ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 539 แม้แต่มือก็ยังสั่นไปหมด
มู่น่อนน่อนนั่งไม่ติดที่อยู่บ้าง
ลี่จิ่วเชียนเป็นคนที่รอบคอบระมัดระวังมาก วันนี้นึกไม่ถึงว่าจะวางสายเธอไป ทั้งยังโทรไม่ติดอีก
ตรงจุดนี้มันไม่สอดคล้องกับสามัญสำนึกของเขาเลย
มู่น่อนน่อนเคลือบแคลงใจอยู่บ้างจริงๆว่าลี่จิ่วเชียนอาจจะเกิดอะไรขึ้นมา
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าลี่จิ่วเชียนมีที่มามาจากที่ไหนกันแน่ แต่จากที่เธอรู้จักลี่จิ่วเชียนมาจนถึงตอนนี้ ลี่จิ่วเชียนไม่เคยจะประทุษร้ายเธอมาก่อนเลย แล้วยังมีบุญคุณอันใหญ่หลวงต่อเธอเสียขนาดนั้น
ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าจะพูดยังไง ถ้าเขาเกิดเรื่องขึ้นมา เธอไม่มีทางปล่อยมันไปโดยที่ไม่สนใจได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเธอแล้ว ที่เมืองหู้หยางลี่จิ่วเชียนก็ไม่มีเพื่อนอะไรกับเขาเลยด้วย
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นเดินออกมาจากในห้องรับประทานอาหาร เห็นเฉินมู่กำลังนอนทำอะไรอยู่กับสมุดวาดภาพของเธอบนโซฟาอยู่อีก
เธอเดินเข้าไปย่อตัวนั่งลงตรงหน้าโซฟา “มู่มู่ พวกเราขึ้นไปเตรียมเข้านอนกันดีมั้ย?”
“หนูกำลังวาดแอปเปิลอยู่ ยังวาดไม่เสร็จ…” เฉินมู่วาดเสียจนขะมักเขม้นอยู่เลย แน่นอนว่าจะต้องไม่ยอมขึ้นไปนอนแน่
“หนูกลับไปวาดที่ห้องก็ได้ ให้คุณป้าอยู่เป็นเพื่อนหนู” คุณป้าที่มู่น่อนน่อนหมายถึงคือสาวใช้ที่คอยดูแลเฉินมู่อยู่ทุกๆวัน
เฉินมู่ได้ยินคำพูดเธอแล้ว ก็ถามออกมา “คุณแม่ขึ้นไปด้วยหรือเปล่า?”
“แม่สามารถอุ้มหนูขึ้นไปได้ แต่หลังจากนั้นแม่มีธุระอื่นที่ต้องทำ ไม่สามารถคอยอยู่เป็นเพื่อนหนูวาดภาพได้”
มู่น่อนน่อนอธิบายกับเธอ
“อ้อ” เฉินมู่หน้าคว่ำออกมา แต่ก็ยังลุกยืนขึ้นมา แล้วอ้าแขนมายังมู่น่อนน่อน อยากให้เธออุ้มสักหน่อย
คงจะเป็นเพราะว่าเฉินถิงเซียวนั้นออกไปตั้งแต่เช้ากลับมาก็ค่ำ มักจะทำงานไม่ได้อยู่บ้านเป็นประจำ เฉินมู่ก็เลยสามารถปรับตัวกับสภาวะของมู่น่อนน่อนได้
ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดื้อกับมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนส่งเธอไปที่ห้อง สั่งสาวใช้ให้ดูแลเธอให้ดีๆ แล้วก็ผันร่างเดินออกไป
ตอนที่ผ่านประตูห้องทำงานของเฉินถิงเซียวไป มู่น่อนน่อนได้หยุดฝีเท้าลง
ตอนนี้เธออยากจะไปดูที่บ้านลี่จิ่วเชียนสักหน่อย ต้องบอกเฉินถิงเซียวหรือเปล่านะ?
