ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 531 คุณหมายมั่นแล้วว่าจะปกป้องเขาให้ได้
ตอนนี้มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน จึงส่ายหน้าออกมาเล็กน้อย “ไม่รู้ ฉันต้องดูก่อนสักหน่อย”
เธอแม้แต่คอมเมนข้างล่างWeiboของตัวเองก็ไม่ได้ไปอ่านมันเลยด้วยซ้ำ ตรงเข้าไปดูที่คำค้นหายอดนิยมไปทันที
เป็นไปอย่างที่คิด หัวข้อที่จัดอยู่ในคำค้นหาอันดับหนึ่งก็คือ ชุดแต่งงานของว่าที่เจ้าสาวของเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนกล้ายืนยันได้เลยว่า ว่าที่เจ้าสาวที่อยู่ในหัวข้อประเด็นนี้ไม่ได้กำลังพูดถึงเธออยู่อย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้สูงว่ากำลังพูดถึงซูเหมียนอยู่
คำค้นหายอดนิยมอันดับสองก็คือชื่อของเธอ
มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงจนใจเล็กน้อย “ติดเทรนอีกแล้ว”
ตรงระหว่างคิ้วของเฉินถิงเซียวได้ขมวดเข้าหากันแน่น “เกี่ยวข้องกับซูเหมียน?”
มู่น่อนน่อนมองเขาไปด้วยความประหลาดใจ “คุณหัดทำนายเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะ คุณก็รู้ว่ามันเกี่ยวกับเธอแล้ว?”
มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็กดเข้าไปในหัวข้อประเด็นนั้น
“เมื่อวาน มีนักข่าวถ่ายภาพเฉินถิงเซียวกับคู่หมั้นของเขาปรากฏตัวที่ร้านชุดแต่งงานด้วยกัน สงสัยว่าข่าวดีกำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้ [ภาพ] [ภาพ]”
ด้านหลังได้เสริมภาพมาด้วยสองรูป เป็นภาพที่เฉินถิงเซียวกับซูเหมียนที่ร้านชุดแต่งงาน
มองจากมุมนั้นแล้ว คนที่ถ่ายภาพคนนั้น จงใจไม่ถ่ายมู่น่อนน่อนที่อยู่ข้างๆ เพียงแค่ถ่ายเฉินถิงเซียวกับซูเหมียนเข้าไปเท่านั้น
ซูเหมียนไม่มีทางจงใจแสดงละครตบตาไปที่ร้านชุดแต่งงานเพียงแค่เพื่อถ่ายภาพนี้หรอกมั้ง?
มุมมองของหลากหลายภาพ ล้วนแล้วแต่จะจงใจไม่ถ่ายมู่น่อนน่อนเข้าไปเลย และก็มีความเป็นไปได้ที่จะถ่ายเธอเข้าไปด้วยเหมือนกัน แต่ก็จงใจตัดเธอออกไป
“ฉันก็บอกแล้วว่าเฉินถิงเซียวกับคู่หมั้นของเขาต่างหากถึงจะคู่กันจริง มู่น่อนน่อนคนนั้นนับว่าเป็นอะไรกัน? ไม่มีความสามารถและก็ไม่มีพื้นฐานครอบครัวเลยด้วย รู้เพียงแค่เข้ามาตี้สนิทคนรวยอย่างเฉินถิงเซียวคนนี้อย่างหน้าไม่อาย ขายหน้าผู้หญิงอย่างเราๆกันจริงๆเลย”
“หลักฐานชัดเจนออกมาแล้ว บางคนก็ยังไม่เชื่อกันอีก ก็เรียกว่าคนที่แกล้งหลับไม่ตื่นขึ้นมาตลอดไปเลยแล้วกัน”
มู่น่อนน่อนเลื่อนไปอีกหน้านึง พบว่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะเป็นWeiboที่พูดดีกับซูเหมียนทั้งนั้นเลย
กดเข้าไปดูที่หน้าหลัก โดยพื้นฐานไม่มีแอคหลุมของแฟนคลับพวกนั้นเลย
ส่วนWeiboที่มีสติปัญญาพวกนั้น กลับถูกกดเอาไว้หลังสุด
มู่น่อนน่อนยิ้มเย็นออกมา “เฉินถิงเซียว เสน่ห์ของคุณมันช่างเยอะมากจริงๆเลยนะ”
“คุณก็เช่นกัน” เฉินถิงเซียวตอบกลับมาประโยคนึงอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
มู่น่อนน่อนส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วโต้เฉินถิงเซียวออกไปว่า “ฉันเทียบคุณไม่ไหวหรอก ฉันไม่มีคนที่คอยไล่ตามกันอย่างไม่ย่อท้ออย่างซูเหมียนเสียหน่อย”
“ลี่จิ่วเชียนไม่ได้ดีไปกว่าซูเหมียนตรงไหนเลย” เฉินถิงเซียวยิ้มเย็นออกมา น้ำเสียงฟังไปแล้วเหมือนจะมีอาการหึงหวงอยู่เล็กน้อย
