ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 493 ตอแหล!
ไม่รอให้เฉินถิงเซียวพูดออกมา กู้จือหยั่นก็ได้พูดไกล่เกลี่ยออกมาอย่างยิ้มระรื่น “ฉันไปทำธุระที่นั่นเลยบังเอิญเจอถิงเซียว แล้วก็ได้รู้ว่าเสิ่นเสี่ยวเหลียงกับเธอมากินข้าวกันที่นี่ เลยลากถิงเซียวมาด้วย”
“อืม” เฉินถิงเซียวยอมรับคำอธิบายของกู้จือหยั่นออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
มู่น่อนน่อนมองกู้จือหยั่นไปเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม
กู้จือหยั่นส่งสายตา “อย่าเปิดโปง” มาให้เธอ
เขาไหนเลยจะวิ่งแจ้นไปทำธุระที่บริษัทเฉินซื่อโดยที่ไม่มีธุระอะไร เป็นเฉินถิงเซียวที่เป็นฝ่ายโทรมาหาเขาเอง บอกว่าอยากจะนัดเขากินข้าว แต่ผลสุดท้ายเฉินถิงเซียวก็พาเขามาที่นี่
ส่วนเฉินถิงเซียวรู้ได้ยังไงว่ามู่น่อนน่อนพวกเธออยู่ที่นี่นั้น…
กู้จือหยั่นเองก็ไม่ได้ถามออกไปให้มากมาย สามารถมากินข้าวด้วยกันกับเสิ่นเสี่ยวเหลียงสักมื้อนึง เขาก็รู้สึกว่าตัวเองได้กำไรแล้ว
เฉินมู่ที่อยู่ข้างๆยื่นตุ๊กตาไม้ตัวหนึ่งที่อยู่ในมือยื่นไปให้เฉินถิงเซียวดูด้วยความตื่นเต้นดีใจ “คุณพ่อ ตุ๊กตา!”
นั่นเป็นตุ๊กตาที่เสิ่นเหลียงเพิ่งให้เธอมาเมื่อกี้นี้ ตุ๊กตาไม้ตัวหนึ่ง ร้องเพลงได้ งานหัตถกรรมที่เรียบง่ายมาก สำหรับผู้ใหญ่แล้วไม่ได้มีแรงดึงดูดอะไรเลย แต่เด็กน้อยนั้นคิดว่ามันแปลกใหม่
เฉินถิงเซียวถามเธอ “ใครให้?”
เฉินมู่ชี้ไปที่เสิ่นเหลียงเล็กน้อย เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มระรื่น “คุณน้าเสิ่นให้หนูมา”
เสิ่นเหลียงยิ้มแล้วแตะหัวของเฉินมู่ไปเบาๆ
พนักงานรินน้ำเสร็จแล้วก็ถามออกมา “ไม่ทราบว่าต้องการจะสั่งอาหารตอนนี้เลยมั้ยคะ?”
มู่น่อนน่อนเอ่ยออกมา “สั่งตอนนี้เลยเถอะ”
เธอพาเฉินมู่ออกมาค่อนข้างที่จะเช้านิดนึง คุยกับเสิ่นเหลียงเสียนานจนไม่ได้ตระหนักถึงเวลาเลย
ตอนนี้ได้ถึงเวลาอาหารเที่ยงไปแล้ว กู้จือหยั่นกับเฉินถิงเซียวมาแล้ว แน่นอนว่าจะต้องสั่งอาหารกันก่อน
พนักงานหยิบเมนูอาหารมา เฉินถิงเซียวก็ได้ดันเข้าไปตรงหน้ามู่น่อนน่อนไปทันที
มู่น่อนน่อนดันกลับไป “คุณสั่งก็พอแล้ว”
เสิ่นเหลียงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเธอ มองทั้งหมดนี้อยู่ในสายตา เมื่อกี้เธอกับมู่น่อนน่อนเพียงแค่คุยกันเรื่องดินโคลนถล่มที่ในภูเขาเท่านั้น ยังไม่ได้พูดถึงเฉินถิงเซียวเลย
เห็นพฤติกรรมที่ทั้งสองคนดันเมนูอาหารกันไปในตอนนี้ เหมือนกับว่าจะค่อนข้างที่จะซับซ้อนเลย
เสิ่นเหลียงเตะกู้จือหยั่นไปทีนึงที่ใต้โต๊ะไปเงียบๆ
กู้จือหยั่นหันหน้ามองไปทางเสิ่นเหลียงด้วยใบหน้าที่อธิบายไม่ถูกออกมา เสิ่นเหลียงเชิดคางขึ้น ส่งสัญญาณให้เขามองเฉินถิงเซียว
กู้จือหยั่นส่ายหน้าออกมาเล็กน้อย เขาไม่ค่อยรู้ชัดเจนต่อเรื่องของเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนเท่าไหร่นักเหมือนกัน
เฉินถิงเซียวมองมู่น่อนน่อนไปแวบนึง แต่ก็ไม่ได้ดันเมนูอาหารกลับไปอีก แล้วได้เปิดเมนูขึ้นมาแล้วเริ่มสั่งอาหาร
หลังจากที่สั่งไปสองสามอย่างแล้ว ก็ได้ส่งเมนูอาหารไปให้กู้จือหยั่นอีกที