ถึงแม้ว่าจะไม่บอกเขา หลังจากนี้เขาก็จะต้องรู้อยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่มีทางจะไม่ไปหาลี่จิ่วเชียนอีก
มู่น่อนน่อนครุ่นคิดอยู่สักพักนึง แล้วก็ได้เปิดประตูห้องทำงานเข้าไป
เฉินถิงเซียวนั่งอยู่ที่ด้านหลังโต๊ะทำงาน ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าไปอย่างจดจ่ออย่างมาก นิ้วมือกำลังขยับเคลื่อนอยู่บนแป้นพิมพ์ไม่หยุด
คงเป็นเพราะว่าได้ยินเสียงมู่น่อนน่อนเข้ามา การเคลื่อนไหวที่มือของเขาก็เลยหยุดชะงักไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัดเจน
แต่ว่า ตอนที่มู่น่อนน่อนเดินเข้ามาตรงหน้าเขา เขาไม่เพียงแต่จะไม่เงยหน้าขึ้นมา แต่แม้แต่ดวงตาก็ไม่แม้จะกะพริบออกมาเลย
มู่น่อนน่อนรู้ว่าเขาจงใจไม่อยากจะสนใจเธอ
ผู้ชายคนนี้ตอนที่โกรธ ก็ไม่ชอบสนใจใครอย่างนี้
มู่น่อนน่อนเองก็ไม่สนใจว่าเขาจะสนใจเธอหรือเปล่า เพียงแค่พูดออกไปว่า “ฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอกสักหน่อย”
การเคลื่อนไหวที่มือของเฉินถิงเซียวได้หลุดลง ผ่านไปหลายวิ ก็ได้เคาะไปที่แป้นพิมพ์ต่อไปอีก
“คุณก็ไม่ต้องส่งคนตามฉันไปแล้ว ฉันบอกคุณตามตรงเลยก็ได้ ฉันจะไปหาลี่จิ่วเชียน”
คำพูดของมู่น่อนน่อนเพิ่งจะหลุดออกมา เฉินถิงเซียวก็ได้เงยหน้าขึ้นมาทันที แล้วเอ่ยออกมาด้วยสายตาที่เยือกเย็น “มู่น่อนน่อน คุณนึกว่าผมไม่มีทางทำอะไรคุณจริงๆเหรอ?”
มู่น่อนน่อนโกรธสุดๆแต่ก็ยังยิ้มออกมา ย้อนถามออกไป “คุณคิดจริงๆเหรอว่าคุณทำอะไรก็ถูกไปหมด ฉันจะต้องเชื่อฟังคุณถึงจะโอเคใช่มั้ย?”
สายตาของเฉินถิงเซียวมองไปแล้วน่ากลัวสุดๆ ราวกับว่าวินาทีต่อจากนี้จะตีเธอเลยก็ไม่ปาน
แต่ดีที่เธอรู้ว่าเฉินถิงเซียวไม่ตบตีผู้หญิง
แม้แต่เมื่อตอนนั้นตอนที่เขาทรมานมู่หวั่นขี ก็เพียงแค่ให้มู่หวั่นขีตบตีตัวเองไปเท่านั้น
ภายในใจของมู่น่อนน่อนร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอมองดูเวลาไปเล็กน้อย ระยะห่างจากตอนที่เธอโทรหาลี่จิ่วเชียนเสร็จ มันได้เป็นเรื่องของครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ไปแล้ว
เธอกังวลจริงๆเลยว่าลี่จิ่วเชียนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่คิดจะมาเสียเวลาไปกับเฉินถิงเซียวอีก
เฉินถิงเซียวโกรธง่าย แต่อีกแป๊บนึงก็จะหายโกรธแล้ว มู่น่อนน่อนตัดสินใจที่จะไม่สนใจเขาไปก่อนชั่วคราว
เธอเข้ามาที่ห้องหนังสือ เพียงแค่มาบอกเฉินถิงเซียวสักหน่อยว่าเธอจะออกไปข้างนอกเท่านั้น
เฉินถิงเซียวจะตกลงหรือไม่ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเธอ
“มู่น่อนน่อน คุณหยุดอยู่ตรงนั้น!” เสียงเดือดดาลของเฉินถิงเซียวดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
มู่น่อนน่อนไม่เพียงจะไม่หยุด แต่ยังเดินเร็วกว่าเดิมเสียอีก
เฉินถิงเซียวระเบิดอารมณ์ออกมา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำออกมาได้ทั้งนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะขังเธอเอาไว้ในบ้านไม่ให้เธอไปหาลี่จิ่วเชียนด้วยการบังคับเลยก็ย่อมได้
เธอคิดอย่างนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเพิ่มความเร็วฝีเท้าขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ลงไปหยิบกุญแจรถ แล้วก็เดินออกไปยังข้างนอกประตูใหญ่
เธอขับรถออกไปจากวิลล่า ขับไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ ก็เห็นว่าด้านหลังมีรถตามมาจากในกระจกมองหลัง