ในเรื่องของลี่จิ่วเชียนนั้น มู่น่อนน่อนไม่อยากถกเถียงกับเฉินถิงเซียวไปให้มากมาย
เพราะว่าตอนนี้เธอค้นพบว่าเฉินถิงเซียวได้ยึดความคิดที่คิดว่าลี่จิ่วเชียนมีความคิดอื่นกับเธอไปก่อนแล้วโดยสมบูรณ์
ดังนั้นแล้ว มู่น่อนน่อนจึงไม่ได้สนใจเขา
วันนี้เป็นวันที่มีความสุขวันหนึ่ง เธอไม่อยากทะเลาะกับเฉินถิงเซียว
ถึงแม้ว่าจะเห็นคำค้นหายอดนิยมอันนี้แล้ว ความรู้สึกมีความสุขในก้นบึ้งภายในใจของเธอก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเท่าไหร่เลยเช่นกัน
เธอคิดอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเฉินถิงเซียวจะคิดอย่างนี้เช่นกัน
เขาเห็นมู่น่อนน่อนไม่พูดออกมา ก็ได้เอ่ยพูดด้วยความมืดครึ้มเยือกเย็นออกมา “คุณไม่พูด คือกำลังยอมรับอยู่กลายๆงั้นเหรอ?”
“เฉินถิงเซียว คุณแน่ใจว่าจะคุยประเด็นนี้กับฉันใช่มั้ย?” มู่น่อนน่อนข่มกลั้นความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ ถามเขาออกไป
“ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าลี่จิ่วเชียนเป็นหมอที่สะกดจิตให้ผมคนนั้น คุณก็ยังจะปกป้องเขาอยู่อีก ใช่มั้ย?”
แต่ละคำที่พูดออกมาจากปากของเฉินถิงเซียว ก็เหมือนกับได้ปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งมาชั้นนึง ฟังไปแล้วก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา
“ตอนนี้มีหลักฐานยืนยันแล้วเหรอว่าลี่จิ่วเชียนเขาคือหมอสะกดจิตคนนั้น?” เมื่อกี้มู่น่อนน่อนได้ข่มกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้แล้ว ตอนนี้ได้ถูกเฉินถิงเซียวกระตุ้นเข้ามาอย่างนี้ ก็ได้ขึ้นเสียงสูงออกมาอย่างควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ “ถ้าพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาก็คือหมอสะกดจิตคนนั้น แล้วคุณจะทำยังไงกับเขา? คุณคิดจะให้ฉันมองคุณทรมานเขา หรือมองดูคุณจัดการเขาไปเสียอยู่เฉยๆ?”
เฉินถิงเซียวยิ้มเย็นออกมา ใช้น้ำเสียงชนิดที่แน่ใจเป็นอย่างมากเอ่ยออกมา “คุณหมายมั่นแล้วว่าจะปกป้องเขาให้ได้”
มู่น่อนน่อนหลับตาลง สงบอารมณ์ของตัวเองลงเล็กน้อยแล้วก็ได้ลืมตาออกมาอีกครั้ง เสียงสงบขึ้นเล็กน้อย “สถานะของลี่จิ่วเชียนในตอนนี้ยังไม่ได้ยืนยันชัดเจน คุณมาตั้งสมมติฐานไร้สาระพวกนี้ขึ้นมามันไม่มีประโยชน์หรอก”
ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าลี่จิ่วเชียนก็คือหมอคนนั้นที่สะกดจิตให้เฉินถิงเซียวเมื่อตอนนั้น ส่วนสิ่งพวกนี้ที่เฉินถิงเซียวกับเธอถกเถียงกัน ล้วนแล้วแต่จะเป็นสิ่งที่ไม่มีความหมายทั้งนั้น
ความสำคัญของลี่จิ่วเชียนต่อเธอนั้น เป็นเพียงแค่เพื่อนที่เคยช่วยเหลือเธอคนหนึ่งเท่านั้น
ลี่จิ่วเชียนเคยช่วยชีวิตเธอ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
เธอป่วยนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยมาสามปี เป็นเจ้าหญิงนิทรามาสามปี ก็ล้วนแล้วแต่จะเป็นลี่จิ่วเชียนที่คอยดูแลเธอ
บุญคุณนี้ชั่วชีวิตนี้เธอก็ตอบแทนไปได้ไม่หมด
“ตอนนี้คุณคิดอยากจะปกป้องเขา ถึงแม้ว่าในอนาคตสักวันนึง ตัวตนของเขาได้ถูกยืนยันออกมาแล้ว คุณก็ยังจะยืนอยู่ข้างเขา”
