ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 467 เป็นฝีมือของเฉินถิงเซียว
หลังจากที่มือถือสั่นไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเงียบลง
แต่ก็เงียบได้ไม่นาน สักพักก็สั่นเป็นครั้งคราว
มู่น่อนน่อนนึกว่า เรื่องที่เธอและเฉินถิงเซียวขึ้นเทรนการค้นหาพร้อมกัน วันนี้น่าจะไม่เป็นกระแสแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนส่งข้อความส่วนตัวและแอดถึงเธอเยอะขนาดนี้
มู่น่อนน่อนเปิดดูในหน้าแชทส่วนตัว เธอยังไม่ทันได้เปิดเข้าไปอ่าน เธอก็เห็นว่ามีคนกำลังด่าเธอ
“หน้าไม่อาย…”
“มือที่สาม!”
การที่โดนด่าตั้งแต่เช้า ต่อให้มู่น่อนน่อนจะไม่ได้อารมณ์เสียยังไง แต่สุดท้ายก็ต้องรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี
เธอกลับมาที่หน้าการแจ้งเตือนข้อความ คลิกที่การแจ้งเตือนข้อความแรก และพบว่ามีหัวข้อใหม่ที่กำลังมาแรง
หัวข้อการค้นหายอดนิยมนี้มันคุ้นเคยมา
#มู่น่อนน่อน มือที่สาม#
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว แต่เธอก็ยังจำได้ว่าตัวเองกำลังอุ่นนมอยู่ เธอก็เลยเมนมออกมาก่อน จากนั้นก็นั่งดูweiboบนโต๊ะอาหาร
ทางสื่อขุดข่าวที่เฉินถิงเซียวมีการหมั้นหมายกับซูเหมียนก่อนหน้านี้ออกมา ยังไม่มีหลักฐานว่ามีเรื่องการหมั้นหมายของเฉินถิงเซียวกับซูเหมียนจริงๆ ทุกคนต่างก็ตราหน้าเรียกมู่น่อนน่อนว่า “มือที่สาม”
ตอนแรกก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว แต่ก็ยังจะเอามาสร้างกระแสกันได้
คนทำงานในวงการบันเทิงบางคน เพื่อให้ได้รับความสนใจจากทุกคน เขาก็ใช้อักษรในการแสดงความสามารถได้อย่างยอดเยี่ยม
มู่น่อนน่อนดูฮอตคอมเมนท์ข้างล่างใต้weiboที่กำลังติดเทรนมีทั้งคนที่ร่วมแสดงความคิดเห็น แล้วก็มีทั้งคนที่เป็นผู้ชม
โชคดีที่ ชาวเน็ตส่วนใหญ่ก็ยังมีเหตุผล
มู่น่อนน่อนมองผ่านๆ จากนั้นเธอก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ
ครอบครัวเธอทั้งสามคน การที่ได้มานั่งทานข้าวอาหารเช้าด้วยกันอย่างสงบครั้งแรกแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มู่น่อนน่อนตัดสินใจว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ รอให้ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วค่อยพูด
มู่น่อนน่อนลุกขึ้น เธอตั้งใจจะไปปลุกเฉินถิงเซียวและเฉินมู่ให้ตื่น
เธอเพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตูห้องเฉินถิงเซียว เธอกำลังยกมือขึ้นแต่ยังไม่ทันได้เคาะประตู ประตูห้องก็ถูกคนเปิดจากข้างใน
มือของมู่น่อนน่อนค้างอยู่กลางอากาศอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเธอก็ขยับมือเบาๆ “อรุณสวัสดิ์”
เฉินถิงเซียวพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “อรุณสวัสดิ์”
จากนั้นเขาก็เอียงตัว และเดินอ้อมตัวมู่น่อนน่อนไปเข้าห้องน้ำ
มู่น่อนน่อนจึงไปปลุกเฉินมู่
เฉินมู่ต้องเปลี่ยนแค่เสื้อผ้า แล้วก็ล้างหน้าแปลงฟันก็พอแล้ว
เธอกับเฉินมู่นั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารพักหนึ่ง จากนั้นเฉินถิงเซียวก็เดินออกมา
สีหน้าของเขาดูแย่มาก หลังจากออกมาจากห้องน้ำเขาก็หันไปมองทางมู่น่อนน่อนด้วยสายตาที่ราบเรียบ “ผมไปก่อนนะ เดี๋ยวสายๆ จะมีคนมารับมู่มู่”
หลังจากเขาพูดจบ เขาก็หยิบเอาเสื้อสูทและเตรียมจะออกไป
เมื่อมู่น่อนน่อนเห็น เธอก็รีบเรียกเขาไว้ “เฉินถิงเซียว!”