รอจนถึงตอนที่อาหารมาเสิร์ฟ มู่น่อนน่อนพบว่าในนั้นครึ่งนึงเป็นอาหารที่เธอชอบกินทั้งนั้นเลย
ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด นั่นเป็นอาหารที่เฉินถิงเซียวสั่งให้เธอ
เฉินถิงเซียวในตอนนี้ได้ฟื้นความทรงจำกลับมามากขึ้นหน่อยนึงแล้ว เขาสามารถจำอาหารที่มู่น่อนน่อนชอบกินได้ ไม่นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากเลยเช่นกัน
ตอนที่กินข้าว สายตาของเสิ่นเหลียงได้มองวกไปมาที่บนร่างของทั้งสองคนนี้ไปเป็นครั้งคราว
เธอพบว่าเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนทั้งสองคนมองไปแล้วดูสนิทสนมกันกว่าเมื่อก่อนอยู่หน่อยนึง แต่ก็ยังแผ่ความไม่คุ้นเคยกันออกมาอีก
หลังจากที่กินข้าวกันแล้ว เฉินถิงเซียวได้เป็นฝ่ายเสนอออกมาเองว่าจะไปส่งมู่น่อนน่อนกับเฉินมู่กลับบ้านเอง
“ฉันไปส่งพวกเธอ”
“ฉันขับรถมาเอง”
แต่เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ฝืนบังคับออกไปมากเกินไปเช่นกัน เพียงแค่กำชับไปว่าให้เธอขับรถอย่างระมัดระวัง แล้วก็กลับบริษัทไป
แน่นอนว่ากู้จือหยั่นจะต้องไปด้วยกันกับเขาด้วย
“เธอกับบอสใหญ่ ผ่านเรื่องครั้งนี้ไป ก็คงจะมีอันนั้นอยู่บ้างแล้วใช่มั้ย?” เสิ่นเหลียงพูด แล้วยังขยิบตาออกมา แล้วส่งสายตา “เธอเข้าใจดี” ไปให้มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนไม่เข้าใจ “อันนั้น?”
“อันนั้นไง!” เสิ่นเหลียงเห็นมู่น่อนน่อนยังมีใบหน้างงงวยออกมา จึงพูดเสริมออกมาประโยคนึง “ก็คือดึงระยะห่างเข้ามา เกิดความรู้สึกดีๆให้กันและกัน…ไม่สิ พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ยังไงก็ตามคือเธอรู้สึกมั้ยว่าเขามีความสนิทสนมอะไรจำพวกนั้นกับเธอ?”
มู่น่อนน่อนครุ่นคิดอยู่สักพักนึง จากนั้นก็พยักหน้าออกมาเล็กน้อย “มีมั้ง ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ร่วมกันกับฉัน”
“พักอยู่ร่วมกันกับเธอ? ตามที่ฉันเข้าใจคือหมายความว่าเขาย้ายไปอยู่กับเธอใช่มั้ย?”
เสิ่นเหลียงสมกับที่เป็นนักแสดงคนหนึ่ง ความเข้าใจในเนื้อหาการอ่านทำได้ยอดเยี่ยมมาก
“ใช่”
ได้รับคำยืนยันจากมู่น่อนน่อน เสิ่นเหลียงก็ช็อกค้างไปหมด “ตอนนี้พวกเธอกลับมาคืนดีกันแล้ว?”
กลับมาคืนดีกันเหรอ?
อันที่จริงก็ไม่นับว่าเป็นอย่างนั้นหรอก
มู่น่อนน่อนส่ายหน้าออกมา “เปล่า”
“ฉันได้ยินกู้จือหยั่นบอกมา ตอนที่อยู่ที่ในภูเขา บอสใหญ่เป็นคนเดียวที่เสี่ยงชีวิตไปตามหาเธอเลยนะ เธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยงั้นเหรอ? ถึงแม้ว่าเขาจะไร้หนทางที่จะฟื้นความทรงจำกลับมาได้ แต่เขาก็รู้เรื่องในอดีตทั้งหมดนะ อีกทั้งยังแคร์เธอด้วยเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเขาจะนึกขึ้นมาไม่ได้ตลอดไปเลย แต่พวกเธอก็สามารถสร้างความทรงจำกันขึ้นมาใหม่อีกไม่ใช่หรือไง…”
เสิ่นเหลียงยังคงพูดต่อออกมา แต่ความคิดของมู่น่อนน่อนมันได้ล่องลอยไปไกลแล้ว
เธอรู้ว่าคำพูดของเสิ่นเหลียงมันมีเหตุผลที่แน่นอนด้วยเหมือนกัน
สองวันนี้เธอก็ได้คิดเรื่องพวกนี้อยู่ซ้ำๆเหมือนกัน
เฉินถิงเซียวยังคงเป็นเฉินถิงเซียวคนนั้น ทำไมเธอถึงคิดว่าไม่เหมือนกันล่ะ?
