ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 504 แกต้องคอยสอดส่องเขาด้วย!
เฉินถิงเซียวทำเป็นหูทวนลมไม่ยอมฟังคำพูดของสือเย่สักนิด
เขาเอนหลังพิง พร้อมทั้งพูดออกมาตามปกติ “งั้นนายพูดออกมาสิ จุดประสงค์อะไรกันที่ทำให้เขาดูแลมู่น่อนน่อนมาสามปีเต็ม แถมยังเรียกตัวเองเป็นว่าที่สามีของมู่น่อนน่อนอีก อีกทั้งตอนอยู่บนเขานั้น เขาก็สามารถหาตัวผมกับมู่น่อนน่อนได้ทันที ส่วนเรื่องจุดประสงค์นั้น…”
เขาหยุดและครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็หัวเราะแห้งออกมา “หึ!”
ทั้ง ๆ ที่เห็นอยู่แล้วว่าคิดไม่ซื่อกับมู่น่อนน่อน ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเฉินถิงเซียวแล้ว คงไม่ต้องไปเอ่ยถึงจุดประสงค์อื่นอีกแล้ว
สือเย่ถอนหายใจทันที และก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
เฉินถิงเซียวคิดอะไรได้ พลันช้อนตามองมาทางสือเย่ “ช่วงนี้เจอคนคอยสะกดรอยตามมู่น่อนน่อนไหม?”
“ไม่มีครับ” สือเย่ส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน
เฉินถิงเซียวหลุบตาลงและไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ สักพัก ถึงได้พูดออกมาหนึ่งประโยค “จับตาดูทางฝั่งลี่จิ่วเชียนไว้ให้ดี”
ตอนแรก ลี่จิ่วเชียนหาที่พักของเขากับมู่น่อนน่อนเจอได้ตั้งแต่แรก นั่นก็หมายความว่า ลี่จิ่วเชียนได้ให้คนจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของมู่น่อนน่อนทุกอย่าง ไม่งั้นก็ไม่สามารถรับรู้ร่องรอยของมู่น่อนน่อนได้อย่างแม่นยำขนาดนั้น
หลังจากกลับมาจากเมืองหู้หยางแล้ว เขาก็ให้คนคอยปกป้องมู่น่อนน่อนอยู่แบบลับ ๆ แต่ทางฝั่งของลี่จิ่วเชียนกลับเงียบสนิทไม่มีการเคลื่อนไหวสักนิด
หลายปีที่ผ่านมานี้ ลี่จิ่วเชียนถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ฉลาดที่สุดเท่าที่พวกเขาเจอมา
เขารู้ว่าตอนที่ยังตรวจสอบฐานะของลี่จิ่วเชียนกับจุดประสงค์ไม่ได้นั้น ลี่จิ่วเชียนกลับแสดงท่าทางเป็นห่วงเป็นใยมู่น่อนน่อนอยู่มาก
แถมมู่น่อนน่อนยัง…
เฉินถิงเซียวหงุดหงิดพลันยื่นมือออกมานวดบริเวณหัวคิ้วทันที น้ำเสียงแสดงความเหนื่อยล้าออกมาเล็กน้อย “นายกลับบ้านเถอะ”
สือเย่ที่จิตใจจดจ่ออยู่กับการกลับบ้าน ทว่าเมื่อเห็นท่าทางเฉินถิงเซียวในแบบนี้แล้วนั้น เขาก็อดใจไม่ไหว “คุณชาย ผมจะกินข้าวเป็นเพื่อนคุณชายนะ”
“อย่าพูดมาก”
สือเย่ไม่กล้าพูดอะไรมาก จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที
ก่อนที่เขาจะกลับไปนั้น ยังเดินพะวงหน้าพะวงหลังเหลือบมองเฉินถิงเซียวอย่างไม่วางใจ
……
วันศุกร์ใกล้มาถึงเข้าไปทุกที
หลายวันก่อน มู่น่อนน่อนยังไม่ค่อยออกจากบ้านสักเท่าไหร่ เมื่อเขียนบทเสร็จก็ส่งให้ฉินสุ่ยซานดูทันที เมื่อมีเรื่องต้องคุยกันก็วิดีโอคอลทันที
ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยใหม่
“คืนนี้แกมางานเลี้ยงจริงๆ เหรอ? ฉันพาแกเข้าไปได้นะ”
หลายวันมานี้ฉินสุ่ยซานคุยงานจบ ปกติแล้วก็จะไม่พูดประโยคตามหลังเลย
