง ดังนั้นเธอก็เลยไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเธอ
มู่น่อนน่อนยื่นมือไปจับประตูรถ ก่อนจะพูดว่า “ไม่ว่ามู่หวั่นขีจะเป็นคนบอกให้คุณมาที่นี่หรือไม่ แต่คุณต้องเข้าใจหน่อยนะ พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรต่อกันแล้ว และฉันก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลมู่”
หลังจากเธอพูดจบ เธอก็เปิดประตูรถและเข้าไปนั่งข้างใน
ในตอนนั้นเอง อยู่ๆ เซียวชู่เหอก็ห้ามเธอไว้ เธอพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “น่อนน่อน ทำไมเธอถึงได้ใจร้ายแบบนี้ ถ้าฉันบอกเธอว่า ตลอดสามปีนี้มู่หวั่นขีเอาแต่ทรมานฉัน เธอจะไม่โทษตัวเองแม้แต่น้อยเลยเหรอ?”
มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง
เธอคิดไม่ถึงเลย ว่ามู่หวั่นขีจะเอาความเกลียดที่มีต่อเธอ ย้ายไปอยู่บนตัวเซียวชู่เหอ
เพราะว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเซียวชู่เหอแย่มากๆ เรื่องนี้มู่หวั่นขีก็รู้ดี
เธอกับเซียวชู่เหอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน ถึงแม้มู่หวั่นขีจะทรมานเซียวชู่เหอ มันก็คงไม่มีผลกระทบกับมู่น่อนน่อนอยู่แล้ว มู่หวั่นขีควรจะเข้าใจเรื่องนี้
มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถอธิบายได้ก็คือ มู่หวั่นขีได้รับผลกระทบจากการตายของซือเฉิงหยู้จนแยกแยะไม่ออก แค่เป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับมู่น่อนน่อน เธอก็จะเอาคืนทั้งหมด
“โทษตัวเอง?” มู่น่อนน่อนยิ้มเยาะเย้ย “นั่นเป็นลูกสาวที่คุณเอ็นดูตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะ การที่เธอทำแบบนั้นกับคุณ คุณไม่รู้สึกเสียใจเหรอ?”
เธอจงใจพูดเน้นย้ำคำว่า “ลูกสาว”
สีหน้าของเซียวชู่เหอเปลี่ยนไปเล็กน้อย “น่อนน่อน เมื่อก่อนเธอไม่ได้เป็นคนแบบนี้ ตอนเด็กๆ เธอเข้าใจฉันเป็นอย่างดี ว่าทำไมฉันถึงดีต่อมู่หวั่นขี ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้นี่ ที่สำคัญ…”
“พอแล้ว” มู่น่อนน่อนพูดตัดบทเธอ
ในเวลาแบบนี้ เซียวชู่เหอยังคงเอาแต่เรียกหา “หวั่นขี” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอยังมีความรู้สึกที่ดีต่อมู่หวั่นขี
เธอฟังเหตุผลและข้อแก้ตัวของเซียวชู่เหอจนชินแล้ว พูดซ้ำไปซ้ำมากับคำพูดเดิมๆ
“แค่เริ่มพูดก็ถามเลยว่าฉันจะโทษตัวเองไหม แล้วสามปีที่ผ่านมานี้คุณเคยมาตามหาฉันบ้างไหม? คุณไม่เคยเอ็นดูฉันเหมือนกับลูกสาวคนหนึ่งเลย แล้วคุณมีสิทธิ์มาคิดว่าฉันจะโทษตัวเองได้ยังไง? ตอนนี้ฉันอยากจะปรบมือยินดีแทบจะแย่! คุณนายมู่ คุณไม่เข้าใจฉันเสียเลย”