รถคันข้างหลังขับเร็วเลยทีเดียว เธอคิดว่ารถคันนั้นคงจะเป็นรถของเฉินถิงเซียวแน่ๆ
และก็เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้ ความเร็วของรถคันนั้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพียงไม่นานก็แซงเธอมาแล้ว เข้ามาขวางข้างหน้าเธอไปอย่างหยาบคายมากๆ เธอถูกบังคับให้ต้องเหยียบเบรกแบบกระชั้นชิด จากนั้นก็ได้ใส่ล็อกเพื่อความปลอดภัยไปอย่างระมัดระวังอย่างมาก
เฉินถิงเซียวลงจากรถ เดินเข้ามาทางรถของเธอด้วยท่าทางดุดัน
เขาเคาะมาที่หน้าต่างรถของเธอไปด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ใช้สายตาส่งสัญญาณบอกเธอว่าทางที่ดีให้เธอเปิดประตูรถเดี๋ยวนี้เลย
แต่มู่น่อนน่อนไม่ขยับเลยสักนิดเดียว
เธอไม่มีทางเปิดประตูรถหรอกนะ
เห็นมู่น่อนน่อนไม่ขยับเขยื้อน เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหามู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนรับสายมา เขาก็ได้พูดออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “ลงมา”
เสียงของเขาราวกับน้ำแข็งในฤดูหนาว ได้ยินแล้วก็เกิดความรู้สึกหนาวเหน็บเสียจนขนหัวลุกขึ้นมา
“ไม่ลง วันนี้ฉันจะต้องไปให้ได้” เดิมทีเธอก็สงสัยว่าลี่จิ่วเชียนจะเกิดเรื่องขึ้นมา ไม่วางใจจึงอยากจะไปดูสักหน่อย ตอนนี้เฉินถิงเซียวมาขวางเธออย่างนี้ แต่เธอจะไม่ไปก็ไม่ได้
เสียงของเฉินถิงเซียวฟังไปแล้วดูโกรธเกรี้ยวสุดๆ “คุณกล้า!”
มู่น่อนน่อนมองผ่านหน้าต่างรถออกไป มองสีหน้าของเขาไปแวบนึง ทอดถอนหายใจแล้วพูดอธิบายกับเขาออกไป “ฉันโทรหาลี่จิ่วเชียน เขาไม่รับสายเลย ฉันสงสัยว่าเขาอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เลยอยากจะไปยืนยันให้แน่ใจที่บ้านเขาดูสักหน่อยเท่านั้นเอง”
เฉินถิงเซียวไม่ได้สนใจเลยว่าเธอจะพูดอะไร ไม่คุยเหตุผลกันเลยสักนิดเดียว น้ำเสียงหยาบคายอยู่บ้าง “ไปไม่ได้!”
มู่น่อนน่อนหมดความอดทนที่จะอธิบายกับเฉินถิงเซียวไปแล้ว
เธอวางสายไปทันที ดวงตาทั้งสองข้างมองตรงไปข้างหน้า แล้วสตาร์ทรถขึ้นมา
ถึงแม้ว่าเฉินถิงเซียวจะขวางเอาไว้ เธอก็ยังต้องไปอยู่ดี
ตอนนี้สำหรับเธอแล้ว เรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่ว่าจะต้องไปหาลี่จิ่วเชียนให้ได้แล้ว แต่เป็นการที่อยากจะแก้ไขความอคติในใจของเฉินถิงเซียวแทน
เรื่องที่ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิด ก็คือถูกต้องแล้ว
เฉินถิงเซียวที่อยู่นอกรถตระหนักได้ถึงความคิดของมู่น่อนน่อน คือตัดสินใจจะชนเข้าไปที่รถของเขาโต้งๆ จึงไม่มีเวลาไปสนใจอะไรมากมาย พุ่งกระโจนเดินจ้ำๆเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ขึ้นรถขับรถตัวเองออกไป
ความเร็วของเขารวดเร็วมาก เพิ่งจะจอดรถให้ตรง แต่รถของมู่น่อนน่อนก็ได้ขับสีเข้ากับข้างๆตัวรถของเขาออกไปเสียแล้ว
เฉินถิงเซียวมองตอนที่รถของเธอได้ขับไปจากข้างๆรถของตัวเองไปอย่างปลอดภัย มือไม้สั่นไปหมด กลัวว่าเธอจะเกิดเรื่องขึ้นมา
ในทันใดนั้น เขาได้ใช้แรงตบลงไปที่พวงมาลัยรถไปทีนึงอย่างแรงทันที ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเรียกชื่อเธอออกมาครั้งนึง
“มู่น่อนน่อน!”
เวลาดึกมากขนาดนี้แล้ว มู่น่อนน่อนขับรถออกไปคนเดียว แล้วยังไปหาลี่จิ่วเชียนอีก แน่นอนว่าเฉินถิงเซียวไม่มีทางให้เธอไปคนเดียวแน่
ถึงแม้ว่าภายในใจมันจะโกรธไปหมด แต่เขาก็ได้ตามไปด้วยความไม่วางใจอยู่ดี