ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 602 จำกัดการเคลื่อนไหวของเฉินถิงเซียว
เมื่อได้ยินเสียงเฉินถิงเซียวเรียกเขา สือเย่รีบเดินออกจากห้องมาหาเฉินถิงเซียวทันที
สือเย่เดินมาหยุดอยู่ตรงด้านหน้าเฉินถิงเซียว พลางเอ่ยปากเรียก “คุณชายครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”
“ลี่จิ่วเชียนลงมือแล้ว” เฉินถิงเซียวเดินก้าวเท้าไม่หยุด พร้อมทั้งพูด และเดินมุ่งหน้าไปทางด้านนอกพร้อมกัน
เมื่อสือเย่ได้ยินแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ผมจะพาคนไปด้วยเดี๋ยวนี้ครับ”
เมื่อเฉินถิงเซียวกับสือเย่อาศัยท้องฟ้ายามวิกาลและความหนาวเหน็บจังหวะที่มาถึงประตูวิลล่าของลี่จิ่วเชียนนั้น พลางมองเห็นคนรวมตัวกันเป็นกลุ่มอยู่ตรงประตูวิลล่าพอดี แถมตรงประตูยังมีรถจอดอยู่สองคัน ซึ่งแสดงลักษณะทำทีท่าว่าจะออกไปข้างนอก
สือเย่เห็นเหตุการณ์นั่นแล้ว พลันพาคนเข้าไปดักหน้าและล้อมพวกเขาเอาไว้ทุกทางทันที
ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าในกลุ่มนั้นพลางมองมาทางเฉินถิงเซียว “คุณเฉินนี่มันหมายความว่ายังไงกันครับเนี่ย?”
เฉินถิงเซียวจ้องมองเขาอย่างไร้ความรู้สึก น้ำเสียงเย็นยะเยือก “ลี่จิ่วเชียนอยู่ที่ไหน?”
“ตอนนี้คุณชายก็น่าจะหลับอยู่สิครับ ยังจะไปอยู่ที่ไหนได้?” ชายหนุ่มน่าจะได้รับคำสั่งมาก่อนแล้ว ว่าให้ตอบกลับไปอย่างมีไมตรีจิต ขนาดแววตายังไม่หวั่นไหวสักนิด
เฉินถิงเซียวแสยะยิ้มออกมาทันที พลางพาคนเข้าไปด้านใน
“คุณจะทำอะไรกันครับเนี่ย!”
“พวกคุณหยุดเดี๋ยวนี้ ที่นี่มันเป็นสถานที่ที่ให้พวกคุณเข้าออกกันได้ตามสบายหรือยังไงกัน!”
พวกเขายังคิดขวางเฉินถิงเซียวเอาไว้ ทว่าจะไปขวางเฉินถิงเซียวเอาไว้ได้อย่างไรกันเล่า?
เฉินถิงเซียวก้าวเดินมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว และไม่ใส่ใจคนพวกนี้ด้วยซ้ำ ส่วนข้างกายนั้นมีสือเย่และบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันอยู่ คนเหล่านั้นแทบเข้าใกล้เขาไม่ได้เลย
ลูกน้องของลี่จิ่วเชียน ทำได้แค่จ้องมองเฉินถิงเซียวเดินเข้าไปด้านใน
ซึ่งบรรยากาศภายในไม่เหมือนกับด้านนอกเลยสักนิด ภายในวิลล่าเงียบเชียบมาก ขนาดคนรับใช้สักคนยังไม่มี แถมไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศด้วยซ้ำ
“ค้น!” เฉินถิงเซียวยืนอยู่ห้องโถงใหญ่อันว่างเปล่า สีหน้าเงียบขรึม ราวกับกลายเป็นส่วนเดียวกับสีของท้องฟ้ายามวิกาลด้านนอก
เวลานั้นเอง จู่ ๆ ก็มีบอดี้การ์ดวิ่งเข้ามาพูด “ประตูด้านหลังของวิลล่ามีรถจอดอยู่หลายคันครับ”
สือเย่ได้ยินเช่นนั้น พลางหันศีรษะไปมองเฉินถิงเซียว แต่เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร แค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
สือเย่ครุ่นคิดอยู่สักพัก “คุณชายครับ ผมขอพาคนออกไปก่อน!”