“ฉันไม่ไปจริงๆ” มู่น่อนน่อนเองก็ไม่รู้ว่าทำไมฉินสุ่ยซานถึงได้ดื้อดึงกับเรื่องนี้ได้
“โอเค ถ้าแกเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน ก็โทรศัพท์มาหาฉันทันที” ฉินสุ่ยซานเห็นว่าเธอยังยืนกรานปฏิเสธ เลยไม่อยากฝืนเธอ
“ตกลง”
หลังจากกดวางวิดีโอคอลแล้ว มู่น่อนน่อนก็หยิบโทรศัพท์มา แต่ก็ไม่มีสายที่ไม่ได้รับสาย และไม่มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านเลย
นี่เฉินถิงเซียวช่างเก็บอารมณ์ไว้ได้จริงๆ นี่มันสามวันเต็มแล้ว เฉินถิงเซียวยังไม่ยอมติดต่อมาหาเธอเลย
ถ้าพูดว่าตอนที่เธอเพิ่งจะทะเลาะกับเฉินถิงเซียวนั้น มันก็แค่โมโหเล็กน้อยเท่านั้นเอง แต่หลังจากระเบิดอารมณ์ออกมาและผ่านไปสามวันแล้ว มู่น่อนน่อนก็โกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว
ถึงขั้นเฉินถิงเซียวไม่ยอมเป็นคนติดต่อเธอเองเลย งั้นก็ดูกันว่าทั้งสองคนใครจะเก็บอารมณ์ได้มากกว่ากัน
มู่น่อนน่อนที่ในมือถือโทรศัพท์อยู่จนหลุดภวังค์ไป จู่ ๆ โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา
เธอใจเต้นทันที คิดว่าเฉินถิงเซียวโทรศัพท์เข้ามาหา พลันก้มหน้ามอง แต่กลับเป็นเสิ่นเหลียงโทรเข้ามาหาแทน
เธอกดรับสายทันที เสิ่นเหลียงจึงเอ่ยปากถามเธอ “ออกมาทำผมเร็ว ชุดราตรีที่จะออกงานเลี้ยงเลือกเอาไว้แล้วหรือยัง?”
เรื่องงานเลี้ยงที่เฉินถิงเซียวจัดขึ้น เหมือนว่าลือกระฉ่อนไปทั่วเมืองหู้หยางแล้ว
ส่วนเฉินถิงเซียวอาศัยปลุกกระแสเฉินชิงเฟิงในการจัดงานเลี้ยงฉลอง และไม่ได้ตั้งกฎอะไรขึ้นมา ขอแค่คนมีหน้ามีตาในเมืองหู้หยางก็สามารถเข้าร่วมงานได้
ส่วนคนในวงการบันเทิงเช่นเสิ่นเหลียงแล้ว มีคนไปร่วมงานจำนวนไม่น้อย
น้ำเสียงของเสิ่นเหลียงฟังดูตื่นเต้น แม้ว่ามู่น่อนน่อนไม่อยากขัดขวางความสุขของเธอ แต่ก็ต้องพูดออกไปตรงๆ “ฉันน่าจะไม่ไป”
เวลานี้เสิ่นเหลียงจับพิรุธได้เป็นพิเศษ
“นี่แกทะเลาะกับท่านประธานงั้นเหรอ?”
“น่าจะใช่มั้ง”
“ทะเลาะกัน งั้นแกก็ต้องไปงานเลี้ยงแล้วแหละ! ฉันว่านะ มีผู้หญิงสวยมากหน้าหลายตายขนาดนั้นอยู่ในงาน แถมยังจะอาศัยลูกแกเพื่อทอดสะพานมาหาพ่อของลูกแกนั่นแหละ เรื่องทะเลาะกันก็ทะเลาะกันไป ต้องแยกแยะให้ออกว่าต้นเหตุเป็นยังไง? แกต้องคอยสอดส่องเขาไว้ด้วย!”
มู่น่อนน่อนไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเชื่อมั่นในตัวของเฉินถิงเซียวมากเกินไปแล้ว
เฉินถิงเซียวเป็นคนเย่อหยิ่งขนาดนั้น คนที่เขาไม่ชอบ อย่าพูดเลยว่าจะเอาเต้าไต่ปีนขึ้นเตียงเขา ขนาดก็อยู่ใกล้ๆ ใครยังทำไม่ได้เลย
“งั้นก็เอาตามนี้นะ อีกเดี๋ยวไปเลือกชุดราตรีแล้วก็ไปทำผมกัน!”
เสิ่นเหลียงพูดตัดบทอย่างรวบรัด และวางสายทันที
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เสิ่นเหลียงก็มาเคาะประตูบ้านของมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนไม่คิดเลยว่าเธอจะมาเร็วถึงเพียงนี้ พอเปิดประตูออกไปดู พลันพูดออกมาด้วยความตกใจทันที “เร็วขนาดนี้เชียว?”
