ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 487 ไม่อยากคุยกับผู้หญิงโง่เขลา
มู่น่อนน่อนมองลี่จิ่วเชียนแล้ว ได้หันไปมองเฉินถิงเซียวอีก
เมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเฉินถิงเซียวล้วนมีสติ ย่อมไม่รู้อยู่แล้วว่า“ความรู้สึก”ที่ลี่จิ่วเชียนพูดคืออะไร
แต่มู่น่อนน่อนกลับรู้ว่า“ความรู้สึก”ที่ลี่จิ่วเชียนพูดคืออะไร
เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่เฉินถิงเซียวบีบมือของเธอจนเจ็บ นาทีนี้เธออาจจะถูกลี่จิ่วเชียนสะกดจิตแล้ว
ความรู้สึกแบบนั้นบอกไม่ค่อยถูก มีอยู่ครู่นึงที่มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ตัวเอง รอบด้านก็เงียบสงัดมาก สีขาว
โพลนไปหมด ไม่รู้จะไปที่ไหน และจะพูดอะไร
ลี่จิ่วเชียนจ้องเฉินถิงเซียวไว้อย่างไม่คลาดสายตา สีหน้าแววตาเคร่งขรึม
เฉินถิงเซียวพิงอยู่บนเก้าอี้ บนตัวมีกลิ่นไอของความเกียจคร้านฟุ้งกระจายอยู่ น้ำเสียงก็เลื่อนลอย:“แต่ผมก็เข้าใจคุณอยู่ เพราะยังไงซะคุณก็เป็นแค่จิตแพทย์ ถึงแม้การสะกดจิตกับจิตวิทยาก็ถือเป็นสายเดียวกัน แต่ถึงยังมันก็ไม่ได้เหมือนกันหมด”
สีหน้าของลี่จิ่วเชียนยังคงค่อนข้างแย่อยู่
เขายกมุมปากขึ้น และยิ้มได้ค่อนข้างฝืนใจมาก:“ทักษาทางวิชาการของผมแย่จริงๆ ขายหน้าแล้วครับ”
แต่ไหนแต่ไรลี่จิ่วเชียนเป็นคนที่สามารถเก็บอาการอยู่ มู่น่อนน่อนเคยเห็นเขาขัดแข้งขัดขาตัวเองอยู่หลายครั้ง และล้วนขัดแข้งขัดขาตัวเองต่อหน้าเฉินถิงเซียว
ความสามารถของเฉินถิงเซียวไม่ใช่คนทั่วไปที่จะสามารถสู้ได้จริงๆด้วย
เฉินถิงเซียวพูดด้วยสีหน้าเย็นชา:“ก็ตลกจริงๆอ่ะนะ”
ผู้ชายคนนี้พูดจาไม่เคยไว้หน้าคนอื่นเลย
มู่น่อนน่อนอดหันไปมองเขาแว๊บนึงไม่ได้
เขาลุกขึ้น มือสองข้างเสียบเข้าไปในกระเป๋ากางเกง สีหน้าไม่สนใจใยดีเลย
“ไปกันเถอะ”เขาพูดกับมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนอึ้งไปครู่นึงแล้วพูดว่า:“คุณไปก่อนเลยค่ะ”
เธอยังมีธุระกับลี่จิ่วเชียนต่อ ต้องถามเรื่องราวให้ชัดเจนก่อนถึงจะกลับ
เฉินถิงเซียวมองเธอแล้วหันไปมองลี่จิ่วเชียน ทันใดนั้นก็ได้หันมานั่งลงอีก:“มีธุระก็พูดเถอะ”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าแววตาที่เฉินถิงเซียวมองเธอ เต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่เชื่อใจ ราวกับว่าเธอจะไปมีอะไรลับลมคมในกับลี่จิ่วเชียนลับหลังเขายังไงอย่างงั้น……
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปาก น้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา:“ถึงจะมีธุระก็เป็นธุระของฉันกับลี่จิ่วเชียน เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?”
ช่วงนี้เธอถือว่าอดทนมากแล้ว เฉินถิงเซียวอาศัยความจำเสื่อมก็ทำกับเธออย่างตามใจชอบงั้นเหรอ
ตอนนี้ยังมาใช้สายตาแบบนี้จ้องมองเธออีก เธอย่อมทนไม่ได้อยู่แล้ว
ทันใดนั้นสีหน้าของเฉินถิงเซียวได้บูดบึ้งขึ้นมาทันที
“ไม่เกี่ยวกับผมงั้นเหรอ?”เฉินถิงเซียวหัวเราะอย่างเย็นชา:“มู่น่อนน่อน แน่จริงคุณพูดอีกรอบซิ?”
มู่น่อนน่อนพูดไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติรอบนึง:“ไม่เกี่ยวกับคุณ”
พูดจบ ยังได้มองเฉินถิงเซียวอย่างท้าทายอีก
ชีวิตก็ต้องกล้าที่จะลองไม่ใช่เหรอ?
