ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 515 รู้สึกว่าใครก็อยากจะแย่งคุณไปจากผม
คำตอบแวบเข้ามาในสมองของมู่น่อนน่อน
แต่ว่า พอคำตอบมาถึงริมฝีปากของเธอก็ชะงักไป แล้วพูดอะไรไม่ออกไปเลย
ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่สุด
ยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย และผู้เชี่ยวชาญที่สะกดจิตเฉินถิงเซียวคนนั้นยังหาไม่เจอ ตอนนี้เฉินถิงเซียวจำได้แต่เรื่องในอดีต แต่เขาไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลัง
แม้ว่าเขาจะรู้สึกรักเธอ แต่กลับไม่ได้ลึกซึ้งเท่ากับความรู้สึกของเฉินถิงเซียวในภายหลัง
“คุณตามหาคนที่สะกดจิตคุณเจอหรือยังคะ” มู่น่อนน่อนเปลี่ยนเรื่อง “คนคนนั้นมาหาเฉินจิ่งหยุ้นด้วยตัวเอง เขาคงไม่คิดแต่จะสะกดจิตคุณเท่านั้น แต่อาจมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่ด้วย …”
เธอเปลี่ยนเรื่องคุยได้ และเฉินถิงเซียวก็สามารถเพิกเฉยต่อคำพูดของเธอได้
เฉินถิงเซียวเอื้อมมือออกไปและเชยคางเธอขึ้นมา บังคับให้เธอมองมาที่เขา “ตอบผมมา”
“เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากันทีหลังค่ะ” มู่น่อนน่อนปัดมือของเขาออก แล้วก้าวถอยหลัง
เฉินถิงเซียวมองไปที่มือข้างที่ถูกสะบัดทิ้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ จึงนิ่งเงียบไปสักพัก แล้วพูดออกมาว่า “ทำไมคุณถึงอยากจะคุยเรื่องนี้กันทีหลัง?”
มู่น่อนน่อนปรับน้ำเสียงของเธอให้อ่อนลง แล้วพูดเกลี้ยกล่อมเฉินถิงเซียว “ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน เรื่องของเราค่อยคุยกันในภายหลังได้นี่คะ”
แต่เฉินถิงเซียวไม่ฟังที่เธอพูด
เฉินถิงเซียวจับข้อมือของเธอไว้แน่น แล้วมองไปที่มู่น่อนน่อนด้วยเสียงที่เคร่งขรึม “อะไรจะสำคัญไปกว่าการอยู่ด้วยกัน?”
“มีค่ะ” มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา “ความทรงจำของคุณสำคัญมาก และคุณจะสมบูรณ์ตอนที่คุณได้มันกลับคืนมา”
ถึงแม้สถานการณ์ปัจจุบันของเฉินถิงเซียวจะยังปกติ แต่ไม่ต่างจากเมื่อก่อน แต่ความทรงจำจะต้องเรียกคืนมาให้ได้
เฉินถิงเซียวยิ้มตอบ “มู่น่อนน่อน คุณกำลังบอกว่าตอนนี้ผมไม่ใช่คนอย่างนั้นเหรอ?”
ในสายตาของเขา เหตุผลที่มู่น่อนน่อนพูดมา มันไม่ใช่เหตุผล แต่เป็นเหตุผลที่เธอไม่อยากแต่งงานกับเขาเท่านั้นเอง
สำหรับเรื่องนี้มู่น่อนน่อนรู้สึกอ่อนใจเล็กน้อย “เฉินถิงเซียว คุณช่วยใจเย็น และฟังฉันอย่างมีเหตุผลหน่อยได้ไหมคะ?”