เฉินถิงเซียวไม่ได้หันมามองเธอ เขาเดินตรงไปที่ประตู
มู่น่อนน่อนจึงต้องเดินไปเพื่อบังเข้าไว้ “ทานอาหารเช้าก่อนแล้วค่อยไปเถอะ”
เมื่ออยู่ใกล้เขาขนาดนี้ มู่น่อนน่อนก็พบว่าสีหน้าของเขานั้นดูแย่มากกว่าปกติเยอะเลย
เขายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตู ก่อนจะตอบอย่างราบเรียบว่า “ต้องมีเรื่องให้ไปจัดการน่ะ”
“ไม่ว่าจะเรื่องด่วนแค่ไหน ยังไงก็ต้องทานข้าวเช้าก่อน” ในขณะที่เธอพูด เธอก็ดึงเขาไปที่โต๊ะอาหาร
ในตอนแรกเฉินถิงเซียวไม่ขยับเลย เขาหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ หลังจากที่เขาเห็นโทรศัพท์ของมู่น่อนน่อนที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร เขาก็เลยเดินตามเธอไป
ไม่รู้ว่ามู่น่อนน่อนรู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่ระหว่างที่ทานอาหารเช้าอยู่ เฉินถิงเซียวก็เอาแต่สนใจ…โทรศัพท์มือถือของเธอ
โชคดีที่เธอไม่มีนิสัยติดเล่นโทรศัพท์หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ
หลังจากที่มู่น่อนน่อนทานข้าวเสร็จ เธอก็ถามเขาว่า “ทำไมคุณต้องเอาแต่จ้องไปที่โทรศัพท์ของฉัน?”
“ไม่มีอะไร ผมไปก่อนนะ”
ครั้งนี้เฉินถิงเซียวไปจริงๆ
หลังจากที่เขาจากไปแล้ว มู่น่อนน่อนก็เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ เธอยังไม่ได้บอกเรื่องเทรนการค้นหากับเฉินถิงเซียวเลย
แต่ว่า ตอนที่เธอเข้าไปดูในweiboอีกครั้ง เธอก็พบว่าเทรนการค้นหาในหัวข้อ “มู่น่อนน่อนมือที่สาม” ไม่อยู่แล้ว
แม้แต่เรื่องที่เธอและเฉินถิงเซียวขึ้นเทรนการค้นหาพร้อมกัน ก็หายไปด้วย
หรือว่าที่เมื่อครู่นี้เฉินถิงเซียวเอาแต่จ้องไปที่โทรศัพท์ของเธอ เพราะว่าเขารู้เรื่องเทรนการค้นหาในweibo เลยกลัวว่าเธอจะจับโทรศัพท์จนไปเจอสิ่งนี้เข้า?
การจัดการที่รวดเร็วแบบนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือของเฉินถิงเซียว
เมื่อครู่นี้ที่เขารีบร้อนจะออกไป ที่บอกว่ามีเรื่องต้องไปจัดการ ก็คือจะไปจัดการเรื่องนี้เหรอ?
มู่น่อนน่อนคิด การที่จะยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้
เฉินมู่พิงอยู่บนโต๊ะอาหาร ก่อนจะเอียงหัวถามเธอว่า “คุณแม่ คุณแม่ยิ้มอะไรคะ?”
มู่น่อนน่อนลูบหัวเธอ “เพราะว่าเกิดเรื่องที่มีความสุขเกิดขึ้น ดังนั้นแม่ก็เลยยิ้ม”
“อ่อ” เฉินมู่พยักหน้า ก่อนที่เธอจะลงจากเก้าอี้ และวิ่งไปเล่นข้างๆ
เฉินถิงเซียวบอกว่าจะส่งคนมารับเฉินมู่ มู่น่อนน่อนก็รอแต่ก็ไม่มีใครมา เธอเองก็มีธุระที่จะต้องออกไปข้างนอก เธอเลยตัดสินใจจะขับรถไปส่งเฉินมู่ไว้ที่บ้านเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา เฉินมู่มองไปที่เธอด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น “ไปเที่ยว?”
มู่น่อนน่อนหวีผมหน้าม้าให้กับเธอ ก่อนที่จะจูงมือเธอออกเดินออกไป “ส่งหนูกลับไปที่บ้านคุณพ่อ”
“หึ! ไม่เอา!” เฉินมู่สะบัดแขนของเธอออก ก่อนที่จะกอดแขนของตัวเองไว้แน่น เธอไม่ให้มู่น่อนน่อนจับมือเธอ
น้อยครั้งที่เฉินมู่จะแสดงนิสัยแบบนี้ออกมา มู่น่อนน่อนเลยถามเธออย่างระมัดระวัง “เป็นอะไรไป?”
