ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 520 แม้แต่ผมก็เป็นของคุณ
พอได้ยินแบบนั้น เฉินถิงเซียวก็หรี่ตาลงเล็กน้อย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทั้งสองมองหน้ากันเงียบๆ และไม่ยอมพูดอะไรกันอยู่สักพัก
สักพัก เฉินถิงเซียวก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อน
“แล้วถ้าผมยกบริษัทเฉินซื่อให้คุณล่ะ”
มู่น่อนน่อนตัวแข็งทื่อ ในแววตาปรากฏความตกตะลึง
เธอคิดไม่ถึงว่าเฉินถิงเซียวจะพูดแบบนี้ออกมา
ที่จริงแล้ว ที่เธออยากจะพูดก็เป็นเรื่องนี้เหมือนกัน
เฉินถิงเซียวคนนี้ ดูไปแล้วเหมือนไม่ขาดอะไรเลย เหมือนไม่มีอะไรสามารถจู่โจมเขาได้
เธอไม่ปฏิเสธถึงความสามารถของเขา แต่จนถึงตอนนี้ ออร่ารอบตัวของเขาส่วนใหญ่จะมาจากอิทธิพลของบริษัทเฉินซื่อ
เธออดที่จะอยากทดสอบเฉินถิงเซียวไม่ได้
ถ้าอยากจะทดสอบก็ลองเรื่องใหญ่ๆ ไปเลย
เธอเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน และขอให้สือเย่ส่งเธอมาที่บริษัทเฉินซื่อ ก็เพื่อจะมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่เธอไม่คิดว่าเฉินถิงเซียวจะพูดออกมาก่อน
อาจเป็นไปได้… ว่าเขาจะอ่านความคิดของเธอออก
แต่เฉินถิงเซียวเป็นคนเคร่งขรึมเกินไป ในตอนที่เขาไม่อยากให้คนอื่นอ่านความคิดของเขาออก เขาจะเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มู่น่อนน่อนมองเข้าไปในดวงตาของเขา แต่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เพราะว่าเฉินถิงเซียวพูดแบบนั้นออกมา มู่น่อนน่อนจึงต้องคิดหาวิธีตอบรับ
เธอยืดตัวตรง พยายามควบคุมน้ำเสียงของเธอให้สงบลง “ใจกว้างจังเลยนะคะ?”
“แม้แต่ผมก็เป็นของคุณ แค่ยกบริษัทเฉินซื่อที่ให้คุณจะเป็นอะไรไป” เฉินถิงเซียวจับมือเธอไว้ แล้วยกขึ้นมาประทับจุมพิตลงไป
คำพูดที่หวานแบบนี้ แต่พอหลุดออกจากปากของเขากลับไม่มีความหวานเลย แต่เหมือนการปฏิญาณตนมากกว่า
ทั้งเคร่งขรึมและจริงจัง
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า จุดที่น่ากลัวที่สุดของเฉินถิงเซียว ไม่เพียงแต่นิสัยที่ไม่แน่นอนของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเขาดูเหมือนจะสามารถอ่านเหตุการณ์ทุกอย่างออกได้ตลอดเวลา
เขาฉลาดมากเกินไป เขารู้วิธีจะทำให้คนคนหนึ่งได้รับความทุกข์ทรมานมากที่สุด และเขายังรู้วิธีทำให้คนซาบซึ้งใจมากที่สุดด้วย
แต่ด้วยความที่เขาอยากเป็นเจ้าของมากเกินไป จนบางครั้งก็รู้สึกหวาดระแวง
มู่น่อนน่อนแปลกใจมากจนลืมเก็บเอามือกลับไป
เฉินถิงเซียวดึงเธอเข้ามากอด แล้วโน้มตัวบดจูบริมฝีปากของเธอ ก่อนจะกระซิบที่หูของเธอ “พรุ่งนี้ในเวลานี้มาหาผมที่บริษัท”
……
จนออกจากบริษัทมา มู่น่อนน่อนยังคงอยู่ในอาการงุนงง
เฉินถิงเซียวให้เธอมาที่บริษัทเฉินซื่ออีกครั้งในวันพรุ่งนี้ นี่เขาคิดจะมอบบริษัทเฉินซื่อให้กับเธอจริงๆเหรอ?