เฉินถิงเซียวหรี่ตามอง แล้วพูดเบา ๆ “ถ้าผมไม่สงบและไร้เหตุผล คุณคิดตอนนี้คุณยังยืนที่นี่ได้อยู่เหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธแล้ว และโกรธมากด้วย
เพราะมู่น่อนน่อนสังเกตเห็นความเคร่งขรึมที่ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขาอย่างแผ่วเบา เขาจึงไม่ค่อยแสดงท่าทีเช่นนี้ต่อหน้าเธอ
มู่น่อนน่อนตัวสั่นเทา แผ่นหลังของเธอรู้สึกหนาวสั่นเล็กน้อย
เฉินถิงเซียวก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะมองลงไปที่เธอ “ในเมื่อคุณต้องการตรวจสอบผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตมากนัก งั้นผมจะบอกเบาะแสหนึ่งกับคุณ ตอนที่ผมไปหาลี่จิ่วเชียนกับคุณก่อนหน้านี้ คุณกำลังถูกเขาสะกดจิตอยู่”
เขาพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน มู่น่อนน่อนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา “ตอนที่คุณออกมาจากภูเขา ตอนที่คุณไปหาเขาเพื่อรักษาตัวครั้งนั้น”
หลังจากที่เฉินถิงเซียวพูดแบบนี้ มู่น่อนน่อนก็นึกขึ้นมาได้
ในครั้งนั้นเฉินถิงเซียวบอกว่าจะให้ลี่จิ่วเชียนรักษาเขา แต่การควบคุมจิตใจของเขาแข็งแกร่งมากเกินไป ทำให้ลี่จิ่วเชียนไม่ประสบความสำเร็จในการสะกดจิต
แต่ว่า ในตอนนั้นเธอกำลังสับสนงุนงง ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินถิงเซียวจับมือเธอแน่น…
มู่น่อนน่อนตกใจ “ฉันโดนเขาสะกดจิตเหรอคะ?”
“ผู้หญิงโง่!” เฉินถิงเซียวยื่นมือออกมาบีบใบหน้าของเธอไว้
ถึงจะถูกเฉินถิงเซียวต่อว่า แต่มู่น่อนน่อนก็ไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจ
อารมณ์ของมู่น่อนน่อนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าเธอก็เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งจากคำพูดของเฉินถิงเซียว “คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าลี่จิ่วเชียนเป็นจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตในตอนนั้น?”
ดูเหมือนว่าเฉินถิงเซียวจะนึกอะไรสนุกขึ้นสักอย่าง และยังคงบีบหน้าของเธอไว้แน่น
มู่น่อนน่อนปัดมือของเขาออก สีหน้าของเขาบึ้งตึง มู่น่อนน่อนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้เขาบีบอยู่อย่างนั้น
“เป็นไปได้ยังไง?” มู่น่อนน่อนยังคงไม่เชื่อว่าลี่จิ่วเชียนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิต
“ถ้าลี่จิ่วเชียนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิต แล้วทำไมเขาต้องช่วยเฉินจิ่งหยุ้นสะกดจิตคุณด้วย เขาไม่ได้ขาดแคลนเงินนี่นา…”
มู่น่อนน่อนคิดอยู่สักพัก แล้วพูดว่า “ไม่ค่ะ ถึงแม้ลี่จิ่วเชียนจะต้องการเงินจริง ๆ เขาก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเฉินจิ่งหยุ้นเลย เขาช่วยคุณไม่ดีกว่าเหรอคะ? คุณเป็นประธานของตระกูลเฉิน คุณมีอำนาจสูงที่สุด”
เธอนิ่งวิเคราะห์แล้วพูดว่า “ฉันไม่คิดว่าความคิดของคุณจะเป็นความจริง”
“เขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่มีบางสิ่งที่สำคัญกว่าเงิน” เห็นได้ชัดว่าเฉินถิงเซียวมีบางอย่างแฝงอยู่ในคำพูดของเขา และดวงตาของเขาก็จับจ้องไปที่ร่างของมู่น่อนน่อน
“คุณมองมาแบบนี้ทำไมคะ” มู่น่อนน่อนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณคงจะไม่ได้คิดว่า ลี่จิ่วเชียนรักฉัน เขาเลยสะกดจิตคุณเมื่อสามปีที่แล้วใช่ไหม”
“เหอะ!”