เฉินมู่บึนปากจนเชิดหน้าไปบนฟ้า ก่อนที่เธอจะพูดด้วยความโมโหว่า “คุณแม่ไม่ได้อยู่ที่นั่น!”
ใจของมู่น่อนน่อนสั่นไหว น้ำเสียงของเธอฟังดูไร้หนทาง “คุณแม่ก็ไปเยี่ยมหนูทุกวันนี่?”
เธอเกลี้ยกล่อมเฉินมู่อยู่พักใหญ่ เฉินมู่เลยยอมกลับไปที่บ้านเฉินถิงเซียว
หลังจากไปส่งเฉินมู่แล้ว ระหว่างทางกลับ มู่น่อนน่อนก็ได้รับโทรศัพท์จ้าเสิ่นเหลียง
เสิ่นเหลียงถ่ายละครอยู่ข้างนอก ส่วนใหญ่เธอจะยุ่งมาก ในช่วงกลางวันเธอแทบจะไม่มีเวลาโทรมาหาเธอเลย
มู่น่อนน่อนถามเธอ “ไม่ถ่ายละครหรอ?”
“ฝนตก ไม่สามารถเริ่มถ่ายทำได้” น้ำเสียงของเสิ่นเหลียงฟังดูเป็นกังวลเล็กน้อย
“เมื่อวานที่เมืองหู้หยางฝนก็ตก ตกหนักมากด้วย แต่ว่าวันนี้ฟ้าสว่างแล้ว” มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่สดใสที่อยู่ข้างนอกหน้าต่าง
“ที่ฉันฝนตกมาหลายวันแล้ว เสื้อผ้าที่ซักไปก็ไม่แห้ง ส่วนเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใส่ก็เปียกหมดเพราะน้องฝนรั่วลงมา นี่ฉันก็เกือบจะไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้ว…”
เสิ่นเหลียงบ่นกับเธออยู่พักใหญ่ สุดท้ายเธอก็พูดว่า “อีกไม่กี่วันฟ้าก็น่าจะสว่างแล้ว”
……
เพราะเสิ่นเหลียงเอาแต่บ่นให้มู่น่อนน่อนฟังว่าที่เธอเอาแต่ฝนตก ต่อจากนั้นไม่กี่วัน มู่น่อนน่อนก็เอาแต่ดูสภาพอากาศในเมืองที่เสิ่นเหลียงไปถ่ายทำ
แต่ท้องฟ้าก็ไม่เปิดสักที หลังจากนั้นไม่กี่วัน เมืองที่เสิ่นเหลียงกำลังถ่ายทำอยู่ก็ฝนตกไม่หยุด ที่สำคัญก็คือฝนตกทั้งวันทั้งคืนแบบไม่มีหยุดเลย
มู่น่อนน่อนโทรไปหาเสิ่นเหลียง เธอก็พูดเพียงแค่ว่ายังไม่ได้เริ่มถ่ายทำ ถ่ายทำได้เพียงแค่ฉากที่มีฝนตกเท่านั้น
มู่น่อนน่อนถามว่า “ในเมื่อถ่ายทำไม่ได้ ทางกองละครไม่ให้วันหยุดพวกเธอหรอ?”
“ผู้กำกับเป็นศิลปินเก่า เขาเป็นคนที่เข้มงวดมาก เขาอยากให้ตัวละครหลักแบบพวกเรารู้จักกันมากขึ้น ก็เลยไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยให้พวกเราหยุดเลย” น้ำเสียงของเสิ่นเหลียงฟังดูเบื่อหน่ายมาก
มู่น่อนน่อนพูด “งั้นเดี๋ยวฉันไปเยี่ยมเธอเอง เธออยากได้อะไรบ้าง เดี๋ยวฉันเอาไปให้เธอเอง”
เสิ่นเหลียงปฏิเสธทันที “อากาศแบบนี้เธอจะมาเยี่ยมทำไมกัน เธอไม่ต้อง…”
“ถ้าเธอไม่พูด ฉันนึกอะไรออกฉันก็จะเอาอันนั้นไปแล้วกันนะ เธอก็รอฉันไปหานั่นแหละ”
มู่น่อนน่อนได้ตัดสินใจแล้ว ว่าจะไปเยี่ยมเสิ่นเหลียง