ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 510 แค่เหตุผลเดียว...เอง
มู่น่อนน่อนตั้งสติได้แล้ว ก็ได้ยินประโยคนี้ของลี่จิ่วเชียนพอดี
เธอเหลือบมองเสิ่นเหลียง และเหลือบมองลี่จิ่วเชียนอีกครั้ง พร้อมถามกลับ “อะไรที่เรียกว่าถูกบ้างผิดบ้าง?”
ลี่จิ่วเชียนยิ้มตอบ “เมื่อครู่คุณเสิ่นถามผม ว่าผมสามารถมองออกว่าคนคนนั้นคิดอะไรในใจ จากพฤติกรรมของคนอื่นกับความรู้สึกว่าใช่หรือไม่ใช่”
มู่น่อนน่อนได้ยินแล้วพยักหน้า และถามกลับ “ได้ด้วยเหรอ?”
ลี่จิ่วเชียนจ้องมองมู่น่อนน่อนอยู่ชั่วครู่จากนั้นถึงได้พูดกับ “ในเชิงทฤษฎีแล้ว สามารถทำได้”
“งั้นคุณลองมองน่อนน่อนดูสิว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่?” เสิ่นเหลียงเกิดความสนใจขึ้นมาแล้ว
ในฐานะนักแสดงคนหนึ่ง สิ่งต้องทำคือการเอาคนที่มีชีวิตอยู่ในกระดาษสร้างให้เป็นตัวเป็นตนขึ้นมา เพื่อเสนอให้สู่สายตาของผู้คนอย่างสะดุดตา
นักจิตวิทยามองผ่านแววตา วิเคราะห์พฤติกรรมการกระทำ พร้อมทั้งวิเคราะห์จิตใจของคนอื่นออกมา
ส่วนนักแสดงนั้น จำเป็นต้องแสดงพฤติกรรมบางอย่างรวมถึงแววตาด้วย เพื่อเป็นการแสดงออกสิ่งที่อยู่ในใจของคนคนนี้
ในบางความหมายอื่นนั้น นี่ก็เป็นความหมายลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน
มู่น่อนน่อนเป็นคนเขียนบท ไม่ต้องพูดอะไรมาก ย่อมสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ลี่จิ่วเชียนเห็นสองสาวต่างสนใจถึงเพียงนี้ พลันเอาแก้วไวน์ในมือวางลงทันที เพื่อวิเคราะห์มู่น่อนน่อนอยู่สักพัก พลันพูดว่า “ท่านั่งของน่อนน่อนคือการนั่งเอียง ส่วนทิศทางสายตาของเธอมองไปทางเฉียง นั่นคือคุณเฉิน”
เพียงนิดเดียวก็รู้ไส้รู้พุง
ลี่จิ่วเชียนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ยิ้มแย้มตอนมองมาที่มู่น่อนน่อน
เสิ่นเหลียงตะลึงเล็กน้อย พลันลากเสียงยาว และกล่าวเพียง “อ้อ” ออกมาจนสื่อความหมายเป็นนัย
มู่น่อนน่อนลูบจมูกของตนเอง เพราะถูกพวกเขาสองคนมองจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
เธอขยับร่างกาย และไม่นั่งเอียงอีกแล้ว แต่ก็ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ จนรู้สึกไม่เป็นตัวของเองเลยเปลี่ยนหัวข้อแทน “งั้นคุณพูดเรื่องของเสี่ยวเหลียงสิ”
“นิสัยของคุณเสิ่นนั้นเป็นคนมีชีวิตชีวาสนุกสนาน” ลี่จิ่วเชียนพูดแบบนี้ออกไป จากนั้นก็มองไปที่เหนือเท้าของเสิ่นเหลียง
เสิ่นเหลี่ยงที่นั่งทับขาในเวลานี้ หนึ่งในปลายเท้าแตะที่พื้น ราวกับสามารถลุกยืนได้ตลอดเวลา
ลี่จิ่วเชียนพูดเสริมทันที “เป็นคนชอบความสนุกสนาน”
ปฏิกิริยาตอบสนองของเสิ่นเหลียงรีบเก็บขาทันที “ละเอียดมาก ต่อไปเวลาอยู่ต่อหน้าคุณ มือเท้าไม่กล้าปล่อยตัวตามสบายแล้ว”
“คุณเสิ่นก็พูดติดตลกไปเรื่อย นอกจากรับผู้ป่วยแล้ว เวลาปกติจะไม่จงใจสังเกตพฤติกรรมไปสำรวจคนอื่น” น้ำเสียงลี่จิ่วเชียนดูติดตลก พร้อมทั้งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นคนเข้าหาได้ง่าย
เมื่อก่อนเสิ่นเหลียงก็มีอคติกับเขา เพราะรู้สึกว่าการที่เขามาช่วยมู่น่อนน่อนเอาไว้คือมีแผนการอื่นอยู่ แต่ก็นานขนาดนี้แล้วก็ไม่เห็นว่าเขาทำเรื่องอะไรมาทำร้ายมู่น่อนน่อน แถมยังกล้าประจันหน้าต่อกรกับเฉินถิงเซียวอีกด้วย
ความรู้สึกของเธอที่มีต่อลี่จิ่วเชียน มันกลับตาลปัตรคนละเรื่องเลย
สุภาพบุรุษที่ทั้งฉลาดหลักแหลมและคล่องแคล่วอย่างลี่จิ่วเชียน ไปที่ไหนมีแต่คนชอบ
ตอนที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันอย่างเมามัน จู่ ๆ เสิ่นเหลียงก็หยุดปากทันที
มู่น่อนน่อนทอประกายแววตาสงสัยออกมา “ทำไมเหรอ?”
