ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 592 พรุ่งนี้มาใหม่
ใบหน้าของมู่น่อนน่อนมีความโกรธกริ้วโผล่ขึ้นมาเสี้ยวนึง น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย:“อาลั่ว คุณจะทำอะไรกันแน่!ฉันรู้ว่าเพราะลี่จิ่วเชียนแล้วคุณได้มีความบาดหมางกับฉัน แต่คุณก็อย่ารังแกคนมากเกินไปนะ!”
อาลั่วยิ้มหยันพร้อมกัดฟันพูด:“มู่น่อนน่อน ฉันดูถูกคุณเกินไปแล้ว”
ถึงแม้เธอรู้สึกเจ็บใจ แต่ก็แค่อุทานอย่างเย็นชาก็ได้หันหลังเดินออกไปเลย
มู่น่อนน่อนรอให้อาลั่วออกไป หลังจากเดินไปล็อกประตูแล้ว ก็ได้รีบเดินมาเปิดตู้เสื้อผ้า
เธอเปิดประตูตู้เสื้อผ้าของด้านในสุดออก ดึงเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ออกมาข้างนอกทีละตัวๆ ก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังยืนพิงอยู่ที่ผนังตู้เสื้อผ้า
ถึงจะหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า เฉินถิงเซียวดูแล้วไม่เพียงไม่ตกที่นั่งลำบากเลย กลับกันออร่ายังดูไม่ลดลงเลย
คนบางคนนี่เกิดมาก็ดูสูงส่งเลย
แต่มู่น่อนน่อนก็ยังรู้สึกว่าแบบนี้กล้ำกลืนเฉินถิงเซียวมาก
เธอเม้มปากและพูดว่า:“เธอไปแล้วค่ะ ออกมาได้เลย”
เฉินถิงเซียวมองเธอแว๊บนึง นัยน์ตาที่ดำสนิทแฝงด้วยกลิ่นอายของความดุร้าย
มู่น่อนน่อนกะพริบตาปริบๆ รู้สึกหนาวสันหลังอย่างควบคุมไม่ได้
เฉินถิงเซียวเป็นอะไรไป?
เขาออกมาจากตู้เสื้อผ้า แม้แต่เสื้อผ้าบนตัวก็ขี้เกียจที่จะจัดให้เรียบร้อย แค่จ้องมู่น่อนน่อนไว้อย่างเย็นชาแบบนี้
ถึงแม้มู่น่อนน่อนไม่รู้เลยว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาโกรธ แต่ก็ยังร้อนตัวอย่างไร้สาเหตุ
เธอถามเฉินถิงเซียว:“เป็นอะไรไปคะ?”
เฉินถิงเซียวก้มหน้า หรี่ตาจ้องมู่น่อนน่อนไปพักนึง ถึงค่อยๆเปิดปากพูด:“เจ้านายอีกคน?คุณผู้หญิง?”
น้ำเสียงของเขาเย็นชา ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด และฟังไม่ออกเลยว่าโกรธ
ยิ่งฟังไม่ออกว่าโกรธ ก็ยิ่งหมายความว่ากำลังโกรธอยู่
มู่น่อนน่อนเม้มปากแล้วพูด:“แค่พูดออกมายั่วโมโหอาลั่วเฉยๆ คุณก็ทำเป็นไม่ได้ยินก็พอค่ะ”
“แต่ผมได้ยินแล้ว”เฉินถิงเซียวยักคิ้ว ชัดเจนว่าไม่คิดจะยุติแบบนี้
“……”
มู่น่อนน่อนอ้าปาก แต่สรรหาคำพูดไม่ได้ในชั่วขณะ
ทั้งสองสบตากันไปครู่นึง มู่น่อนน่อนได้เป็นฝ่ายหมดความอดทนก่อน
“งั้นก็ตามใจคุณ”
บางครั้งเฉินถิงเซียวก็เหมือนเด็กเลย ถึงรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ยังจะโกรธอีก
แต่วันนี้ มู่น่อนน่อนไม่คิดที่จะง้อเขาแล้ว จะโกรธซี้ซั้วทุกครั้งไม่ได้ จากนั้นก็ให้เธอไปง้ออีก เธอก็มีอารมณ์เหมือนกันนะ
เธอไม่ง้อเฉินถิงเซียว แต่เฉินถิงเซียวเจ้าอารมณ์กว่าเธอเสียอีก
เขามองมู่น่อนน่อนแว๊บนึง ก็ได้หันหลังเดินไปที่ริมหน้าต่าง จากนั้นได้โดดไปนอกหน้าต่างโดยไม่บอกกล่าวสักคำ
มู่ย่อนน่อนอึ้งอยู่ครู่นึงถึงดึงสติกลับมา เธอรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ริมหน้าต่างอย่างไว
เธอยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง โน้มตัวมองลงไปข้างล่าง ด้านล่างมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย ร่างเงาคนยิ่งไม่ต้องพูดถึง
มู่น่อนน่อนมองดูรอบๆ เธอก็ไม่กล้าเรียกชื่อเขาเสียงดัง ได้แต่เรียกเบาๆว่า:“เฉินถิงเซียว!”