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และหาตำแหน่งปักหมุดจุดสีแดงที่อยู่ในโทรศัพท์
ตำแหน่งหมุดสีแดงยังอยู่ภายในวิลล่า
เขาฉุกคิดได้ว่ามู่น่อนน่อนได้ส่งข้อความสั้นๆ มาหาเขา เพียงไม่กี่คำ โดยครึ่งหนึ่งคือการเตือนให้เขามารับตัวมู่มู่ออกไป
โทรศัพท์ที่อยู่ในมือเขากำแน่นอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นจึงมุ่งหน้าเดินขึ้นชั้นบน
แม้ว่าเขาแค่เคยมาห้องหนังสือของลี่จิ่วเชียน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่คุ้นเคยกับวิลล่าหลังนี้
สองสามวันนี้เขาไปมาหาสู่วิลล่าของลี่จิ่วเชียนอยู่ตลอด ไม่เพียงแต่เป็นการยั่วอารมณ์ลี่จิ่วเชียนให้โมโหตามปกติ เขายังส่งคนให้มาทำความรู้จักโครงสร้างของวิลล่าให้ชัดเจนอีกด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งที่พักของมู่น่อนน่อนกับเฉินมู่ เขารู้ดี
เฉินถิงเซียวอาศัยความทรงจำในหัวสมอง และรีบเดินไปยังห้องเฉินมู่ทันที
ตอนที่เขาเดินไปยังทางเดินชั้นสามนั้น พลันได้ยินเสียงพึ่บพับดังอยู่สักพัก
นั่นมัน… เป็นเสียงสิ่งของที่กำลังลุกไหม้
เฉินถิงเซียวรีบหันศีรษะกลับมาอย่างแรง พลางเห็นแสงกองเพลิงที่กำลังลุกโหมอยู่ตรงทางเดินอีกฝั่ง
ตามรูปโครงสร้างที่ใช้มือวาดขึ้นมาเองตามความทรงจำนั้น เฉินถิงเซียวรู้ว่าบริเวณตรงนั้นคือห้องเรือนกระจก เมื่อเดินผ่านห้องเรือนกระจกไปแล้ว ก็คือห้องนอนของเฉินมู่
ส่วนเสียงเคล้งที่ดังอยู่ด้านใน เป็นเสียงกระจกที่เกิดจากการลุกไหม้และหล่นแตกกระจัดกระจาย!
สีหน้าอันไร้ความรู้สึกมาโดยตลอดของเฉินถิงเซียวพลางเกร็งทันที เส้นเลือดตรงขมับปูดขึ้น พลางกัดฟันไว้แน่น แววตาทอประกายความดุร้ายจ้องกินเลือดกินเนื้อออกมา
ไม่เพียงแค่มู่น่อนน่อนจะยกให้ลี่จิ่วเชียนเป็นคนดีมีจิตใจเมตตาเหลือเกิน เขาเองก็เช่นเดียวกัน
ซึ่งเขาไม่คิดเลยว่าลี่จิ่วเชียนจะแสดงถึงพฤติกรรมโหดร้ายป่าเถื่อน ขนาดเฉินมู่ก็ยังไม่ยอมปล่อยไป
หัวสมองเฉินถิงเซียวปรากฏภาพเฉินมู่กระโจนเข้าอ้อมกอดของเขาและเรียกเขาว่าพ่อ หัวใจพลันบีบรัดแน่น ราวกับมีคนใช้มือบีบขยำเอาไว้
เฉินถิงเซียวยืนอยู่ตรงทางเดินสองวินาที พลันวิ่งเข้าไปท่ามกลางกองเพลิงที่กำลังลุกโชนอย่างรวดเร็ว ทางด้านหน้ามีห้องขวางอยู่พอดี
เขาเตะบานประตูเข้าไป ซึ่งมีผ้าห่มนาโนวางไว้บนเตียงพอดี เขาหยิบผ้าห่มนาโนขึ้นมาและรีบพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ และจัดการเปิดก๊อกน้ำทั้งหมดในห้องน้ำทันที
ผ้าห่มนาโนจึงเปียกโชกชุ่ม ขนาดร่างกายของเขายังเปียกชุ่ม
อุณหภูมิกลางดึกลดต่ำจนเป็นเพียงตัวเลขเดียวถึงขั้นลดต่ำลงจนติดลบ แต่เฉินถิงเซียวกลับไม่รู้สึกหนาวสักนิด เขาเอาผ้าห่มนาโนคลุมตัวและวิ่งกระโจนเข้าสู่กองเพลิง
จังหวะที่เขากระโจนเข้ากองเพลิงในวินาทีนั้น สือเย่พาคนเข้ามาด้านในแล้วและตะโกนเรียก “คุณชายครับ!”
เฉินถิงเซียวไม่ได้ยินเสียงเขาแม้แต่น้อยแม้ว่าจะได้ยินเขาก็ไม่สามารถหยุดได้
สือเย่พาคนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา นอกจากเห็นกองเพลิงที่กำลังถาโถมแรงขึ้นเรื่อย ๆ อยู่เบื้องหน้า แล้วจะเห็นตัวของเฉินถิงเซียวได้อย่างไรกัน
วิลล่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ จุดที่เกิดไฟไหม้มันอยู่ค่อนข้างลึก ดังนั้นตอนที่พวกเขาเข้ามาในวิลล่านั้น จึงไม่ได้กลิ่นควันไฟ และไม่เห็นเปลวเพลิง
บรรดาลูกน้องที่ติดตามสือเย่มาด้วยตกตะลึงชั่วขณะ สือเย่รีบหันไปตะคอกใส่ทันที “ยังยืนบื้ออยู่ทำไม!รีบเข้าไปช่วยคนเร็ว!”
