ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 543 แม้แต่ผู้หญิงของตัวเองก็ยังดูแลได้ไม่ดี
แต่มู่น่อนน่อนไม่ได้ฟังคำของสือเย่แม้แต่น้อย รีบเดินตรงไปที่ประตูห้องประชุม และผลักประตูห้องประชุม
ด้านในมีคนนั่งอยู่เต็มห้อง กำลังประชุมเรื่องธุรกิจ
การกระทำที่หุนหันพลันแล่นของมู่น่อนน่อนทำให้คนในห้องต่างก็มองไปที่เธอ
ห้องประชุมเดิมทีก็มีบรรยากาศค่อนข้างเคร่งขรึม เนื่องจากการเข้ามาในห้องอย่างกะทันหันของมู่น่อนน่อนยิ่งทำให้บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบสงบผิดปกติ ราวกับว่าเข็มตกลงบนพื้นก็ยังได้ยิน
ทุกคนในห้องประชุมต่างมองไปที่มู่น่อนน่อน ในท่ามกลางคนในห้องประชุม บางคนก็ไม่รู้จักมู่น่อนน่อน
เมื่อเฉินถิงเซียวได้ยินเสียงผลักประตู แต่เดิมรู้สึกหงุดหงิด แต่เมื่อเขาหันไปเห็นมู่น่อนน่อน ดวงตาเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย แล้วยืนขึ้น เดินไปหามู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนไม่ได้พูดอะไรมาก เดินหันหลังไปที่ห้องทำงานของเฉินถิงเซียวเฉินถิงเซียวเดินตามหลังเธอออกไปอย่างช้าๆ
สือเย่ยังอยู่เพื่อจัดการเรื่องต่อจากนี้
“ขอโทษด้วยนะครับทุกท่าน ขอหยุดการประชุมชั่วคราวครับ ”
มีคนถามสือเย่ว่า “ผู้ช่วยสือ ผู้หญิงคนเมื่อกี้คือใครเหรอ?”
คนในห้องประชุมที่ไม่รู้จักมู่น่อนน่อนต่างก็เป็นผู้อาวุโสของบริษัทเฉินซื่อ คนหนุ่มสาวส่วนหนึ่งรู้จักมู่น่อนน่อน
สือเย่ยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีคนตอบกลับว่า “ผู้หญิงคนนี้เหมือนจะเป็นภรรยาคนก่อนของท่านประธาน ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวออกมา……”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
สือเย่เดินออกจากห้องประชุม เดินไปที่หน้าประตูห้องทำงานของเฉินถิงเซียวยืนอยู่สักครู่ ส่ายหัวแล้วเดินจากไป
……
ทั้งสองเดินมาถึงห้องทำงาน เฉินถิงเซียวก็นั่งลงบนโซฟา
หลังจากที่เขานั่งลง เห็นมู่น่อนน่อนยังยืนอยู่ตรงนั้น จึงชี้ไปที่ข้างๆกายเขา “มีเรื่องอะไรก็นั่งลงคุยกัน”
มู่น่อนน่อนก็ไม่นั่ง ได้แต่ยิ้มเยาะ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เมื่อวานนี้ คุณดูออกอยู่แล้วว่านั่นไม่ใช่ลี่จิ่วเชียน”
เธอพูดถึงลี่จิ่วเชียนออกมาตรงๆไม่อ้อมค้อม ไม่พูดมากเฉินถิงเซียวก็รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องที่พวกเขาไปบ้านของลี่จิ่วเชียนเมื่อวาน
“ใช่ เมื่อวานตอนเย็นที่บ้านของลี่จิ่วเชียน ผมก็ดูออกแล้วว่าผู้ชายที่มาต้อนรับพวกเราคนนั้นไม่ใช่ลี่จิ่วเชียนตัวจริง”เฉินถิงเซียวยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ดูไม่สำนึกผิดเลยสักนิด
มู่น่อนน่อนกัดฟันด้วยความโกรธจัด “เฉินถิงเซียว คุณดีใจใช่ไหมถ้าจะเกิดอะไรขึ้นกับลี่จิ่วเชียน? ฉันบอกคุณเลยนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลี่จิ่วเชียน ฉันจะรู้สึกผิดมาก ทำให้ฉันยิ่งจดจำเขาไปชั่วชีวิต เขาเคยช่วยฉัน เขาดูแลฉันตลอดสามปีที่ฉันนอนป่วยอยู่บนเตียง!” ไม่รู้ว่าคำพูดไหนที่ไปแทงใจของเฉินถิงเซียว สีหน้าเนือยของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก มีรัศมีเย็นยะเยือกแผ่ไปทั่วร่างของเขา
ทันใดนั้น เขายืนขึ้นด้วยความเดือด พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พอได้แล้ว!”