เสียงของเฉินถิงเซียวฟังไปแล้วมีความขบเขี้ยวเคี้ยวฟันออกมาเล็กน้อย อุณภูมิภายในรถเหมือนกับได้ดิ่งต่ำลงไปในทันทีด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าจะเปิดฮีตเตอร์ มู่น่อนน่อนก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นอยู่บ้างเหมือนกัน
เธอพิงเข้ากับพนักเก้าอี้ เอ่ยออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อนอยู่บ้าง “เฉินถิงเซียว ฉันไม่ได้ตอบตกลงแต่งงานกับคุณไปในทันที ก็เพราะว่าระหว่างพวกเรามันยังมีปัญหาพวกนี้อยู่ ถึงแม้ว่าพวกเราจะแต่งงานกันไปแล้ว ไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องเหนื่อยกันไปทั้งคู่เพราะเรื่องพวกนี้”
ภายในรถทันใดนั้นก็ได้ตกอยู่ในความเงียบไป
มู่น่อนน่อนไม่อยากจะพูดออกไปอีก เฉินถิงเซียวเองก็ไม่ได้พูดออกมาเช่นกัน
ไม่รู้เหมือนกันว่าได้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว นานจนถึงตอนที่มู่น่อนน่อนนึกว่าเฉินถิงเซียวจะไม่พูดออกมาต่ออีกแล้ว แต่จู่ๆเฉินถิงเซียวก็ได้พูดประโยคนึงขึ้นมาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง “ที่แท้ก่อนหน้านี้ที่คุณไม่ตกลงแต่งงานกับผม เป็นเพราะลี่จิ่วเชียนนี่เอง”
มู่น่อนน่อนช็อกไป
เธอไม่รู้ว่าทำไมเฉินถิงเซียวถึงได้คิดอย่างนี้
เธอคิดว่าเธอได้สื่อออกไปชัดเจนแล้ว
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงได้คิดอย่างนี้ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” มู่น่อนน่อนทึ้งผมตัวเองไปด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “คุณจอดรถเถอะ คืนนี้ฉันจะกลับไปพักที่บ้านฉัน”
เมื่อวานเธอบอกว่าไม่ย้ายของ สิ่งที่รอก็คือสถานการณ์จำพวกนี้
เฉินถิงเซียวอารมณ์ไม่คงที่ หวาดระแวง มันจะต้องมีตอนที่ต้องทะเลาะกันแน่ๆ
เสียงพูดได้พูดออกมา เฉินถิงเซียวไม่เพียงแต่จะไม่หยุดรถ มู่น่อนน่อนยังได้ยินเสียงล็อกขึ้นมาอีกด้วย
มู่น่อนน่อนได้ถามเขาไปด้วยคำพูดที่แฝงได้ด้วยการประชดประชัน “นี่คุณกลัวว่าฉันจะกระโดดลงจากรถงั้นเหรอ?”
“มีเรื่องอะไรบ้างที่คุณไม่กล้าทำ?” น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวไม่ได้ดีไปกว่ากันเลยเช่นกัน
ทั้งสองคนกลับไปถึงบ้านโดยปราศจากคำพูดไปอย่างนี้ตลอดทาง
เฉินมู่ได้ยินเสียงรถก็ได้วิ่งออกมา ด้านหลังยังตามมาด้วยคนใช้อีกหลายคน
“คุณหนูน้อย ช้าหน่อย…”
“คุณแม่!”
มู่น่อนน่อนยังไม่ลงจากรถ ก็ได้ยินเสียงเฉินมู่เข้ามาแล้ว
เธอกำลังเตรียมที่จะปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงจากรถ ชายที่อยู่ข้างๆก็ได้โน้มหน้าเข้ามา
เธอได้ถอยไปข้างหลังเล็กน้อยทันที
แต่ผลก็คือเฉินถิงเซียวเพียงแค่เข้ามาช่วยเธอปลดเข็มขัดนิรภัยเท่านั้นเอง
ถ้าไม่เพราะเฉินถิงเซียวมีหน้ามุ่ยออกมา มู่น่อนน่อนคงจะสงสัยไปหมดว่าเมื่อกี้พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้ทะเลาะกันเลย
เธอปล่อยให้เฉินถิงเซียวปลดเข็มขัดนิรภัยให้เธอไป เหมือนกับว่าจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยออกไป “ห้ามไปโมโหใส่เฉินมู่!”
เฉินถิงเซียวปลดเข็มขัดนิรภัยของเธอเสร็จเรียบร้อย ก็หันกลับมาปลดให้กับตัวเองอีกที พลางเอ่ยออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ผมไม่โมโหใส่เธอ”
“ลืมไป มู่มู่เด็กขนาดนั้น คุณไม่จำเป็นต้องไปโมโหใส่ แค่ส่งสายตาไปนิดเดียวก็สามารถทำเธอกลัวได้แล้ว”
คำตอบของเฉินถิงเซียวคือลงจากรถไปทันที