ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 544 เธอต้องยุ่ง!
มู่น่อนน่อนยอมที่จะเห็นเขาโกรธเหมือนสิงโตที่โกรธอย่างไร้เหตุผล มากกว่าเห็นเขายิ้มแบบนี้
เขาคือเฉินถิงเซียว
เขาฉลาดหลักแหลมและก็มั่นใจในตัวเองขนาดนั้น
หลังจากที่แม่ของเขาถูกฆาตกรรมตอนเขาอายุ 11 ปี เขาอดทนอดกลั้นสืบหาความจริงที่แม่เขาถูกฆาตกรรม
อายุ 11 ปี เขาเป็นเพียงเด็กน้อย จนกระทั่งตอนนี้เขาอายุ 26 ปี ที่เติบโตเป็นคนที่มีสีหน้าไม่อาจคาดเดา ชายผู้ยอดเยี่ยมที่ทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุม
เขาไม่ควรจะเปลี่ยนเป็นแบบนี้เพราะเธอ
หากบนโลกนี้จะมีใครสักคนที่เกิดมาเพื่อให้คนแหงนมองและเปล่งประกาย ถ้าอย่างนั้นเฉินถิงเซียวก็คือคนๆนั้น
อย่างน้อยในสายตาของมู่น่อนน่อน เขาก็คือชายผู้ที่ยืนเปล่งประกายแม้จะอยู่ท่ามกลางฝูงชน
เฉินถิงเซียวถามเธอด้วยรอยยิ้ม ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าปกติ “ผิดหวังในตัวผมใช่ไหม?”
“ไม่เลย” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็รู้สึกว่าคำง่ายๆสองคำมันสั้นเกินไป จึงรีบพูดต่อว่า “ไม่ผิดหวังเลย เมื่อก่อนก็ไม่ ต่อไปก็ไม่ ในใจของฉัน เธอคือผู้ชายที่เก่งที่สุดในโลก”
“ผู้ชายที่เก่งที่สุดในโลก?”เฉินถิงเซียวหัวเราะ น้ำเสียงต่ำลง “ฉันไม่เก่งเลยสักนิด”
เขาพูดจบก็หันหลังเดินไปที่หน้าบานหน้าต่างบานใหญ่
ห้องทำงานของ CEO อยู่บนชั้นสูง มองจากตรงนี้ลงไป รถและคนเดินถนนที่อยู่ข้างล่างตัวเล็กเท่ามดยังไงยังงั้น
มู่น่อนน่อนรู้สึกเป็นห่วงเขา อยากจะเดินเข้าไปหา
แต่เฉินถิงเซียวหันหน้ากลับมา “อย่าเข้ามาอีกเลยนะ”
มู่น่อนน่อนหยุดเดิน เงยหน้ามองเขา
ทั้งสองอยู่ห่างกัน 3 เมตรกว่าๆ ยืนเผชิญหน้ากัน ระยะห่างนี้ถือว่าไกลพอตัว ไกลจนรู้สึกห่างเหิน
เฉินถิงเซียวแทบจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว สีหน้ากลับมาเย็นชาเหมือนเดิมอย่างไร้ที่ติ
เขาพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ตอนเด็กๆลี่จิ่วเชียนเติบโตที่ต่างประเทศ ผู้ชายคนที่หน้าตาเหมือนกับเขาอย่างกับแกะคนนั้น อาจจะเป็นพี่น้องที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขา ในเวลานี้……”
เขาพูดพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ “พวกเขาน่าจะขึ้นเครื่องบินออกนอกประเทศไปแล้ว”
เฉินถิงเซียวคิดอย่างรอบคอบ ในเมื่อเขาเดาได้ว่าผู้ชายคนเมื่อคืนไม่ใช่ลี่จิ่วเชียน ก็สามารถเดาแผนต่อไปของผู้ชายคนนั้นได้เป็นธรรมดา
“ทำไมเขาจะต้องบังคับให้ลี่จิ่วเชียนไปต่างประเทศด้วย?” ถ้าลี่จิ่วเชียนเต็มใจ เขาก็คงไม่ต้องลงทุนทำถึงขนาดนี้หรอก
เฉินถิงเซียวพึมพำอยู่สักพัก แล้วจึงค่อยๆพูดว่า “เพราะว่า ลี่จิ่วเชียนไม่ยอมกลับไปแต่โดยดี”
