ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 593 เมื่อคืนหนู........
อาลั่วฟังแล้วได้จ้องมู่น่อนน่อนด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่หันไปมองลี่จิ่วเชียน
ลี่จิ่วเชียนยิ้มอ่อนๆ ไม่เห็นความโกรธเลยสักนิด:“ถ้าคุณอยากให้อาลั่วเป็นเพื่อนคุณก็ได้”
อาลั่วสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ได้เรียกสั้นๆคำนึง:“คุณชาย!”
เห็นได้ชัดว่าคัดค้านจะที่ออกไปกับมู่น่อนน่อนสุดๆ
มู่น่อนน่อนไม่แปลกใจกับท่าทีของอาลั่วเลย กลับกันรู้สึกว่าผู้หญิงที่ดูหน้าตาและจิตใจเย็นชาอย่างอาลั่วช่างน่ารักจริงๆ
มู่น่อนน่อนเอียงศีรษะเล็กน้อย และถามลี่จิ่วเชียนด้วยรอยยิ้ม:“งั้นก็เอาตามนี้นะคะ?”
ลี่จิ่วเชียนหลุบตาลงเล็กน้อย น้ำเสียงยังคงอ่อนโยนอีกเช่นเคย:“พวกคุณออกไปด้วยกัน ส่วนมู่มู่ก็ให้อยู่บ้านเถอะ ข้างนอกอากาศหนาวเกินไป”
มู่น่อนน่อนตกใจไปครู่นึง จากนั้นได้หัวเราะเบาๆ:“ใช่ค่ะ ข้างนอกอากาศหนาวเกิน ฉันไม่ออกไปแล้วดีกว่า”
เธอพูดจบ ก็ได้ลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มแล้วเดินไปจูงมือเฉินมู่เดินออกไปข้างนอก
พอหันหลัง รอยยิ้มของมู่น่อนน่อนก็ได้จางหายไปหมด
มู่น่อนน่อนบอกอยากให้อาลั่วไปเป็นเพื่อนเธอ แค่ไม่อยากไปกับลี่จิ่วเชียนเฉยๆ ส่วนลี่จิ่วเชียนก็ไม่ใช่คนที่จะรัลมือได้ง่ายๆ
ความหมายของคำพูดเขาได้พูดให้เห็นชัดแล้ว ถ้าเธอจะออกไปพร้อมกับอาลั่ว ก็ต้องเอาเฉินมู่ไว้ที่นี่
ลี่จิ่วเชียนระมัดระวังมากแค่ไหน นี่คือกลัวมู่น่อนน่อนไปข้างนอกแล้วคิดหาวิธีชิ่งหนี ดังนั้นถึงได้ให้เฉินมู่อยู่ที่วิลล่า
ตอนที่ผู้ชายคนนึงถนัดใช้ความอ่อนโยนและจิตใจที่ดีงามมาอำพรางตัวเอง หลังจากที่ได้เผยสันดานความเห็นแก่ตัวและความใจแคบที่แท้จริงที่สุดออกมา ก็อย่าคาดหวังอะไรกับเขาอีกเลย
ลี่จิ่วเชียนไม่ใช่ลี่จิ่วเชียนคนเมื่อก่อนแล้ว
งั้นความสัมพันธ์ของเธอกับลี่จิ่วเชียนก็ไม่มีทางกลับไปเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
อันคำว่ามิตรภาพที่เคยผ่านความตายมาด้วยกัน ก็เป็นแค่สิ่งจอมปลอมที่ลี่จิ่วเชียนจัดฉากขึ้นมาเพื่อบรรลุหมายหมายของตัวเองเท่านั้น
สองแม่ลูกเพิ่งเดินออกมาที่ข้างนอก เธอก็รู้สึกได้ว่าเฉินมู่กำลังดึงแขนเสื้อเธออยู่
เธอก้มหน้าก็เห็นว่าเฉินมู่กำลังแหงนหน้ามองเธออยู่ พร้อมถามเสียงเบาว่า:“แม่คะ ทำไมแม่ถึงโกรธคะ?”