หลังจากมู่น่อนน่อนพูดจบ เธอก็ปัดมือของเซียวชู่เหอออกมา ก่อนที่เธอจะเข้าไปในรถ และขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
เซียวชู่เหอยังคงยืนอยู่ตรงนั้น เธอมองดูมู่น่อนน่อนที่ค่อยๆ หายไป ในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
……
ตอนที่มู่น่อนน่อนออกมาซื้อของ สภาพจิตใจของเธอก็ไม่ได้ถือว่าดีมาก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น
แต่หลังจากที่ได้เจอกับเซียวชู่เหอ สภาพจิตใจของเธอก็ย่ำแย่มากๆ
เธอเป็นคนใจกว้างแบบนั้นไม่ได้ เซียวชู่เหอก็ยังมีผลกระทบกับเธออยู่
ตอนกลางคืนที่เฉินถิงเซียวมาทานข้าว เขาก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของมู่น่อนน่อนดูไม่ปกติ
เขาถอดเอาเสื้อสูทวางไว้บนไม้แขวนที่อยู่หน้าประตู ก่อนจะเดินไปทางโต๊ะอาหาร
มู่น่อนน่อนเห็นว่าเขานั้นเข้ามา สายตาเธอก็จับจ้องไปที่ด้านหลังของเขา เพื่อทำให้มั่นใจว่าเขามาเพียงแค่คนเดียว มู่น่อนน่อนถามเขาอย่างไม่เข้าใจ “มู่มู่ล่ะ?”
เฉินถิงเซียวนั่งลงบนโต๊ะอาหาร และมองไปยังอาหารบนโต๊ะ ก่อนจะตอบอย่างราบเรียบว่า “อยู่บ้าน”
มู่น่อนน่อนนึกถึงเรื่องวันนี้ที่เธอไปเจอกับเซียวชู่เหอมา เธอก็เลยไม่ได้พูดอะไรอีก
เฉินมู่อยู่กับเฉินถิงเซียว น่าจะดีกว่าอยู่กับเธอเยอะ
เธอไม่ได้ถามอะไรอีก จากนั้นเธอก็หันกลับเข้าไปในห้องครัวเพื่อยกน้ำซุปออกมา
ตอนที่เธอยกน้ำซุปออกมา เธอก็พบว่าเฉินถิงเซียวกำลังเดินเข้ามาในห้องครัว
มู่น่อนน่อนถามเขาว่า “จะทำอะไร?”
เฉินถิงเซียวตอบแค่ว่า “เอาถ้วย”
มู่น่อนน่อนอ้าปากเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เธอไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม เฉินถิงเซียวบอกว่าจะเข้ามาเอาถ้วย?
ครั้งก่อนที่อยู่ที่นี่ เฉินถิงเซียวให้ความร่วมมือกับเฉินมู่เขาก็เลยเข้าไปเอาถ้วยด้วยตัวเอง แล้วครั้งนี้เป็นเพราะอะไรกัน?
มู่น่อนน่อนเอาซุปไปวางที่โต๊ะเรื่องความตะลึง เฉินถิงเซียวก็ได้หยิบถ้วยและตะเกียบสองชุดออกมาแล้ว
เขาเป็นคนที่แขนขายาว หลังจากที่เขาเอาถ้วยและตะเกียบหนึ่งชุดวางไว้ตรงหน้าตัวเอง จากนั้นเขาก็เอาอีกหนึ่งชุดมาวางไว้ตรงหน้ามู่น่อนน่อน
หลังจากที่เขาวางถ้วยแล้ว เขาเลิกคิ้วมองไปทางมู่น่อนน่อน “จะไม่พูดขอบคุณหน่อยเหรอ?”
มู่น่อนน่อนตอบอย่างอึ้งๆ “ขอบคุณนะ”
“อืม” เฉินถิงเซียวตอบรับอย่างราบเรียบ จากนั้นเขาก็นั่งลงและเริ่มทานข้าว
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่ามันไม่ปกติ
ผ่านไปพักหนึ่ง เธอก็เพิ่งจะคิดได้ว่า ท่าทีทั้งหมดของเฉินถิงเซียวเมื่อครู่นี้ มันคล้ายกับเวลาปกติที่เธอเกลี้ยกล่อมเฉินมู่