แต่เฉินถิงเซียวไม่ตอบเธอเลย
มู่น่อนน่อนปิดหน้าต่าง แล้วหันหลังกลับมาเดินไปมาอยู่ที่ห้องนอน
เธอเดินไปด้วยและพึมพำไปด้วย:“ฉันไม่ใช่ไม่รู้สึกสักหน่อยว่าเขามีนิสัยยังไง ฉันไม่โกรธ ฉันไม่โกรธ……”
ไม่โกรธสิแปลก!
มู่น่อนน่อนนั่งลงที่โซฟา หยิกหมอนไว้ทุบตีอยู่พักนึง ในที่สุดถึงรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนึง
ขณะนี้ เธอรู้สึกได้ว่ากระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองเหมือนมีของ
มู่น่อนน่อนยื่นมือล้วงออกมาดู พบว่าในกระเป๋าเสื้อไม่รู้มีมือถือเพิ่มมาหนึ่งเครื่องตั้งแต่เมื่อไหร่
มู่น่อนน่อนรู้สึกคุ้นมือถือเครื่องนี้มาก เป็นมือถือที่ปกติเฉินถิงเซียวใช้
เขาเอามือถือมาใส่ที่กระเป๋าเสื้อของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่?
ขณะนี้ จู่ๆมือถือได้สั่นสะเทือน มีสายเรียกเข้า
มู่น่อนน่อนลังเลอยู่ครู่นึงถึงรับสาย
เสียงทุ้มต่ำของเฉินถิงเซียวได้ก้องมาจากมือถือ:“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยมาหาคุณกับลูกใหม่นะ”
มู่น่อนน่อนถามด้วยความตะลึง:“พรุ่งนี้?”
พรุ่งนี้เฉินถิงเซียวยังจะปีนหน้าต่างอีก?
“พรุ่งนี้คุณจะปีนเข้ามาจากหน้าต่างอีก?”มู่น่อนน่อนได้รีบส่งเสียงปฏิเสธทันที:“ไม่ได้ ห้ามปีนอีก”
ตอนนี้เธอรู้ว่าเฉินถิงเซียวปลอดภัยก็โอเคแล้ว เธอไม่อยากให้เฉินถิงเซียวเสี่ยงแบบนี้อีก
เฉินถิงเซียว:“ฝันดีt”
จากนั้นเขาก็ไม่พูดจาอีกเลย
มู่น่อนน่อนจึงได้แต่วางสายทิ้ง
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
เฉินมู่ตื่นเช้ามาก ได้ตีลังกาลุกขึ้นจากเตียง เธอมองดูรอบๆด้วยหัวที่ฟูเหมือนรังนก
เธอตื่นปุ๊บ มู่น่อนน่อนก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้วเหมือนกัน
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นมานั่ง ใช้มือจัดผมที่ยุ่งเหยิงของเฉินมู่:“ตื่นเช้าจังเลย”
เฉินมู่ขยี้ตาแล้วถามมู่น่อนน่อน:“คุณพ่อล่ะคะ?”