เสิ่นเหลียงยื่นปากชี้ เพื่อส่งความหมายถึงด้านหลังมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนหันกลับไป ก็เห็นว่าเฉินถิงเซียวกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เดินประมาณสองสามก้าวก็ถึงด้านหน้า…ของพวกเธอแล้ว
คำว่าทางด้านหน้าของ “พวกเธอ” ก็เป็นเพราะว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำ แต่จับจ้องอยู่ที่ลี่จิ่วเชียน “คุณลี่”
ลี่จิ่วเชียนลุกพรวด พลันยิ้มให้ “คุณเฉินมีธุระกับผมเหรอครับ?”
“งั้นสิ? นี่คุณนึกว่าผมว่างมากนักเหรอ?” เฉินถิงเซียวสูดหายใจอย่างเย็นชา พร้อมทั้งแสดงออกอย่างอึมครึม
มู่น่อนน่อนไม่คิดเลยว่าเฉินถิงเซียวจะเชิญลี่จิ่วเชียนมางาน เพราะว่ามีธุระจริงๆ
แต่ว่า เมื่อมองเห็นการแสดงออกของเฉินถิงเซียวแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่เหมือนว่ามีธุระเลยมาหาลี่จิ่วเชียน ในทางกลับกันเหมือนมาจับผิด
กระทั่งเธอยังสงสัยเลย เฉินถิงเซียวอยากจะทำร้ายลี่จิ่วเชียนเหรอ
ลี่จิ่วเชียนลุกขึ้นยืน พลันใช้มือทำท่า “เรียนเชิญ” มาทางเฉินถิงเซียว
ทั้งสองคนเดินตามหลังกันออกไป
เสิ่นเหลียงเห็นท่าทางเป็นห่วงที่แสดงออกทางสีหน้าของเธอ พลันถามอย่างไม่เข้าใจทันที “ท่านประธานใหญ่มาหาหมอลี่ทำไมเหรอ?”
มู่น่อนน่อนส่ายหน้าไปมา “ไม่รู้สิ”
เฉินถิงเซียวมีอคติกับลี่จิ่วเชียนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาก็แสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจนจนเห็นได้ชัด
ครั้งนี้เขาเรียกลี่จิ่วเชียนให้ไป “คุยธุระ” ต้องไม่ใช่การ” คุยธุระ” กันธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่ว่า ลี่จิ่วเชียนคงไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบไปหรอก
……
เฉินถิงเซียวกับลี่จิ่วเชียนเดินตามกันออกจากห้องบอลรูมจัดเลี้ยง และมุ่งหน้าเดินไปยังห้องที่สือเย่ได้จัดเตรียมไว้ให้เฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวเดินนำหน้าเข้าไปก่อน ส่วนลี่จิ่วเชียนเดินตามหลังมา
ตอนที่ลี่จิ่วเชียนเดินตามหลังเข้าไปนั้น เฉินถิงเซียวก็พับแขนเสื้อมาทางเขา
เขาเอนศีรษะเล็กน้อย และออกปากเรียกไป “คุณเฉิน?”
