ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 541 แค่จะถามยังไม่ได้?
เมื่อลี่จิ่วเชียนได้ยินดังนั้น จึงหยุดไปชั่วขณะแล้วพูดขึ้นว่า “ออกมาตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า เหมือนกับนึกอะไรบางอย่างได้ แล้วถามว่า “มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า ถึงได้ลืมแม้แต่มือถือ”
จากนิสัยของลี่จิ่วเชียน จะต้องมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นแน่ๆ ถึงขนาดลืมหยิบมือถือมาด้วย
ก่อนหน้านี้ เธอโทรศัพท์หาลี่จิ่วเชียน หลังจากโทรติดในครั้งแรก สายก็ตัดอัตโนมัติ ครั้งที่สองดังอยู่สองครั้งแล้วสายก็ตัดไป หลังจากนั้น โทรไปอีกครั้งก็ปิดเครื่องไปแล้ว
ถ้าลี่จิ่วเชียนลืมหยิบมือถือออกไป แล้วเครื่องปิดไปเพราะแบตหมดก็เป็นเรื่องปกติ
ลี่จิ่วเชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไรหรอก จัดการเรียบร้อยแล้ว”
แม้ว่าเขากำลังยิ้ม แต่กลับรู้สึกแปลกแยกในสีหน้าและน้ำเสียงอย่างบอกไม่ถูก ทำให้มู่น่อนน่อนรู้สึกไม่ค่อยชิน
เธอเอื้อมมือไปแตะเฉินถิงเซียวเพื่อส่งสัญญาณบอกว่า ตอนนี้พวกเราควรกลับได้แล้ว
เฉินถิงเซียวเอนหลังพิงโซฟา ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับอยู่ที่บ้านของตัวเอง
เกิดอะไรขึ้นกับชายผู้นี้ อยู่บ้านของลี่จิ่วเชียนจนติดใจแล้วงั้นเหรอ?
มู่น่อนน่อนมองเขา
เฉินถิงเซียวเหลือบมองเธอด้วยสายตาราบเรียบ แล้วเงยหน้ามองลี่จิ่วเชียน “มีกาแฟไหม?”
พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังสั่งกาแฟที่ร้านกาแฟยังไงยังงั้น
ลี่จิ่วเชียนหรี่ตา ดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เขาก็ยังลุกขึ้นไปชงกาแฟให้เฉินถิงเซียว
เมื่อเขาหันหลังกลับไป มู่น่อนน่อนจึงถามเขาเบาๆ “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?พวกเราควรจะกลับได้แล้ว”
“ไหนๆก็มาแล้ว ก็นั่งสักพักแล้วค่อยไปก็ได้ จะรีบไปไหน?”
แวบแรกที่ได้ฟังเฉินถิงเซียวพูด ดูเหมือนกำลังโกรธ แต่น้ำเสียงของเขาไม่ได้แตกต่างจากเวลาปกติ จึงฟังไม่ออกเลยว่าเขาโกรธ
มู่น่อนน่อนดูไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และก็ขี้เกียจที่จะไปใส่ใจ จึงลุกขึ้นแล้วเดินไปหาลี่จิ่วเชียน
“ลี่จิ่วเชียน คุณไม่ต้องลำบากหรอก พวกเรากำลังจะกลับแล้ว ”เฉินถิงเซียวไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้ไม่อยากกลับ ในเมื่อเป็นแบบนี้เธอต้องเป็นคนพูดเองดีที่สุด
ลี่จิ่วเชียนหันไปมองเธอ แล้วหันกลับมาชงกาแฟต่อ “ไม่ลำบากหรอก แปบเดียวก็เสร็จแล้ว”
เขาชงกาแฟสด ดังนั้น เลยใช้เวลาค่อนข้างนาน
“คุณลี่เขาพูดแล้วว่าไม่ลำบาก ก็ดื่มกาแฟสักแก้วแล้วค่อยไป” ไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวเดินมาเมื่อไร
คนที่ไม่ได้เข้าเวรดึกคนไหนบ้าง ที่จะมาดื่มกาแฟเอาตอนเย็นแบบนี้ล่ะ?