มู่น่อนน่อนตัวสั่นเทาด้วยความกลัวเมื่อเห็นเฉินถิงเซียวโกรธ
เธอกำหมัดอย่างเงียบๆ ยืนต่อหน้าเขา เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ไม่แสดงอาการใดๆ
นัยน์ตาของเฉินถิงเซียวเต็มไปด้วยความโกรธ ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธมาก แม้แต่หน้าอกของเขาก็ขยับขึ้นๆลงๆอย่างรุนแรง และเสียงพูดก็ดังขึ้นมากโดยไม่รู้ตัว
“มู่น่อนน่อน ผมไม่จำเป็นต้องให้คุณเตือนฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ตอนที่คุณนอนป่วยอยู่บนเตียงตลอดสามปี คือ ใครอีกคนที่ดูแลคุณ แต่ผม…… ”
เขาชะงักไปเมื่อพูดถึงตรงนี้ นัยน์ตาของความเจ็บปวดวาบขึ้นมา ราวกับถูกอารมณ์นั่นกดทับร่างของเขานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้เขาหายใจไม่ออก เขาจึงต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงต่ำลงว่า “แต่ผมกลับอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน ทำตัวเป็นคุณชายตระกูลเฉินอย่างสบายใจ”
มู่น่อนน่อนตกใจ ไม่รู้ตัวไปชั่วครู่
ห้องทำงานก็เงียบสงัดอย่างกับตายยังไงยังงั้น
ผ่านไปสักพัก มู่น่อนน่อนก็ขยับปาก พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ถอนหายใจ “ฉันไม่ได้โทษคุณ”
“แต่ผมโทษตัวผมเอง!”เฉินถิงเซียวยังคงมองเธออย่างไม่ละสายตา
ถึงแม้ว่าอารมณ์ของเขาจะขึ้นๆลงๆ แต่เขาก็ยังคงควบคุมสีหน้าของเขาได้ดี ทำให้มองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
มู่น่อนน่อนไม่คิดเลยว่า เขายังคิดเรื่องนี้อยู่ในใจตลอดเวลา
หลังจากเธอจากลี่จิ่วเชียนมาแล้ว ในตอนแรกที่เธอได้มาอยู่กับเฉินถิงเซียวเฉินถิงเซียวไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอเลย แม้ว่าจะเขาจะรู้สึกดีต่อเธอ แต่ก็ได้แค่รู้สึกดีด้วยเท่านั้น
เฉินถิงเซียวในเวลานั้น แม้จะรู้ว่าเธอนอนป่วยอยู่บนเตียงเป็นเวลาสามปี เกือบจะไม่ฟื้นขึ้นมา แทบจะไม่มีความรู้สึกซาบซึ้ง หลังจากนั้น ในเวลานั้นที่ความทรงจำของเขาสับสน ทำให้ท่าทีที่เขามีต่อเธอยิ่งแย่ลงไปอีก
จนกระทั่งภายหลัง เขานึกบางเรื่องได้……
ชีวิตของคนเรามักมีเรื่องไม่แน่ไม่นอนเสมอ เธอไม่เคยโทษเขาเลย และก็ไม่คิดเลยว่าเฉินถิงเซียวจะโทษตัวเองไหม
ดังนั้น เมื่อเขาเริ่มจำเรื่องระหว่างพวกเขาได้ จึงไม่ได้บอกเธอเหรอ?
