ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 545 ลี่จิ่วชัง
มู่น่อนน่อนกลับไปโดยที่ไม่ได้อยู่ที่บ้านของลี่จิ่วเชียนนานนัก
ก่อนที่จะกลับ เธอเข้าไปที่ห้องหนังสือของเขาสักพัก แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไรที่เป็นประโยชน์
เธอไปๆมาๆแบบนี้อยู่ครึ่งวัน กลับถึงบ้านก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวจะพูดว่า เขาจะไม่กลับมากินข้าวกลางวัน แต่มู่น่อนน่อนก็ยังเข้าครัวทำอาหารกลางวันเอง
เฉินถิงเซียวไม่กลับมากิน แต่เธอกับเฉินมู่ยังต้องกิน
ท้ายที่สุด เมื่อเธอทำกับข้าวเสร็จ กำลังจะนั่งกินข้าวกับเฉินมู่ก็มีเสียงคนใช้ดังลอยเข้ามาจากข้างนอก
“คุณผู้ชายกลับมาแล้ว!”
“คุณผู้ชายทานข้าวมาหรือยังค่ะ?”
มู่น่อนน่อนได้ยินดังนั้น ก็เงยหน้ามองไปที่ประตูทางเข้าห้องอาหาร
เฉินมู่ที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ ดวงตาเป็นประกาย แล้วพูดด้วยความดีใจว่า “คุณพ่อกลับมาแล้ว!”
มู่น่อนน่อนลูบหัวเธอเบาๆ
โดยปกติแล้ว แม้ว่าเฉินถิงเซียวจะไม่ค่อยยิ้มและค่อนข้างจะใจร้ายกับเฉินมู่แต่เฉินมู่ก็ยังรักเขามาก
ผ่านไปไม่นาน ทางเข้าห้องอาหารก็มีเงาสูงใหญ่ปรากฎขึ้น
เฉินถิงเซียวเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะอาหาร แล้วนั่งลงตรงข้ามมู่น่อนน่อน
“คุณพ่อค่ะ” เฉินมู่เรียกเขาด้วยความดีใจ มุมปากยังเลอะไปด้วยซอสน้ำผึ้งจากปีกไก่อบน้ำผึ้ง เลอะขอบปากไปหมด ดูแล้วช่างน่าเอ็นดู
เฉินถิงเซียวตอบกลับ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เช็ดปากตัวเองหน่อยซิ”
“ค่ะ” เฉินมู่ดึงกระดาษทิชชู่ในกล่องออกมาหนึ่งแผ่น วางบนปากแบบสุ่มๆแล้วเช็ดปาก
เธอลดทิชชู่ดู เห็นซอสน้ำผึ้งสีเหลืองที่ติดอยู่บนทิชชู่ ก็ร้อง “อี๋” แล้วทิ้งทิชชู่ไว้ข้างๆอย่างรังเกียจ
เฉินถิงเซียวเห็นเธอเช็ดเองแล้วไม่สะอาด จึงดึงทิชชู่ออกมาอีกหนึ่งแผ่น จึงค่อยๆโผตัวไปข้างหน้า ยักคิ้วมองเธอ “เข้ามานี่สิ”
เฉินมู่ยันโต๊ะอาหารด้วยมือเล็กๆสองข้าง ยืดคอขึ้นยื่นหน้าเข้าไปหา ทำปากจู๋ให้เฉินถิงเซียวเช็ดปากให้เธอ
เฉินถิงเซียวเช็ดให้เธอจนสะอาด ก็ทิ้งทิชชู่ไว้ข้างๆ
ในเวลานี้ ก็มีคนรับใช้ตักข้าวมาให้เขาพอดี
เมื่อเขาหยิบตะเกียบขึ้นมา ก็เห็นมู่น่อนน่อนกำลังจ้องมาที่เขา
เฉินถิงเซียวแสดงสีหน้าอึดอัดขึ้นมาแวบหนึ่ง จึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ออกมาคุยเรื่องสัญญาทางธุรกิจ พอดีเห็นว่าอยู่ใกล้บ้าน ก็เลยกลับมากินข้าว”
สีหน้าของเขาทรยศเขาเอง ทำให้มู่น่อนน่อนรู้ว่าเขาก็แค่สร้างเรื่อง แต่ก็ไม่ได้พูดแทงใจเขา กลับเอื้อมมือไปคีบอาหารให้เขา “กินเยอะๆนะคะ”
เฉินถิงเซียวก้มหน้าลงทานข้าว
เฉินมู่เห็นมู่น่อนน่อนคีบอาหารให้เฉินถิงเซียวก็เลียนแบบบ้าง เธอคีบหอมใหญ่ที่ใช้ผัดผักคีบให้เฉินถิงเซียว
“คุณพ่อ กินผักค่ะ”
เฉินถิงเซียวมองไปที่เธอ “พ่อไม่กินผักนี้”
เฉินมู่คิ้วขมวด พูดอย่างคนโตว่า “คุณแม่บอกว่าห้ามเลือกกินค่ะ”
เฉินถิงเซียวถามเธอ “หนูไม่เลือกกินเหรอ?”