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวตั้งใจหาเรื่อง แต่เรื่องแบบนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าจะควบคุมเขาได้ยังไง
ลี่จิ่วเชียนได้ฟังเฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ได้แค่ยิ้ม
หลังจากรอลี่จิ่วเชียนชงกาแฟเสร็จแล้วเฉินถิงเซียวดื่มกาแฟไปครึ่งแก้วเล็กๆ แล้วจึงกลับไปพร้อมกับมู่น่อนน่อน
หลังจากลี่จิ่วเชียนปิดประตูห้อง มู่น่อนน่อนก็จ้องมองเฉินถิงเซียวอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูสิว่าคืนนี้คุณจะหลับได้ไหม”
เธอพูดจบ ก็เดินตรงไปที่ลิฟต์ก่อน
เมื่อมู่น่อนน่อนเดินมาถึงหน้าประตูลิฟต์ ก็เห็นว่าลิฟต์เพิ่งไปหยุดอยู่ที่ชั้นบนเพียงหนึ่งชั้น ลิฟต์จึงลงมาอย่างรวดเร็วเมื่อเธอกดลิฟต์
ทั้งสองจึงเดินเข้าลิฟต์ด้วยกัน
หลังจากประตูลิฟต์ปิดลง ทันใดนั้น ประตูห้องของลี่จิ่วเชียนถูกเปิดออกอีกครั้ง
ลี่จิ่วเชียนยืนอยู่ข้างประตูมองไปที่ประตูลิฟต์ที่ว่างเปล่า นัยน์ตาเต็มไปด้วยอารมณ์สับสนอย่างบอกไม่ถูก และมองด้วยสายตาที่เฉียบคม ราวกับว่าสามารถมองทะลุประตูลิฟต์เห็นคนที่อยู่ด้านในได้ยังไงยังงั้น
……
มู่น่อนน่อนและเฉินถิงเซียวยืนอยู่ในลิฟต์
ในขณะที่ลิฟต์กำลังลง มู่น่อนน่อนเห็นว่าเฉินถิงเซียวทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
มู่น่อนน่อนจ้องไปที่เขาชั่วครู่ แล้วพูดขึ้นว่า “คืนนี้คุณดูแปลกๆไปนะ”
ตั้งแต่เฉินถิงเซียวเดินเข้าไปในบ้านของลี่จิ่วเชียน ก็ทำตัวแปลกๆแล้ว
เดิมที มู่น่อนน่อนเข้าใจว่าเฉินถิงเซียวอยากเข้าไปนั่งข้างในเพื่อจะทะเลาะกับลี่จิ่วเชียนซะอีก แต่เขาไม่เพียงแต่ไม่ทะเลาะกับลี่จิ่วเชียน แต่กลับนิ่งสงบมาก แทบจะไม่พูดอะไรเลย
แค่เรื่องนี้ก็แปลกมากแล้ว
เมื่อก่อนเวลาที่เฉินถิงเซียวเจอกับลี่จิ่วเชียน ทั้งสองต่างไม่มีใครยอมใคร แต่วันนี้ทั้งสองกลับสงบนิ่งมาก
เฉินถิงเซียวเอียงศีรษะมองเธอ พูดด้วยน้ำเสียงหน่ายแหนง “มีแค่ผมเท่านั้นที่แปลกไปเหรอ?”
มู่น่อนน่อนมองนัยน์ตาที่ดำขลับของเขา คิดอยู่ชั่วครู่ แต่ไม่แน่ใจว่าเขาต้องการสื่ออะไรกันแน่ ดังนั้น จึงถามหยั่งเชิงว่า “คุณบอกว่าลี่จิ่วเชียนทำตัวแปลกๆเหรอ?”
เฉินถิงเซียวเอื้อมมือไปเคาะที่หัวของเธอ “ดูเหมือนว่าในนี้จะเป็นของแท้นะ”
เขาทำแบบนี้เพื่อเป็นการด่าทางอ้อมว่าเธอไม่มีสมองเหรอ?