เมื่อก่อนหน้านี้เธอคิดอยู่เสมอว่าเฉินถิงเซียวสามารถฟื้นความทรงจำกลับมาได้ พวกเขาจะสามารถย้อนกลับไปเมื่อครั้งวันวานได้
แต่ว่าความทรงจำในตอนนี้ของเฉินถิงเซียวได้เพิ่มเยอะขึ้นมาบ้างแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?
เสิ่นเหลียงเห็นมู่น่อนน่อนได้ยินคำพูดของตนแล้วก็ไม่มีการตอบสนองกลับมาเลย จึงถามออกไปเลยว่า “เธอพูดมาตรงๆเลยเถอะ ในใจของเธอตกลงแล้วกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ลังเลอะไร?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่คิดว่าเฉินถิงเซียวยังคงเป็นเขาอยู่ และก็ไม่ใช่เขาด้วยเหมือนกัน ตอนนี้ฉันยังทำเหมือนอย่างเมื่อก่อนอย่างนั้นไม่ได้…”
ไม่รอให้มู่น่อนน่อนพูดจบ เสิ่นเหลียงก็ชำเลืองมองเธอ พลางเอ่ยออกมาด้วยความไม่ชอบใจ “ตอแหล! เธอลองคิดเรื่องเมื่อสามปีก่อนดู แล้วลองมองดูตอนนี้อีกที พวกเธอทั้งสองคนต่างก็ยังมีชีวิตดีๆกันอยู่ทั้งคู่ แล้วก็ยังมีมู่มู่ลูกสาวที่น่ารักเสียขนาดนั้นอยู่ เธอยังมีอะไรที่ไม่พอใจอีก?”
มู่หมิงหน่วนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ฟังคำพูดของเสิ่นเหลียงเข้าไป
คนในตอนที่ครอบครองไปจนเยอะแล้ว มักจะคิดมากกว่าเดิมอยู่เสมอ
ในตอนเริ่มแรกสุด เฉินถิงเซียวในตอนที่เห็นเธอก็เหมือนกับเห็นคนแปลกหน้า มู่น่อนน่อนคิดเพียงแค่กลับไปยังวันวาน
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ของเฉินถิงเซียวมันค่อยๆดีขึ้นมาช้าๆ แต่เธอกลับคิดมากกว่าเดิมขึ้นมาอีกแทน
เฉินมู่ที่อยู่ข้างๆคอยฟังพวกเธอพูดอยู่ตลอด ตอนนี้จู่ๆก็ได้พูดเข้ามาประโยคหนึ่ง “ตอแหล”
มู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงหันหน้าไปมองเธออย่างพร้อมเพรียงกัน
เฉินมู่ยกนิ้วขาวนุ่มนิ่มของตัวเองขึ้นมา ใบหน้าแสดงความงงงวยออกมา
เธอเพียงแค่พูดตามเสิ่นเหลียงเท่านั้นเอง ไม่รู้เลยสักนิดเดียวว่าตอแหลมันหมายความว่าอะไร
เสิ่นเหลียงแหย่เธอเล่น “ใครตอแหลกัน?”
เฉินมู่มองเสิ่นเหลียงไปเล็กน้อย แล้วก็ได้มองมู่น่อนน่อนไปอีกที จากนั้นก็พูดเสียงดังฟังชัดออกมา “คุณพ่อ”
“ฮ่าๆๆ!”
เสิ่นเหลียงหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างไม่มีเกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว หัวเราะออกมาจนตัวงอไปหมด ตบโต๊ะแทบจะหัวเราะจนร้องไห้ออกมา “น่อนน่อน นิสัยของมู่มู่ได้เธอมาเลยนะ ขี้กลัวขนาดนี้เลย สัญชาตญาณการเอาตัวรอดเก่งสุดยอดไปเลยฮ่าๆๆ!”
มู่น่อนน่อนฉีกมุมปากออกมา หน่ายใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย “เสี่ยวเหลียง ภาพลักษณ์ไอดอลของเธอล่ะ ไม่กลัวว่าจะถูกปาปารัซซี่ถ่ายเข้าเหรอ?”
“ไม่กลัว…ฮ่าๆๆๆ!” เสิ่นเหลียงพูดออกมาสองคำ แล้วก็ได้หัวเราะออกมาต่อ
มู่น่อนน่อนจำต้องหันไปมองเฉินมู่ “รู้ว่าตอแหลหมายความว่าอะไรเหรอ?”
เฉินมู่ส่ายหน้าออกมาอย่างซื่อตรง “ไม่รู้ค่ะ”
แน่นอนว่าเธอไม่รู้อยู่แล้วว่าตอแหลมันหมายความว่าอะไร
มู่น่อนน่อนแตะหัวเธอไปเบาๆ “อย่าว่าคุณพ่ออย่างนี้”
ความสามารถทางการเรียนรู้ของเด็กน้อยสุดยอดเกินไป ผู้ใหญ่พูดอะไรออกไปนิดหน่อยก็สามารถจำได้แล้ว เธอกลัวจริงๆเลยว่าเย็นนี้เฉินถิงเซียวกลับบ้านมา เฉินมู่จะพูดออกมาต่อหน้าเฉินถิงเซียว…