เธอ… เธอแค่พูดเล่น ไม่ได้ต้องการบริษัทเฉินซื่อจริงๆ นะ
มู่น่อนน่อนรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าจะเล่นใหญ่เกินไปแล้ว
ตื๊ด——
โทรศัพท์สั่นอยู่สองสามครั้ง
เป็นเสียงเตือนข้อความเข้าจากใน WeChat
มู่น่อนน่อนเปิด WeChat จึงพบว่าเสิ่นเหลียงส่งข้อความมาหาเธอ
เสิ่นเหลียงส่งมาเป็นส่งข้อความเสียง
มู่น่อนน่อนกดฟัง
“งานของฉันเสร็จแล้ว เธอมีเวลาออกไปกินข้าวข้างนอกกันไหม”
“ได้สิ” หลังจากที่มู่น่อนน่อนตอบ ก็เตรียมจะเรียกรถแท็กซี่ไปตามนัด
สือเย่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เขาขับรถไปหยุดจอดตรงหน้าเธอ
เขาลงจากรถและเปิดประตูเบาะหลังให้ “คุณนายน้อยจะไปไหนครับ ฉันจะพาไปเอง”
“เฉินถิงเซียวบอกให้คุณมาเหรอคะ?” มู่น่อนน่อนไม่ได้ขึ้นไปนั่งในรถ
“คุณชายรู้ว่าคุณไม่ได้ขับรถออกมาเอง ก็เลยให้ผมไปส่งคุณครับ”
“ตารางงานของเฉินถิงเซียวยุ่งจนถึงปีหน้า คุณที่เป็นผู้ช่วยของเขา ก็น่าจะยุ่งมากเช่นกัน ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองได้ค่ะ”
“คุณนายน้อยครับ ได้โปรดขึ้นรถเถอะครับ” สือเย่พยักหน้าเล็กน้อย แต่ไม่มีท่าทีจะฟังเธอ
มู่น่อนน่อนจึงต้องขึ้นรถไป
ตลอดทางเธอเอาแต่คิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ และตอนนี้เธออยากจะหาใครสักคนที่จะคุยด้วยอย่างเร่งด่วน
แต่ในเวลานี้บนรถมีแต่เธอกับสือเย่ และสือเย่เป็นคนของเฉินถิงเซียว เธอจะคุยกับสือเย่ในเรื่องนี้ไม่ได้แน่นอน
ก่อนหน้านี้เธอเคยฟังคำพูดของสือเย่ ถึงได้หลงมัวเมา จนวิ่งไปที่บริษัทเฉินซื่อเพื่อคุยกับเฉินถิงเซียวแบบนั้น
สือเย่สังเกตได้ว่ามู่น่อนน่อนมองเขาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีจากกระจกมองหลัง เขาหดคอลงแล้วหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว
พอมาถึงสถานที่ที่มู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงนัดหมายกันไว้ มู่น่อนน่อนก็ลงจากรถ แล้วตรงเข้าไปในร้านอาหารทันที
เสิ่นเหลียงจองห้องอาหารไว้แล้ว
ตอนที่มู่น่อนน่อนเดินเข้ามา เธอก็กำลังก้มหน้าดูเมนูอาหารอยู่
“น่อนน่อนมาดูนี่สิ ร้านนี้มีเมนูอาหารใหม่ที่น่าสนใจหลายเมนูเลย” เสิ่นเหลียงใช้เงินฟุ่มเฟือยมาก ทั้งเครื่องสำอาง กระเป๋า เสื้อผ้า และอาหารรสเลิศ
มู่น่อนน่อนเดินไปนั่งข้างเธอ
“ยี่ผึ่งเสว่ อาหารจานนี้มันคืออะไร” มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าจานนี้คืออะไร
“ชื่อมันน่าสนใจใช่ไหม เราลองสั่งมาลองกัน”
มู่น่อนน่อนเหลือบมองราคาเกือบสี่หลักด้านล่าง แล้วส่ายหัวไปมา “อย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย”
“ไม่ได้ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายนะ ฉันใช้เงินของฉันเองไม่ถือว่าสุรุ่ยสุร่าย” เสิ่นเหลียงหันกลับมาอีกครั้ง “เธอเองก็สั่งอาหารด้วย! เร็วเข้าเถอะ ช่วงนี้ฉันถูกผู้จัดการคุมเข้ม ไม่ให้ กินอะไรอร่อยเลย เอาแต่บอกว่าฉันอ้วน”
มู่น่อนน่อนมองไปที่เสิ่นเหลียง แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา “ดูเหมือนว่าจะอ้วนขึ้นจริงๆ ด้วย”
“เดี๋ยวฉันตีให้เลยเอาไหม” เสิ่นเหลียงจับเมนูอาหาร แกล้งทำเป็นว่าตีใส่เธอ
มู่น่อนน่อนยกยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก กินเถอะ ถ้าเธออ้วนขึ้นมาจริงๆ เธอก็ต้องโดนผู้จัดการของเธอเคี่ยวเข็ญให้เธอลดน้ำหนักอยู่ดี”
เสิ่นเหลียงหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วเคาะใส่หน้าผากเธอ “ไม่พูดอะไรดีๆ เลย”
มู่น่อนน่อนวางกระเป๋าของเธอลง “เร็วเข้า สั่งอาหารเสร็จฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ”
ดวงตาของเสิ่นเหลียงเป็นประกาย เธอชอบฟังเรื่องสนุกที่สุดเลย
เธอเรียกพนักงานเข้ามาสั่งอาหาร
ก่อนจะหันไปถามมู่น่อนน่อนด้วยสีหน้าสงสัย “เรื่องอะไรเหรอ?”