“งั้นก็หมายความว่า เขาพาลี่จิ่วเชียนกลับไป ต้องเป็นการบังคับให้ลี่จิ่วเชียนทำสิ่งที่เขาไม่เต็มใจแน่ๆ” มู่น่อนน่อนส่ายหัวไปมา “เรื่องของลี่จิ่วเชียน ฉันจะนั่งดูอยู่เฉยๆไม่ได้”
เฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้น น้ำเสียงเข้มขึ้น “ผมใช้ให้คนไปสืบแล้ว”
“อืม” มู่น่อนน่อนตอบกลับ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
เธอมองสำรวจเฉินถิงเซียว เห็นว่าหน้าของเขาไม่มีอารมณ์ที่แสดงออกก่อนหน้านี้แล้ว
เหมือนกับว่าชายที่ยืนต่อหน้าเธอที่ตื่นกลัวก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เฉินถิงเซียว
เธอรู้ว่าเฉินถิงเซียวเป็นคนเข้มแข็ง แต่บางครั้งเขาก็ดันทุรัง แต่กลับไม่ยอมเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้าหาเขา แล้วจะให้คนข้างๆทำยังไงล่ะ?
เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน
ดูจากลักษณะของเฉินถิงเซียวตอนนี้ ก็คงไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเมื่อกี้อีก
ทั้งสองยืนนิ่งอยู่อย่างนี้สักครู่ มู่น่อนน่อนจึงถามเขา “กลางวันนี้คุณจะกลับไปกินข้าวบ้านไหม? วันนี้ฉันไม่ไปที่ทำงานของฉินสุ่ยซาน เลยอยู่บ้านทำอาหาร”
เฉินถิงเซียวขยับปาก รูปปากเหมือนจะพูดว่า “โอเค” แต่กลับพูดอีกประโยคออกมา “ไม่กลับ”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า “งั้นฉันกลับก่อนนะ”
เธอพูดจบ เห็นว่าเฉินถิงเซียวได้แต่ยืนเงียบๆอยู่ตรงนั้น จึงหันหลังเดินออกไป
เมื่อประตูห้องทำงานปิดลง เฉินถิงเซียวกำหมัดแน่นทุบหน้าต่างบานใหญ่อย่างแรงหนึ่งหมัด ยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างบานใหญ่เป็นเวลานานไม่ขยับ
……
มู่น่อนน่อนออกมาจากตึกบริษัทเฉินซื่อ ก็รีบขับรถกลับไปที่ห้องเช่าของเธอ
ทันใดนั้น เธอก็นึกได้ว่า ตอนที่เธอจากลี่จิ่วเชียนมา เธอเอากุญแจบ้านของเขาติดมาด้วย
เธอเคยพูดเรื่องนี้กับลี่จิ่วเชียนเหมือนกัน แต่ลี่จิ่วเชียนก็พูดเชิงล้อเล่นกับเธอว่า ถ้าติดต่อเขาไม่ได้ เธอก็ยังสามารถเอากุญแจไปเปิดบ้านของเขาดูได้ว่าเขาตายไปแล้วหรือยัง
นึกไม่ถึงเลยว่ากุญแจพวงนี้จะมีประโยชน์จริงๆ
เมื่อถึงห้องเช่าที่มู่น่อนน่อนเช่าไว้ เธอก็เริ่มควานหากุญแจในกล่องในตู้
ลิ้นชักและตู้เยอะแยะไปหมด ทำให้มู่น่อนน่อนใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะหากุญแจพวงนั้นเจอในตู้เก็บของที่ไม่ได้สะดุดตาเท่าไรนัก
เธอหยิบกุญแจพวงนั้นไป แล้วขับรถไปที่บ้านของลี่จิ่วเชียน
เมื่อถึงทางเข้าย่านที่พักของเขา เธอเดินผ่านประตูป้อมยาม ยามได้พูดทักทายเธอ “คุณมาหาคุณลี่อีกแล้วเหรอครับ? วันนี้ตอนเช้า เขากับเพื่อนของเขาออกไปตั้งแต่เช้าแล้วครับ คุณไม่รู้เหรอ?”