“อยู่แถวนี้พอดีเลย” เสิ่นเหลียงรอบเส้นผมที่มุดเข้าไปอยู่ในคอเสื้อ พร้อมทั้งโบกมือทันที “อย่ายืนขวางทางสิ หลีกหน่อย”
“อะไรนะ?” มู่น่อนน่อนแปลกใจอยู่บ้าง แต่ยังคงหลบไปทางด้านข้างให้
มู่น่อนน่อนเขยิบไปทางด้านข้าง เสิ่นเหลียงหันตัวกลับและพูดกับคนที่อยู่ด้านหลัง “เข้ามาสิ”
เสิ่นเหลียงพูดจบ ก็เดินเข้ามาด้านในทันที
ด้านหลังของเธอมีดีไซเนอร์และทีมช่างแต่งหน้าอีกกลุ่มหนึ่ง แถมยังเอาชุดราตรีมาให้เธอเลือกสรรอีกด้วย
มู่น่อนน่อนถามเธอ “นี่แกคิดจะทำอะไรเนี่ย?”
“ก็เลือกชุดราตรีและก็แต่งหน้าไปด้วยเลย เสร็จแล้วก็ไปงานเลี้ยงเลย” เสิ่นเหลียงคลี่ยิ้มเป็นรูปครึ่งเสี้ยว และเป็นรอยยิ้มบางของมาตรฐานหญิงสาว
มู่น่อนน่อนที่ไม่อยากไปร่วมงานเลี้ยงอยู่แล้ว ทว่าเสิ่นเหลียงนั้นได้ลงทุนใช้ความคิด แถมยังเอาชุดราตรีที่สวยมากมาด้วย
ผู้หญิงไม่มีภูมิต้านทานกับเสื้อผ้าอันสวยงามตามสวรรค์ลิขิตอยู่แล้ว แถมจับแต่งหน้าทำผมสักหน่อย แล้วก็อยากออกไปเดินโชว์ความสวยงามข้างนอกแล้ว
หลายวันมานี้เธอไม่ค่อยออกจากบ้าน อยู่บ้านก็แสนจะเบื่อเต็มที
ช่างทำผมกับดีไซเนอร์ต่างเป็นคนในทีมของเสิ่นเหลียง ค่อนข้างเชื่อถือได้มาก
“เลือกชุดราตรีก่อนเลย” เสิ่นเหลียงพามู่น่อนน่อนมาเลือกชุดราตรี พลันใช้สายตามองสำรวจรอบบ้าน “มู่มู่ล่ะ?”
“หลับอยู่ เธอนอนกลางวันยาว” ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงเย็นเอง บางครั้งเฉินมู่ก็นอนยาวไปถึงเย็น
เมื่อเอ่ยถึงเฉินมู่ มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันพามู่มู่ไปงานเลี้ยงไม่ได้นะ ตอนนี้ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยเรื่องมู่มู่”
เสิ่นเหลียงได้ยินตามนั้น ถึงกลับตะลึงทันที และออกปากถามกลับ “งั้นทำยังไงดี? หรือว่าให้เอาไปส่งที่ท่านประธานโดยตรงเลย ในวิลล่าก็มีบ่าวไพร่ตั้งเยอะแยะ”
“ไม่ได้ ตอนนี้ฉันทะเลาะกับเขาอยู่ ถ้าฉันเอาตัวมู่มู่ไปส่งคืน เขาคงคิดว่าฉันแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นนะสิ” งานเลี้ยงใช่ว่าจำเป็นต้องไปนี่ เธอเป็นคนดูแลมู่มู่เองไม่มีวันจะเอาตัวมู่มู่ไปส่งคืนทางเฉินถิงเซียวนั้นแน่
เพื่อลูก เลือกที่ยอมทิ้งสิ่งของบางอย่าง นี่เป็นบทเรียนที่คนพ่อเป็นแม่ที่ไม่สามารถลดละไปได้อีกบทหนึ่ง
เสิ่นเหลียงได้ยินแล้วก็รู้สึกว่ามีหลักการ แถมเวลานั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะจัดการอย่างไรดี
จังหวะนั้นเอง แววตาของเสิ่นเหลียงก็ทอประกายทันที “ฉันคิดออกแล้ว ให้กู้จือหยั่นเป็นคนดูแลเฉินมู่แทนสิ ส่วนพวกเราสองคนก็ไปงานเลี้ยงกันไง!”
“กู้จือหยั่น?” มู่น่อนน่อนถึงกับสะอึกทันที “เขาจะไหวไหมเนี่ย?”
แม้ว่ากู้จือหยั่นจะรู้จักเอาอกเอาใจเด็กก็ตาม แต่ว่าเขาเป็นผู้ชายตัวโต มู่น่อนน่อนไม่ไว้ใจว่าเขาจะดูและสาวน้อยเป็นอย่างดี