เฉินมู่ส่ายหัว
เฉินถิงเซียวยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว “งั้นหนูกินให้พ่อดูก่อนซิ”
“ได้ค่ะ” เฉินมู่คีบหอมใหญ่ชิ้นนั้นเข้าปากโดยไม่ลังเล รวดเร็วจนมู่น่อนน่อนห้ามไว้ไม่ทัน
แต่ว่า เมื่อเธอได้เคี้ยวก็คายออกมาทันที
“ว้าย…… นี่มันอะไรเนี่ย เผ็ดจัง……”
มู่น่อนน่อนมองเฉินถิงเซียวอย่างไม่สบอารมณ์ หยิบถ้วยของเฉินมู่มาตักน้ำซุปให้เธอสองสามช้อน
เฉินมู่รับถ้วยมาแล้วดื่มเอื้อกๆจนหมด
หลังจากนั้นก็บุ้ยปากมองไปที่เฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนคีบอาหารให้เธอ “กินเนื้อสิลูก”
เฉินมู่พลางโกยข้าวเข้าปากพลางแอบมองเฉินถิงเซียว ผ่านไปสักพัก เธอทำท่าทางเข้าใจ ชี้ไปที่หอมใหญ่ชิ้นนั้นที่เธอคายทิ้งบนโต๊ะอาหารแล้วพูดขึ้นว่า “อันนี้กินไม่ได้ค่ะ เผ็ด”
ในที่สุดเฉินถิงเซียวก็ตอบกลับ “อืม”
มู่น่อนน่อนและเฉินมู่ลงมือกินข้าวก่อน เมื่อเธอกินเสร็จ จึงพาเฉินมู่ออกไป
หลังจากเฉินถิงเซียวกินข้าวเสร็จตามออกมา เฉินมู่ก็หลับไปแล้ว มู่น่อนน่อนกำลังจะอุ้มเธอขึ้นไปนอนกลางวันพอดี
เฉินถิงเซียวเดินเข้ามา รับเฉินมู่มาจากอ้อมแขนของเธอโดยไม่พูดอะไร แล้วเดินขึ้นไปข้างบน
เขาอุ้มเฉินมู่วางลงบนเตียง มู่น่อนน่อนถอดเสื้อคลุมของเฉินมู่ออกแล้วห่มผ้าให้
จากนั้น ทั้งสองจึงออกมาจากห้องของเฉินมู่พร้อมกัน
ทั้งสองเดินลงมาจากข้างบนตามลำดับ มู่น่อนน่อนพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ ฉันไปที่บ้านของลี่จิ่วเชียนมา ที่บ้านของเขามีร่องรอยการต่อสู้”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร ยังคงเดินลงมาเรื่อยๆ
เขาไม่อยากจะพูดถึงเรื่องลี่จิ่วเชียนนัก
เขาเกลียดลี่จิ่วเชียน แต่ก็ยังช่วยเธอสืบเรื่องของลี่จิ่วเชียนอย่างลับๆ
เมื่อถึงห้องโถงใหญ่ มู่น่อนน่อนเรียกเขาไว้ “เฉินถิงเซียว”
เฉินถิงเซียวหันกลับมามองเธอด้วยสีหน้าเฉยเมย
เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะ”
เมื่อก่อนเฉินถิงเซียวเป็นคนยโสโอหัง คนที่เขาไม่ชอบ ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางสนใจ
เขาเกลียดลี่จิ่วเชียน แต่เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่าลี่จิ่วเชียนเคยช่วยมู่น่อนน่อนดังนั้น เขาถึงไม่ได้นั่งดูเฉยๆ
เขารู้ดีอยู่แก่ใจ แต่บางครั้งคนเราก็เดินมาถึงทางตันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลงเล็กน้อย พูดขึ้น “ขอบคุณอะไร? ยังไม่ทันได้แต่งงาน ก็เริ่มเกรงใจซะแล้วเหรอ?”