สือเย่อยู่กับเฉินถิงเซียวมานานแล้ว เวลาจัดการเรื่องต่างๆ มักนิ่งสงบมาก น้อยครั้งนักที่จะระเบิดอารมณ์เช่นนี้
เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือว่าเร่งด่วนมาก ส่วนลี่จิ่วเชียนก็ช่างเจ้าเล่ห์เหลือทน
เมื่อครู่เขาเพิ่งมาคนออกไปทางประตูด้านหลัง กลับพบว่าคนในกลุ่มนั้น ไม่มีตัวของลี่จิ่วเชียนกับมู่น่อนน่อนเลย ถึงได้ย้อนกลับมาหาเฉินถิงเซียว
สือเย่คิดว่า เฉินมู่คงถูกลี่จิ่วเชียนพาตัวออกไปด้วย ทว่าเห็นลักษณะท่าทางของเฉินถิงเซียวที่ไม่คำนึงถึงสิ่งใดอีกแล้วและกระโจนไปทางด้านหน้าที่มีแต่กองเพลิงจึงสามารถเดาได้ว่า เฉินมู่ยังอยู่ในห้อง
เวลานี้เฉินถิงเซียวเข้าไปช่วยเฉินมู่ ซึ่งเป็นจังหวะพลาดที่ดีที่สุดในการตามหา ลี่จิ่วเชียนกับมู่น่อนน่อน
ซึ่งจำต้องพูดเลยว่า วิธีการเช่นนี้ของลี่จิ่วเชียนถือว่าโหดมาก กลยุทธ์การหลอกล่อให้ติดกับ โดยการใช้เฉินมู่เป็นตัวหลอกล่อเฉินถิงเซียว แม้ว่าเฉินถิงเซียวต้องการตามหาตัวลี่จิ่วเชียนกับมู่น่อนน่อนว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ทว่ากลับต้องมาช่วยเฉินมู่ก่อนแล้วค่อยไปตามหาพวกเขาต่อ
หลังจากเรื่องช่วยเฉินมู่มาได้แล้วนั้น แล้วลี่จิ่วเชียนพามู่น่อนน่อนไปที่ใด และจะพาไปไกลแสนเพียงใด ใครเล่าจะรู้?
ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่สามารถคำนึงอะไรได้มากมายนัก
เพลิงลุกไหม้แรงขึ้น เฉินถิงเซียวกับเฉินมู่จะรอดชีวิตออกจากด้านในได้หรือไม่นั้น ไม่มีใครสามารถบอกได้
บอดี้การ์ดรีบเอาผ้าห่มเปียกมา สือเย่หยิบมาหนึ่งผืน “พวกนายตามฉันเข้าไป ที่เหลือดับไฟอยู่ด้านนอก”
เขาพูดจบ พลันเอาผ้าห่มคลุมศีรษะและพุ่งเข้าไปทันที
……
ห้องใต้ดิน
ลี่จิ่วเชียนนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟา
มู่น่อนน่อนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก พลางจ้องมองเขาตาเขม็ง
ทว่าความรู้สึกที่แสดงผ่านทางสีหน้าลี่จิ่วเชียน ยังคงแสดงอาการสบายใจเฉิบตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ มู่น่อนน่อนไม่สามารถจับจุดผิดสังเกตร่องรอยอะไรได้สักนิด
สำหรับแผนการในครั้งนี้ของเขาแล้ว ราวกับเขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
พวกเขานั่งรออยู่ห้องใต้ดินมาสักพักใหญ่แล้ว เวลาที่พ้นผ่านไปแต่ละนาที หัวใจมู่น่อนน่อนเหมือนถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ความรู้สึกจิตใจไม่สงบ พลันค่อย ๆ ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ลี่จิ่วเชียนวางแผนจู่โจม การทำตามเป้าหมายโดยไม่สนวิธีการใดๆ ที่ต้องคิดบัญชีกับทุกคนในทุกๆ เรื่อง
เรื่องราวในครั้งนี้ ซึ่งไม่ง่ายดายเหมือนภาพที่มองเห็นเช่นนั้น
“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น มาดื่มชาเร็ว” ลี่จิ่วเชียนยื่นมือออกไปเทน้ำชาให้มู่น่อนน่อนพลางยกมาวางตรงด้านหน้า สีหน้าดูเอาอกเอาใจมาก
มู่น่อนน่อนไม่มีกะจิตกะใจมานั่งดื่มชา แถมไม่แตะต้องถ้วยชาสักนิด