มู่น่อนน่อนจับแก้มของเฉินมู่:“เพราะแม่เจอเรื่องที่ไม่สบอารมณ์มากเลยค่ะ”
เฉินมู่พูดเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ:“งั้นแม่ก็มีความสุขหน่อยสิคะ”
มู่น่อนน่อนอดขำไม่ได้:“มีมู่มู่อยู่ แม่ก็มีความสุขขึ้นมากแล้วค่ะ”
……
มู่น่อนน่อนไม่ได้รับปากว่าจะออกไปเดินเล่นกับลี่จิ่วเชียน ลี่จิ่วเชียนก็ไม่ได้ฝืนใจเธอ
เพียงแต่ลี่จิ่วเชียนก็ไม่ได้ออกจากบ้านเหมือนกัน รวมทั้งอาลั่วก็อยู่ที่วิลล่าไม่ได้ออกไป
ตอนนี้เวลาที่มู่น่อนน่อนมีธุระยอมที่จะไปหาอาลั่ว ก็ไม่อยากเจอหน้าลี่จิ่วเชียน
เธอไม่อยากเห็นหน้าลี่จิ่วเชียน แต่กลับต้องแคร์ความรู้สึกของเฉินมู่
เมื่อคืนเฉินมู่ได้เจอหน้าเฉินถิงเซียวแล้วอารมณ์ดีมากเลย เธออยากเล่นอยู่ที่ห้องโถง มู่น่อนน่อนได้แต่อยู่เป็นเพื่อนเธอ
เธอกับเฉินมู่อยู่ที่ห้องโถง ลี่จิ่วเชียนก็อยู่ที่ห้องโถงเหมือนกัน
เฉินมู่เล่นต่อจิ๊กซอว์ ลี่จิ่วเชียนก็ได้ไปเล่นกับเธอด้วย
ตอนนี้เฉินมู่ก็ยังมีความรู้สึกดีๆให้ลี่จิ่วเชียนอยู่ เล่นกับลี่จิ่วเชียนก็เล่นได้มีความสุขอมาก
มู่น่อนน่อนคอยจ้องลี่จิ่วเชียนอยู่ที่ข้างๆตลอด จู่ๆได้ยินลี่จิ่วเชียนพูดคำนึงว่า:“มู่มู่มีความสุขมากเลยเหรอคะ?”
“ค่ะ!”เฉินมู่พยักหน้าอย่างจริงจัง
ลี่จิ่วเชียนถือโอกาสถาม:“เจอเรื่องน่าดีใจอะไรมา แบ่งปันกับลุงลี่หน่อยได้มั้ยคะ?”
“เมื่อคืนหนู……”เฉินมู่เปิดปากพูดปุ๊บ หัวใจของมู่น่อนน่อนก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย
เฉินมู่คงไม่ใช่จะบอกเรื่องที่เมื่อคืนเจอเฉินถิงเซียวมั้ง?
มู่น่อนน่อนคิดอยู่ในใจว่าต้องหาเหตุผลอะไรสักอย่างมาขัดจังหวะเฉินมู่
แต่แล้วในขณะนี้นี่เอง เฉินมู่ได้เอียงศีรษะกะพริบตาปริบๆให้ลี่จิ่วเชียนอย่างซุกซน ทำท่าพูดกระซิบ มือน้อยๆบังอยู่ที่ข้างปาก พูดด้วยเสียงที่ไม่ดังไม่เบา:“ฝันเห็นคุณพ่อ!เมื่อคืนหนูฝันเห็นคุณพ่อค่ะ!”
อีกนิดเดียว มู่น่อนก็จะขัดจังหวะเฉินมู่แล้ว แม้แต่เหตุผลเธอก็คิดเรียบร้อยแล้ว
ปรากฏว่าเฉินมู่ได้อ้อมสักรอบใหญ่ บอกว่าเธอฝันเห็นเฉินถิงเซียว……
มู่น่อนน่อนรู้สึกขำ และได้หัวเราะขึ้นมาจริงๆ แต่สีหน้าของลี่จิ่วเชียนเนี่ยสิไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย
เฉินมู่พูดจบ ยังได้ถามลี่จิ่วเชียนด้วยความแปลกใจว่า:“คุณลุงลี่รู้จักพ่อของหนูมั้ยคะ?”
“รู้จักสิคะ”ลี่จิ่วเชียนฝืนรักษาความอ่อนโยนของใบหน้าไว้ ยิ้มได้ค่อนข้างแข็งกระด้าง
เฉินมู่กะพริบตา และพูดอย่างค่อนข้างเก้อเขิน:“คิๆ พ่อหนูโคตรหล่อเลยค่ะ”
มู่น่อนน่อนไม่เคยได้ยินเฉินมู่พูดคำพูดแบบนี้มาก่อน และไม่เคยได้ยินเธอชมเฉินถิงเซียวหล่ออะไรประมาณนี้ด้วย น่าจะไปฟังมาจากที่เสิ่นเหลียงแน่เลย
เสิ่นเหลียงชอบหยอกเฉินมู่ แถมนิสัยยังร่าเริงแจ่มใส เฉินมู่ชอบเธอมาก
สีหน้าของลี่จิ่วเชียนได้จืดลงไปเยอะเลย เขาลุกขึ้นมาแล้วพูดกับเฉินมู่ว่า:“หนูไปเล่นนะคะ ลุงลี่ยังมีธุระต่อ”
“ค่ะ”เดิมทีเฉินมู่ก็มีนิสัยอ่อนไหวอยู่แล้ว แต่นาทีนี้มัวแต่หวงเล่นอยู่ จะไปมีเวลาสนใจสีหน้าของลี่จิ่วเชียนได้อย่างไร เธอได้ก้มหน้าเล่นต่อจิ๊กซอว์ของตัวเองต่อทันที ดูแล้วแล้งน้ำใจสุดๆ
มู่น่อนน่อนนั่งอยู่ข้างๆไม่ได้ส่งเสียงอะไร
ลี่จิ่วเชียนกำลังจะลุกเดินไป ก็มีลูกน้องเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“คุณชายครับ”
นาทีนี้อารมณ์ของลี่จิ่วเชียนไม่ค่อยดี น้ำเสียงจึงค่อนข้างเย็นชา:“เรื่องอะไร?”