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกล้าพูดจายั่วโมโหเขาอีกครั้ง ภายใต้สถานการณ์ที่เขาได้โกรธกริ้วขึ้นมาแล้ว
รู้สึกสะใจนิดๆ
เฉินถิงเซียวมองมู่น่อนน่อนอย่างหน้าเขียวหน้าดำ สีหน้าดูแย่สุดๆ
ลี่จิ่วเชียนส่งเสียงในเวลานี้:“ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ถึงให้คุณเฉินรู้ก็ไม่เป็นไรครับ”
มู่น่อนน่อนหันมามองเขา เขาได้ยกมุมปากขึ้น:“สามปีก่อน น่อนน่อนอยู่ออสเตรเลียกำลังรอคลอดอยู่ มีอยู่คืนนึง คุณเห็นคนกำลังชกต่อยกัน และได้แจ้งตำรวจใช่มั้ย?”
มู่น่อนน่อนฟังคำพูดของเขาจบแล้วมีสีหน้ามึนงง
ลี่จิ่วเชียนเดาว่าเธอคงจะลืมไปแล้ว รอยยิ้มของเขาแฝงด้วยความคาดหวัง:“อย่างไรก็ตามมันก็ผ่านไปนานมากแล้ว คุณจำไม่ได้ก็ปกติครับ แต่ผมขอบคุณๆมาก ตอนนั้นถ้าไม่ใช่คุณแจ้งตำรวจ ตอนนี้ผมคงไม่มีโอกาสมายืนคุยกับคุณอยู่ที่นี่แล้วครับ”
มู่น่อนน่อนเม้มปากแล้วพูด:“ขอโทษค่ะ”
เธอจำไม่ได้แล้วจริงๆ อาจจะเพราะนานมากแล้ว และอาจเพราะเป็นเรื่องเล็กๆที่ไม่คู่ควรแก่การพูดถึง แป๊บเดียวเธอก็ลืมไปแล้ว
แต่ลี่จิ่วเชียนสามารถจำได้ตลอด แถมยังยื่นมือช่วยเหลือเมื่อสามปีก่อน ก็นับได้ว่าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกต่อกันและศีลธรรมคนนึงเลย
เธอนึกถึงตรงนี้ ก็ได้พูดอย่างค่อนข้างทอดถอนใจ:“สามปีก่อนถ้าไม่ใช่คุณช่วยฉันไว้ ตอนนี้ฉันก็ไม่สามารถยืนคุยกับคุณอยู่ที่นี่เหมือนกันค่ะ”
เฉินถิงเซียวที่เงียบกริบมาโดยตลอด จู่ๆกลับได้ลุกขึ้นในเวลานี้ เขาดึงมู่น่อนน่อนไว้แล้วเตรียมจะเดินออกไปเลย
“คุณทำอะไรคะ?ฉันยังพูดไม่จบเลย!”มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวเป็นอะไรไปอีก คิดจะทำอะไรก็ทำเหมือนเด็กคนนึงเลย
เธอพยายามลองขัดขืนดู พบว่าขัดขืนออกจากมือของเฉินถิงเซียวไม่ได้เลย
เขาจับไว้แน่นเกิน
หลังจากเฉินถิงเซียวดึงเธอขึ้นมา ก็ได้พูดกับลี่จิ่วเชียนว่า:“ถึงแม้รู้ว่าคุณลี่ยังโสดอยู่ แต่ก็รบกวนคุณลี่เข้าใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ด้วย ลูกอยู่บ้านคนเดียว คนเป็นพ่อเป็นแม่จะกังวลใจมาก วันนี้ก็ไม่พูดคุยกับคุณลี่แล้ว”
“ผมเข้าใจได้อยู่แล้ว”ลี่จิ่วเชียนยิ้มให้กับมู่น่อนน่อนแล้วพูดว่า:“น่อนน่อน เดี๋ยวเจอกันใหม่นะครับ”
“บ๊าย……”
คำว่า“บาย”ยังไม่ได้พูดออกมา มู่น่อนน่อนก็ถูกเฉินถิงเซียวดึงตัวไว้และเดินออกไปอย่างไวแล้ว
ออกมาจากคลินิกจิตวิทยาของลี่จิ่วเชียน มู่น่อนน่อนได้สลัดมือของเฉินถิงเซียวออกทันที เธอเปิดประตูเองแล้วนั่งเข้าไป จากนั้นได้ปิดประตูแรงจนเสียงดังสนั่น
“เฉินถิงเซียว คุณนี่ปัญญาอ่อนหรือเปล่า?”