“แต่งงาน? ถ้าจะพูดให้ถูก พวกเราแต่งงานซ้ำอีกรอบต่างหาก” มู่น่อนน่อนเดินมาด้านหน้าของเขา เห็นเน็กไทของเขาเอียง จึงจะเอื้อมมือไปจัดเน็กไทของเขาให้เข้าที่
แต่ทันใดนั้น เขากลับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
มู่น่อนน่อนตกใจ เอื้อมมือไปคว้าเน็กไทของเขาไว้ แล้วพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “คุณลองถอยอีกครั้งดูสิ”
เฉินถิงเซียวมองไปที่เธอ แล้วก็ก้มมองมือที่เธอคว้าเน็กไทของเขาไว้ เพราะเธอใช้แรงมากในการคว้ามันไว้ ทำให้เห็นข้อต่อชัดมาก ยิ่งทำให้มือของเธอดูเล็กลงไปอีก
เฉินถิงเซียวยกมือขึ้น ค่อยๆวางลงบนมือของเธอ มองๆแล้วไม่ได้ใช้กำลังใดๆ และไม่ได้ทำให้เธอเจ็บแต่อย่างใด ค่อยๆจับมือของเธอออกอย่างเบาๆ
หลังจากเฉินถิงเซียวจับมือเธอออกแล้ว ก็ถามเธอว่า “นี่คุณใช้ความรุนแรงในครอบครัวเหรอ?”
มู่น่อนน่อน“……”
“พูดเข้าเรื่องเลยแล้วกัน”เฉินถิงเซียวทำสีหน้าจริงจัง “ก่อนหน้านี้ ข้อมูลที่ลูกน้องของฉันสืบได้ถูกส่งมาที่อีเมลฉันแล้ว และฉันก็เปิดอ่านแล้ว”เฉินถิงเซียวหยิบมือถือออกมา เปิดไปที่อีเมลที่เพิ่งได้รับ ส่งให้มู่น่อนน่อนอ่าน
มู่น่อนน่อนอ่านแบบคร่าวๆ จนสายตาหยุดจับจ้องไปที่ชื่อชื่อหนึ่ง
“ลี่จิ่วชัง?” มู่น่อนน่อนเงยหน้ามองเฉินถิงเซียว“เขาเป็นพี่น้องฝาแฝดของลี่จิ่วเชียนจริงๆ”
เฉินถิงเซียวหันหลังนั่งลงบนโซฟา ค่อยๆพูดว่า “ลี่จิ่วเชียนกับลี่จิ่วชังจริงๆแล้วเป็นคนเมืองหู้หยาง แต่ตอนพวกเขาเล็กๆ พ่อแม่ของพวกเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุอย่างไม่คาดคิด ในตอนนั้นมีคนจีนโพ้นทะเลที่อยู่ต่างประเทศรับเลี้ยงพวกเขา พาพวกเขาไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ แต่ประวัติของคนจีนโพ้นทะเลที่รับเลี้ยงพวกเขานั้นน้อยมาก ”
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย “อันนี้พอเข้าใจได้ ขนาดประวัติของลี่จิ่วเชียนก็สืบยากขนาดนั้น แล้วนับประสาอะไรกับคนที่รับเลี้ยงพวกเขา พ่อเลี้ยงของพวกเขาต้องเป็นคนที่มีอำนาจมากแน่ๆ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถปกปิดประวัติเกี่ยวกับตัวเขาเอง ของ ลี่จิ่วเชียนและของลี่จิ่วชังไว้เป็นความลับได้ขนาดนี้หรอก”