ลูกน้องได้มองมู่น่อนน่อนแว๊บนึง จากนั้นก็ได้ไปกระซิบที่ข้างหูลี่จิ่วเชียน
ต่อมา มู่น่อนน่อนก็เห็นสีหน้าของได้ลี่จิ่วเชียนเปลี่ยนไป แววตามีความช็อกแว๊บผ่าน
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ลี่จิ่วเชียนก็ได้มองมู่น่อนน่อนแว๊บนึง จากนั้นได้พูดกับลูกน้องว่า:“ออกไปดูหน่อย”
ทั้งสองได้เดินออกไป มู่น่อนน่อนก็แปลกใจอยากออกไปดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ถึงขั้นสามารถทำให้ลี่จิ่วเชียนช็อกขนาดนี้
“มู่มู่”มู่น่อนน่อนได้ดึงมือของเฉินมู่:“แม่อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกค่ะ”
“ข้างนอกหนาวนะคะ”เฉินมู่หันหน้ามามองเธอพร้อมพูดอย่างจริงจัง คำว่า“หนาว”ได้เพิ่มน้ำหนักและลากเสียงซะยาวเลย น้ำเสียงที่หัวโบราณใสแบ๊วมาก
มู่น่อนน่อนหยิกจมูกเธอเบาๆ:“แม่ไม่กลัวหนาว หนูกลัวมั้ยคะ?”
เฉินมู่ลังเลอยู่ครู่นึง ยื่นมือทำท่าทางไปสองทีและพูดอย่างค่อนข้างสำออย:“งั้นแม่ใส่หมวกที่เป็นกระต่ายอันนั้นให้หนูหน่อยค่ะ”
“โอเคค่ะ!”มู่น่อนน่อนตอบอย่างไว เธอขึ้นไปเอาหมวกมาใส่ให้เฉินมู่ เสร็จแล้วก็ได้จูงมือเธอออกไปดูเฮฮาเลย
ภาพความเหี่ยวฉาวของฤดูหนาวที่ลานบ้าน ถึงผ่านการจัดแต่งดูแลอย่างละเอียด ก็ยังดูเงียบเหงามากอยู่ดี
ลี่จิ่วเชียนกับลูกน้องอยู่ที่หน้าวิลล่า คนเยอะเกินไป มู่น่อนน่อนเห็นสถานการณ์ของทางโน้นไม่ค่อยชัด จึงได้พาเฉินมู่เดินไปข้างหน้าระยะนึง เดินไปยืนบนแปลงดอกไม้ ก็สามารถมองเห็นชัดเจนกว่าเยอะเลย
หลังจากเธอยืนนิ่งแล้ว พอมองไปก็เห็นร่างเงาที่คุ้นเคยยืนอยู่ท่ามกลางหมู่คน
มู่น่อนน่อนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พร้อมพึมพำว่า:“เฉินถิงเซียว?”
“แม่ หนูก็จะดูด้วยค่ะ!”เฉินมู่ยืนอยู่ข้างๆ กอดขาเธอไว้อย่างน่าสงสารพร้อมแหงนหน้ามองเธอไว้
มู่น่อนน่อนก้มไปอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา:“หนูเห็นใครคะ?”
เฉินมู่ชี้ไปที่หน้าวิลล่า และพูดกับมู่น่อนน่อนด้วยความตื่นเต้น:“คุณพ่อค่ะ!”
ทีนี้มู่น่อนน่อนถึงแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด เมื่อคืนเฉินถิงเซียวบอกว่าวันนี้จะมาหาพวกเธอ มู่น่อนน่อนนึกว่าเขาจะปีนหน้าต่างเข้ามาในช่วงดึกเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะมาอย่างเปิดเผย!