มู่น่อนน่อนบอกเล่าเหตุการณ์ที่ดูน่าตื่นเต้นน้อยที่สุดออกมาก่อน“เฉินถิงเซียวขอฉันแต่งงาน”
“อ๋อ” เสิ่นเหลียงพยักหน้า สีหน้าของเธอนิ่งสงบมาก
จากปฏิกิริยาของเธอ เห็นได้ว่าเรื่องที่เฉินถิงเซียวขอมู่น่อนน่อนแต่งงานนั้นไม่ใช่ข่าวที่น่าตื่นเต้นอะไรมากเท่าไหร่
เสิ่นเหลียงเอียงศีรษะ แล้วดึงสองมือของเธอขึ้นมาแล้วมองไปทางซ้ายและขวา
จากนั้น เธอก็บีบนิ้วของมู่น่อนน่อนแล้วถามว่า “แล้วของล่ะ?”
“ของอะไร?”
“ก็แหวนไง!” เสิ่นเหลียงกะพริบตาปริบๆ แล้วเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไหนบอกว่าขอแต่งงาน แหวนขอแต่งงานก็ไม่มี บริษัทเฉินซื่อก็ออกจะใหญ่โตขนาดนั้น ประธานบริษัทกลับไม่ยอมซื้อแหวนขอแต่งงาน ไม่มีแหวนแต่งงาน แล้วจะแต่งงานทำไม ไม่ต้องแต่งแล้ว!”
มู่น่อนน่อนไม่ได้สนใจเรื่องแหวนมากนัก
เธอเม้มปากพูดเรื่องที่สอง
“ฉันเพิ่งไปหาเฉินถิงเซียวมา และเพิ่งจากเขามา”
เสิ่นเหลียงทำกลอกตามองบนใส่เธอ แล้วพูดว่า “เขาไม่ได้ซื้อแหวนขอแต่งงานให้เธอ เธอก็ตกลงยอมแต่งงานกับเขาแล้วเหรอตอนนี้เธอยังรีบไปหาเขาอีก”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันตั้งใจจะไปเจรจาข้อตกลงกับเขา”
“ข้อตกลงอะไร?” น้ำเสียงตื่นเต้นของเสิ่นเหลียงหายไปนานแล้ว
สำหรับ “ข้อตกลง” ที่มู่น่อนน่อนพูดมา เธอไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว
“เกี่ยวกับบริษัทเฉินซื่อ แต่ฉันยังพูดไม่ทันจบ เขาก็พูดขึ้นมาก่อน”
เสิ่นเหลียงสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดว่า “ยังถือว่าเธอพอตะมีสมองอยู่บ้าง เธออยากได้หุ้นของบริษัทเฉินซื่อใช่ไหม แล้วเขาพูดว่ายังไง?”
“ไม่ใช่นะ ฉัน……”
จากเรื่องที่เฉินถิงเซียวไม่เตรียมแหวนขอแต่งงาน เสิ่นเหลียงก็รู้สึกว่าเฉินถิงเซียวทำไม่ถูกต้องแล้ว ก่อนที่มู่น่อนน่อนจะพูดจบ เธอก็พูดขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน “แม้แต่หุ้นบริษัทเขาก็ไม่ยอมยกให้เหรอ งั้นก็ไม่ต้องแต่งแล้ว!”