เขาที่ฟื้นความทรงจำได้บางส่วน มีความรู้สึกดีๆต่อเธอ ดังนั้น เขารู้ว่าเธอนอนป่วยติดเตียงอยู่สามปี จึงปวดใจ เป็นทุกข์ และโทษตัวเอง
เมื่ออารมณ์แบบนี้สะสมอยู่ในใจมานาน ก็ทำให้เปลี่ยนไป แม้แต่ลี่จิ่วเชียนเขาก็เกลียด
เพราะว่า ลี่จิ่วเชียนทำในสิ่งที่เขาควรจะทำ
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยรู้สึกว่า มู่น่อนน่อนและลี่จิ่วเชียนมีอะไรในกอไผ่ แต่เขาไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับมู่น่อนน่อนยังไง ในเวลาที่เธอต้องการเขามากที่สุด แต่เขากลับไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ
ทุกครั้งที่ได้ยินมู่น่อนน่อนพูดถึงลี่จิ่วเชียน ทุกครั้งที่มู่น่อนน่อนไปหาลี่จิ่วเชียน มันเป็นการย้ำเตือนว่าเขาล้มเหลวมากแค่ไหน
แม้แต่ผู้หญิงของตัวเองก็ดูแลได้ไม่ดี
ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องเหล่านี้ ทำให้เขารู้สึกว่าสลดใจมาก
เขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่ง จิตใจก็ยากที่จะหยั่งถึง เขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องในใจของเขาเหล่านี้ ถ้าเขาไม่พูด ก็ไม่มีใครเดาออก
“เฉินถิงเซียว……” มู่น่อนน่อนเรียกชื่อเขาออกมา แต่ไม่รู้จะพูดอะไร
ชายผู้ฉลาดและทรงพลังที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ยืนกำหมัดแน่นต่อหน้าเธอ ด้วยใบหน้าที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าสุขหรือทุกข์ ครึ่งหนึ่งดูโอ้อวด อีกครึ่งดูโศกเศร้า
หลังของเขายืดตรง แต่กลับทำให้คนรู้สึกว่าเขาเหมือนไก่ชนที่พ่ายแพ้ สูญเสียความหลักแหลมและความมั่นใจที่เคยมี เหมือนเด็กน้อยที่หลงทาง
มีความตื่นกลัว ยิ่งทำให้รู้สึกปวดใจ
มู่น่อนน่อนรู้สึกเจ็บจี๊ดในหัวใจ
เธอเดินไปข้างหน้าสองก้าว เดินไปยืนต่อหน้าเฉินถิงเซียว เอื้อมมือออกไปเพื่อจะแตะเขา
แต่ก่อนที่มือของเธอใกล้จะแตะตัวเฉินถิงเซียวเฉินถิงเซียวกลับถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว หลบไม่ให้เธอถูกตัวเขา
มู่น่อนน่อนเงยหน้ามองเขา
เฉินถิงเซียวขยับมุมปาก ยิ้มกว้างออกมา ยิ้มจนดวงตาที่เคร่งขรึมคู่นั้นโค้งเว้าขึ้นมา
เขาเป็นผู้ชายที่สง่างาม ปกติจะไม่ค่อยยิ้ม ถึงแม้จะยิ้มบ้างบางครั้งที่ดีใจ แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น จริงๆแล้วมู่น่อนน่อนชอบมากเวลาที่เห็นเขายิ้ม
เพราะว่า เขามักจะเก็บความรู้สึกไว้ในใจเสมอ สุขทุกข์ก็เก็บไว้ในใจลึกๆ ไม่ให้ใครเข้าไปแอบดู
แต่ในเวลานี้ รอยยิ้มของเขากลับทำให้มู่น่อนน่อนรู้สึกไม่สบายใจ