เฉินถิงเซียวยิ้มเยาะเย้ย “ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้นี้”
“ในสายตาของคุณ คุณคิดว่าฉันเป็นเทพธิดาหรือไง ไม่ว่าใครก็ต้องชอบฉันทุกคน” เธอกับลี่จิ่วเชียนอยู่ด้วยกันมานานมากขนาดนี้ แต่เธอไม่รู้สึกว่าลี่จิ่วเชียนจะชอบเธอ หรือมีความรักระหว่างชายหญิงกับเธอ
ดังนั้น สมมติฐานนี้จึงไม่เป็นจริง
“คุณมั่นใจตัวเองมากไปหรือเปล่า มองดูตัวเองก่อน ทั้งโง่เขลาทั้งซื่อบื้อ คุณเหมือนเทพธิดาที่ไหนกัน” เฉินถิงเซียวเหลือบมองเธออย่างวิพากษ์วิจารณ์ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
มู่น่อนน่อนกำลังจะโกรธ แต่เฉินถิงเซียวก็พูดเสริมอย่างขึ้นมาช้าๆ “ถ้ามีคนสายตาไม่ดีเหมือนผม แล้วชอบคุณที่ทั้งโง่เขลาและซื่อบื้อขึ้นมาล่ะ”
เขายังจงใจเน้นสี่คำนั้นอย่างหนักแน่น
มู่น่อนน่อนอยากจะกัดเขามาก แต่เฉินถิงเซียวเหมือนจะเดาออก จึงก้าวถอยหลังไป “ถึงคุณจะไม่ใช่เทพธิดา ผมก็รู้สึกว่าใครก็อยากจะแย่งคุณไปจากผม”
ถึงแม้เฉินถิงเซียวจะเป็นคนเย่อหยิ่งไม่สนใจใคร แต่เรื่องความรู้สึกกลับไม่รู้ประสีประสาอะไรเลย
เขาไม่ค่อยแสดงความรู้สึกของเขา แต่จะใช้การกระทำเพื่อพิสูจน์ให้เธอเห็น
ไม่เคยพูดคำหวานอะไรพวกนั้น
มู่น่อนน่อนไม่ทันได้โต้ตอบไปสักพัก เธอมองเขาด้วยดวงตาที่แวววาว แล้วจ้องมาที่เขาด้วยอย่างไม่กะพริบตา
หัวใจของเฉินถิงเซียวเต้นแรง ก่อนจะพยุงใบหน้าเธอแล้วจูบลงไป
ในวัยของมู่น่อนน่อน ไม่ใช่วัยที่จะมาฟังคำหวานด้วยหู แต่พอเธอได้ยินเฉินถิงเซียวพูดแบบนี้ เธอก็ยังรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
มันไม่ใช่คำบอกรักแบบโจ่งแจ้ง แต่กลับซาบซึ้งใจสุดๆ
ในช่วงงุนงง เธอรู้สึกว่ามือของเฉินถิงเซียวจะเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อผ้าของเธอ
ชุดนอนของเธอหลวมโพรก เขาจึงล้วงเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
“เฉิน…”
มู่น่อนน่อนเอื้อมมือไปหยุดเขา แต่เสียงที่ทุ้มต่ำของเฉินถิงเซียวก็ดังก้องเข้ามาในหูของเธอ พร้อมกับยั่วยวน“ขอผมสัมผัสหน่อย”
การเคลื่อนไหวจากมือของมู่น่อนน่อนเริ่มเชื่องช้า เธอเหมือนจะปฏิเสธแต่ในใจกลับยอมรับมากกว่า
ทั้งสองจูบกันและล้มตัวลงบนโซฟา ก่อนจะกลิ้งตัวเป็นลูกบอล
เฉินถิงเซียวจูบเธอ ในขณะที่กำลังถอดเสื้อผ้าของเธอออก
แต่เดิมบนตัวของมู่น่อนน่อนมีชุดนอนอยู่บนตัวเพียงตัวเดียว แม้ว่ามู่น่อนน่อนจะถอยห่างออกไป แต่ถูกบีบจนถึงมุมโซฟา สุดท้ายก็ไม่สามารถรักษาเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายบนร่างกายออกได้