“คืนนี้คุณพ่อจะมาอีกค่ะ”มู่น่อนน่อนรู้ว่าตามนิสัยของเฉินถิงเซียวแล้ว ถึงแม้เธอไม่ให้เขาปีนขึ้นมาอีก แต่เขาบอกจะมาก็ต้องมาแน่นอน
น้อยมากที่จะมีคนสามารถเปลี่ยนความคิดของเฉินถิงเซียว
เฉินมู่ขมวดคิ้วไว้ หน้าตาเหมือนจะร้องไห้:“ทำไมคุณพ่อไม่รอหนูเลย”
มู่น่อนน่อนพูดปลอบโยนเธอ:“เพราะหนูหลับไปแล้วนี่คะ คุณพ่อไม่อยากกวนหนูถึงไม่ได้ปลุกหนู”
เฉินมู่ดูเสียใจนิดหน่อย แต่ไม่นานก็ถูกมู่น่อนน่อนหยอกจนขำและเบี่ยงเบนความสนใจได้
ตอนที่สองแม่ลูกออกจากห้อง มู่น่อนน่อนได้กำชับเฉินมู่ว่า:“ห้ามบอกคนอื่นว่าหนูเจอคุณพ่อ?รู้มั้ยคะ?”
“เพราะอะไรคะ?” เฉินมู่มองมู่น่อนน่อนอย่างมึนงง จู่ๆได้ยิ้มขึ้นมา:“หนูรู้แล้วค่ะ เพราะคุณพ่อเป็นซุปเปอร์แมน จะให้คนอื่นรู้ความลับอันนี้ไม่ได้!”
“……ใช่ค่ะ จะให้คนอื่นรู้ความลับอันนี้ไม่ได้”ที่จริงเด็กช่างจินตนาการก็เป็นเรื่องดีนะ
เมื่อคืนเฉินมู่ได้เจอหน้าเฉินถิงเซียวแล้วอารมณ์ดีมาก
ตอนที่มาถึงห้องอาหาร ก็ได้ปากหวานเรียกทั้งสองคนว่า:“คุณลุงลี่ น้าอาลั่ว!”
เมื่อวานอาลั่วกับมู่น่อนน่อนมีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อย แต่ตอนที่เฉินมู่เรียกเธอ เธอก็ยังได้ตอบด้วยรอยยิ้ม
ดูออกว่าอาลั่วมีความเห็นอกเห็นใจเด็กมาก มู่น่อนน่อนคาดเดานี่อาจจะเกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของอาลั่ว
พ่อบุญธรรมที่อาลั่วพูดก่อนหน้านี้อาจจะหลอกเธอ แต่ชาติกำเนิดของเธอน่าจะเป็นเรื่องจริง สมัยเด็กๆเธออาจจะเป็นเด็กกำพร้าจริงๆ ถูกรับเลี้ยง เลยมีความเห็นอกเห็นใจกับเด็กๆ
ตอนที่ทานอาหารเช้าเสร็จ จู่ๆลี่จิ่วเชียนได้เงยหน้ามองมาที่มู่น่อนน่อน แล้วถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า:“อยากออกไปเดินเล่นหน่อยมั้ย?”
ลี่จิ่วเชียนในเมื่อก่อนก็พูดจาน้ำเสียงแบบนี้แหละ แต่ตอนนี้มู่น่อนน่อนเห็นหน้าเขาแล้วก็รู้สึกว่าเกลียดขี้หน้าเลย
มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าเขาคิดกำลังอะไรแผลงๆอีก จึงได้พูดตรงๆว่า:“ไม่อยากค่ะ คุณมีจุดประสงค์อะไรก็พูดมาตามตรงๆ ดีกว่า ไม่ต้องอ้อมค้อม”
เฉินมู่ทานอาหารเช้าเสร็จก็ได้ไปเล่นแล้ว มู่น่อนน่อนจึงไม่ได้พูดจาเกรงใจขนาดนั้น
ลี่จิ่วเชียนยังไม่ได้พูดอะไรเลย อาลั่วก็นั่งไม่ติดแล้ว
“คุณมู่ คุณมาที่นี่นานขนาดนี้แล้ว คุณชายกลัวว่าคุณจะเบื่อ ถึงอยากพาคุณออกไปเดินเล่นหน่อยค่ะ”
คำว่า“คุณมู่”นี้ อาลั่วได้เพิ่มน้ำหนักเสียงให้หนักขึ้น เห็นได้ชัดว่ากำลังเตือนเธออยู่
มู่น่อนน่อนฟังแล้วได้มองไปที่อาลั่วด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ:“ในเมื่อแบบนี้ ฉันให้คุณอาลั่วพาฉันออกไปเดินเล่นได้มั้ยคะ?