มู่น่อนน่อนเดาว่า เพื่อนของเขาที่ยามพูดถึง อาจจะเป็นลี่จิ่วเชียนตัวจริง
เธอเก็บอารมณ์ของเธออย่างรวดเร็ว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันรู้สิค่ะ ตอนที่เขาจะไป เขายังโทรหาฉัน ให้ฉันมาช่วยดูแลต้นไม้ดอกไม้ที่ปลูกไว้ที่บ้านของเขาเลยค่ะ ช่วยเขารดน้ำต้นไม้ จะได้ไม่แห้งตายค่ะ”
มู่น่อนน่อนหาข้ออ้างได้อย่างเป็นธรรมชาติ ยามก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พยักหน้างึกๆ “ก็ต้องเป็นอย่างนั้น……”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันเข้าไปก่อนนะคะ”
มู่น่อนน่อนบอกลายาม แล้วเดินตรงไปที่อพาร์ทเม้นท์ที่ลี่จิ่วเชียนพักอาศัย
เมื่อถึงประตูบ้านของลี่จิ่วเชียน เธอจึงหยิบกุญแจออกมาเปิดประตู
สภาพห้องโถงใหญ่ยังคงเหมือนกับเมื่อวานที่เธอมา แต่ว่า ประตูห้องนอนของลี่จิ่วเชียนกลับเปิดกว้างอยู่
เธอรีบเดินเข้าไปในห้องนอนของลี่จิ่วเชียน ในห้องยุ่งเหยิงไปหมด เหมือนจะมีร่องรอยของการต่อสู้
ในห้องยุ่งเหยิงไปหมด สามารถจินตนาการได้เลยว่าในนี้ต้องเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงขนาดไหน
มู่น่อนน่อนนึกถึงเรื่องเมื่อวานแล้วก็เตะประตูด้วยความโกรธ
เมื่อคืนวานเธอรู้สึกได้ว่า ลี่จิ่วเชียน คนนั้นมีอะไรแปลกๆ แต่กลับไม่ได้คิดมาก
เธอจะไปคิดได้อย่างไรว่า ลี่จิ่วเชียน คนนั้นที่เธอเห็นเมื่อตอนกลางวันที่โรงแรมจีนติ่ง จะใช้เวลาเพียงสั้นๆแค่นี้ ปลอมตัวเป็น ลี่จิ่วเชียนตัวจริง และยังปลอมตัวอยู่ใต้จมูกเธอแท้ๆ
พูดไปพูดมา ก็ต้องโทษตัวเธอเอง
ถ้าตอนนั้นเธอคิดมากขึ้นอีกสักนิด ไม่แน่ว่าลี่จิ่วเชียนก็คงไม่ถูกพาตัวไป
ส่วนเฉินถิงเซียว……
มู่น่อนน่อนถอนหายใจเบาๆ
มู่น่อนน่อนเดินดูรอบๆห้องอีกครั้ง ทำให้พิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เธอและเฉินถิงเซียวคาดเดาว่าลี่จิ่วเชียนถูกบังคับพาตัวไปนั้นเป็นเรื่องจริง
ลี่จิ่วเชียนก็เป็นคนฉลาดหลักแหลมคนหนึ่ง จะพาตัวเขาไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แสดงให้เห็นว่าลี่จิ่วเชียนเชื่อใจผู้ชายคนนั้นมาก และผู้ชายคนนั้นจะต้องให้ลี่จิ่วเชียนทำในสิ่งที่เขาไม่เต็มใจแน่ๆ ถึงได้บังคับพาตัวลี่จิ่วเชียนไป
ส่วนเรื่องอะไรนั้น มู่น่อนน่อนเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
เธอรู้เพียงว่า เธอติดหนี้ลี่จิ่วเชียน เรื่องของลี่จิ่วเชียน เธอต้องยุ่ง!