จังหวะนั้นเอง เฉินถิงเซียวก็หันศีรษะกลับไปพร้อมทั้งถีบขาออกไปทางเขาทันที จากนั้นก็จับลี่จิ่วเชียนทุ่มลงบนพื้น
ลี่จิ่วเชียนมองออกว่าเฉินถิงเซียวไม่เป็นมิตร แต่ไม่เคยคิดว่าลี่จิ่วเชียนกล้าลงมือกับเขาจริงๆ
เฉินถิงเซียวใช้พละกำลังมาก และพุ่งตัวเข้าหาอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งรุนแรง แม้ว่าลี่จิ่วเชียนจะมีการป้องกันอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังตั้งท่ารับมือไม่ทัน
ลี่จิ่วเชียนนอนกองอยู่ที่พื้น พลันขมวดคิ้วและหลับตาลง ผ่านไปแวบเดียว พลันกัดฟันและลุกขึ้นยืน เพื่อปัดฝุ่นที่อยู่บนตัว พลันยิ้มบางๆ ตอนมองมาเฉินถิงเซียว “นี่คือวิธีการของคุณเฉินในการจัดการเรื่องงั้นเหรอ?”
“เปล่า แค่รู้สึกว่าคุณไม่ได้ออกแรงมานาน เลยอยากจะทำให้คุณสมปรารถนา” เฉินถิงเซียวพูดจบ ก็จัดการจัดแขนเสื้อตัวเอง และนั่งลงตรงโซฟาทันที
ลี่จิ่วเชียนไม่เคยคิดมาก่อนว่าเฉินถิงเซียวจะให้เหตุผล…ออกมาแบบนี้
ฟังดูเหมือนคล้ายเหตุผลที่ไม่มีหลักการใดๆ เลยสักนิด แต่เฉินถิงเซียวใช้น้ำเสียงความจริงจังออกมา เพื่อให้ลี่จิ่วเชียนรู้สึกว่ามันมีหลักการอยู่บ้าง
จริงๆ เลย…
ลี่จิ่วเชียนถึงกลับหมดปัญญา “งั้นผมต้องขอบคุณคุณด้วยใช่ไหม?”
“เรื่องขอบคุณคงไม่ต้องหรอก” น้ำเสียงเฉินถิงเซียวพูดจาอย่างเอื่อยเฉื่อย พลางหยิบเอกสารหนึ่งฉบับโยนมาให้ทางด้านหน้าของลี่จิ่วเชียน “คุณลี่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของตัวภรรยาของผมมาก”
นั่นเป็นผลรายงานการตรวจร่างกาย เขียนชื่อมู่น่อนน่อนเอาไว้
ก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวเคยพามู่น่อนน่อนไปตรวจร่างกายมาก่อน และในโรงพยาบาลมีข้อมูลเก็บไว้อยู่แล้วแต่ช่วงหลายวันที่มา เฉินถิงเซียวกลับพบว่าลี่จิ่วเชียนไปเอารายงานตรวจร่างกายของมู่น่อนน่อนออกมา
อีกทั้งการผลตรวจยังแสดงทุกอย่างอย่างละเอียดทุกข้อ
ในเอกสารนั้นได้เขียนผลตรวจร่างกายของมู่น่อนน่อนทุกรายการ รวมทั้งกลไกสภาพร่างกายด้วย ซึ่งเขียนได้อย่างชัดเจนและเข้าใจอย่างถ่องแท้
“คุณเฉินก็พูดเกินไป ตอนนี้น่อนน่อนไม่ใช่ภรรยาของคุณแล้ว ว่าที่ภรรยาของคุณคือซูเหมียน” ลี่จิ่วเชียนนั่งลงฝั่งตรงข้ามเฉินถิงเซียวอย่างมีชัย แถมยังยิ้มอยู่ตลอดเวลา
เฉินถิงเซียวหรี่ตาเล็กน้อย แถมทำสีหน้าเย็นเฉียบมองลี่จิ่วเชียน น้ำเสียงเย็นถึงขั้นหม่นหมอง “ลี่จิ่วเชียนคุณมีจุดประสงค์อะไร คุณย่อมรู้อยู่แก่ใจดี อย่าคิดปิดบังจากสายตาผมเลย”
“ผมก็แค่เป็นห่วงน่อนน่อนเท่านั้นเอง มันไม่ได้เหรอ?” รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของลี่จิ่วเชียนหุบลงเล็กน้อย “คุณเฉินคงไม่ใช่เหตุผลที่ว่าน่อนน่อนเป็นแม่ของลูกคุณ เลยไม่อนุญาตให้เธอมีสิทธิมีเพื่อนใช่ไหม? การเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมากเกินไป มันไม่ใช่เรื่องดีอะไร”
น้ำเสียงของลี่จิ่วเชียนค่อยๆ ผ่อนคลายลง ราวกับเป็นการเกลี้ยกล่อมเฉินถิงเซียวเช่นนั้น