มู่น่อนน่อนยื่นมือกำผมตัวเองอย่างหงุดหงิดแล้วพูด:“ฉันไม่รู้ทำไมคุณถึงไม่ชอบหน้าลี่จิ่วเชียน แต่เขาเป็นผู้มีพระคุณของฉัน ฉันไม่มีทางไม่คุยกับเขา ไม่เจอหน้าเขา เพียงเพราะคุณไม่พอใจหรอกนะ ยิ่งไปกว่านั้นเราสองคนก็ไม่เคยมีพฤติกรรมที่เกินเลยด้วย!”
“คุณช่วยเขาครั้งนึง เขาช่วยคุณครั้งนึง คุณสองคนก็แจ๊วกันพอดี ในเมื่อแจ๊วกันแล้ว ทำไมยังต้องเจอหน้ากันอีก?”เฉินถิงเซียวพูดไปด้วยพร้อมสตาร์ทรถไปด้วย น้ำเสียงเย็นชาจนไม่มีเยื่อใยเลยสักนิด
มู่น่อนน่อนมองเขาอย่างเหลือเชื่อ:“เฉินถิงเซียว!เมื่อก่อนคุณไม่ใช่คนที่เลือดเย็นขนาดนี้นะ!”
เฉินถิงเซียวหัวเราะอย่างเย็นชา:“เมื่อก่อนคุณก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่โง่เขลาแบบนี้เหมือนกัน!”
มู่น่อนน่อนหรี่ตาไว้เล็กน้อยพร้อมถามเขาว่า:“คุณไม่มีความทรงจำของช่วงที่อยู่กับฉัน คุณรู้ได้ยังไงว่าเมื่อก่อนฉันเป็นคนยังไง?”
พริบตาเดียวในรถได้เงียบสงบลงมาทันที เหลือแค่เสียงลมหายใจของทั้งสองที่สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
มือที่เฉินถิงเซียวจับพวงมาลัยไว้อดกำแน่นไม่ได้ ตรงข้อนิ้วมือขาวซีดเล็กน้อย กรามได้ตึงเอาไว้ ริมฝีปากสวยเม้มเป็นเส้นตรง
น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนค่อนข้างยกตนข่มท่าน:“ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ?”
สักพัก เสียงแหบพร่าเล็กน้อยของเฉินถิงเซียวได้ดังขึ้น:“ไม่อยากคุยกับผู้หญิงโง่เขลา”
“งั้นก็กล้ำกลืนคุณจริงๆที่กินกับข้าวที่ผู้หญิงโง่เขลาทำทุกวัน แถมยังมีลูกกับผู้หญิงโง่เขลาด้วย”มู่น่อนน่อนยังคงจ้องเขาไว้ แถมน้ำเสียงยังเย็นชาสุดๆ
“มู่น่อนน่อน!”เฉินถิงเซียวเหยียบเบรคด้วยความโกรธ!
เสียงที่เบรคกะทันหันแสบแก้วหูมาก
มู่น่อนน่อนมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย:“เฉินถิงเซียว คุณจำได้หมดแล้วใช่มั้ย?ฉันอยู่ในใจคุณดูโง่แค่ไหน สองวันนี้คุณแสดงออกมาชัดเจนขนาดนี้ คุณนึกว่าฉันยังดูไม่ออกหรือไง?ใช่ ฉันไม่ฉลาดเท่าคุณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่มีสมองนะ!”
“ถ้าคุณมีสมอง ก็ไม่เห็นว่าลี่จิ่วเชียนคือผู้มีพระคุณมาโดยตลอดแล้ว?”น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอเลย:“เขาจงใจช่วยชีวิตคุณตัดหน้ากู้จือหยั่น คุณยังดูไม่ออกหรือไง?”
มู่น่อนน่อนไม่ยอมถอยเลยสักนิด:“ถึงจะอย่างนี้แล้วจะทำไม?เขาก็ยังได้ช่วยฉันไว้อยู่ดี ถึงฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาลมาสามปี เป็นเจ้าหญิงนิทรามาสามปี เขายังคงไม่ละทิ้งฉัน แค่จุดนี้ ไม่ว่าเขาจะมีจุดประสงค์อะไร เขาก็คือผู้มีพระคุณของฉันอยู่ดี ฉันติดค้างเขา!คุณคิดว่า……อืมมมมมมม……”
มู่น่อนน่อนยังพูดไม่จบก็ถูกคนอุดปากไว้แล้ว
เธออึ้งค้างและเบิกตากว้าง
ตรงหน้าคือใบหน้าหล่อเหลาที่ขยายใหญ่ของเฉินถิงเซียว เขาหลุบตาไว้เล็กน้อย มองอารมณ์ในแววตาไม่ชัด
เฉินถิงเซียวใช้มือข้างเดียวดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด มือข้างนึงโอบเอวเธอไว้ มืออีกข้างจับคางของเธอไว้ จูบได้ทั้งหนักและโหด
มู่น่อนน่อนได้ลิ้มลองถึงรสชาติของกลิ่นคาวเลือด ก็รู้เลยว่าริมฝีปากตัวเองถูกเขากัดจนถลอกอีกแล้ว