มู่น่อนน่อนปัดมือเขาทิ้ง โกรธจนอยากจะเตะตัดขาเขา
แต่เธอรู้ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเล็กคิดน้อย
“อันที่จริงแล้ว ฉันเองก็รู้สึกว่าลี่จิ่วเชียนแปลกๆไปเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าแปลกไปตรงไหน” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็มองไปที่เฉินถิงเซียวรอว่าเขาจะพูดอะไรสักนิด
เฉินถิงเซียวถามเธอกลับมาแบบนี้ แสดงว่าต้องค้นพบอะไรบางอย่าง
ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาอยู่บ้านลี่จิ่วเชียนไม่ยอมกลับ ก็เป็นเหตุผลที่เหมาะสมที่จะอธิบายได้แล้ว
เธอแน่ใจว่าเฉินถิงเซียวต้องค้นพบอะไรแน่ๆ
ลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง เฉินถิงเซียวก็เดินออกไปทันที
มู่น่อนน่อนรีบเดินตามออกไป ถามเขาว่า “เฉินถิงเซียว คุณค้นพบอะไรเหรอ?”
เฉินถิงเซียวไม่พูด เธอจึงทำได้เพียงเอ่ยปากถามเขาก่อน
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวค่อนข้างเนือยๆ “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พูดไปงั้นๆแหละ”
มู่น่อนน่อนเม้มปาก “คุณ……”
ต้องโทษตัวเธอเองที่เข้าใจว่า เขาพบอย่างจริงๆ
มู่น่อนน่อนเดินผ่านนำเขาไป ขึ้นรถก่อน แล้วขับออกไป
ก่อนที่เฉินถิงเซียวจะขึ้นรถ ก็หันกลับไปมองตึกที่ลี่จิ่วเชียนอยู่อีกครั้ง แล้วจึงเอี้ยวตัวเข้าไปนั่งในรถ
ทั้งคู่ขับรถกลับคฤหาสน์ตามลำดับก่อนหลัง กว่าจะถึงก็ดึกมากแล้ว
คนรับใช้ที่เข้าเวรดึกเปิดประตูให้พวกเขาทั้งสอง มู่น่อนน่อนเข้าประตูไปก็ถามว่า “มู่มู่หลับแล้วเหรอ?”
คนรับใช้ตอบว่า “คุณหนูน้อยเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำแล้วค่ะ”
มู่น่อนน่อนขึ้นไปข้างบน เดินไปดูเฉินมู่ที่ห้องก่อน แล้วค่อยกลับไปห้องนอนหลัก
เฉินถิงเซียวกำลังยืนดึงปมเน็กไทอยู่หน้าเตียง พอได้ยินเสียงเปิดประตู ก็มองไปที่ประตูแล้วถอดเน็กไทออก ถอดเสื้อคลุมแล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไป
……
วันรุ่งขึ้น
เนื่องจาก เมื่อวานกลับมาดึก นอนก็ค่อนข้างดึก มู่น่อนน่อนจึงดูไม่ค่อยสดชื่น นั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะอาหาร หาวไปด้วยปอกไข่ให้เฉินมู่ ไปด้วย
เธอยื่นไข่ที่ปอกแล้วให้เฉินมู่ เอามือกุมขมับแล้วก็หาวฟอดใหญ่ จนน้ำตาไหลออกมา
เวลานี้เฉินถิงเซียวที่นั่งเงียบๆอยู่ตรงข้ามเธอ จู่ๆก็ถามขึ้น “เมื่อวานตอนบ่าย คุณไปหาลี่จิ่วเชียนทำไมเหรอ?”
เมื่อมู่น่อนน่อนได้ยินเฉินถิงเซียวพูดถึงชื่อนี้ ก็ตอบสนองด้วยความตกใจ
เฉินถิงเซียวเห็นเธอไม่ตอบ จึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ “แค่จะถามก็ไม่ได้แล้วเหรอ?”
อยู่กับเขามานาน มู่น่อนน่อนมีภูมิต้านทานกับน้ำเสียงของเขาแบบนี้แล้ว จึงรู้สึกว่าน้ำเสียงแบบนี้ถือว่าปกติ
“เพราะฉันเห็นเขาที่โรงแรมจีนติ่ง โทรศัพท์หาเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆไป เลยไปหาเขา หลังจากที่ฉันไปก็……