ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 604 หาตัวเธอมาให้เจอ
มู่น่อนน่อนหน้าตาซีดเผือดไม่มีสีเลือดฝาดอยู่บนใบหน้าสักนิด พลางนั่งอยู่บนพื้นและค่อยๆลุกขึ้นจากพื้น
เธอไม่เหล่ตามองลี่จิ่วเชียนอีกเลย พลันวิ่งมุ่งหน้าไปทางวิลล่าที่ยังคงมีกลุ่มควันไฟและเปลวเพลิงห้อมล้อมปกคลุมไปทั่วบริเวณโดยรอบ
จังหวะนั้นอาลั่วจึงวิ่งตามมาทันที
เมื่อมาถึงก็เห็นมู่น่อนน่อนมุ่งหน้าวิ่งไปทางวิลล่า พลางหรี่ตาเล็กน้อย พร้อมทั้งถามออกไป “ไฟไหม้หนักขนาดนั้น นี่เธอคิดจะวิ่งกระโจนเข้าไปจริงๆ เหรอ?”
เมื่อมนุษย์ถูกความอิจฉาริษยามันบังตาเอาไว้ ย่อมไม่สามารถเห็นข้อดีของคนที่เธอคอยอิจฉาคนนั้นได้ตามวิสัยธรรมชาติ
ซึ่งมีความคล้ายคลึงอาลั่วที่กำลังเหล่ตามองมู่น่อนน่อน เธอรู้สึกว่ามู่น่อนน่อนแค่แสดงท่าทางให้ดูก็เท่านั้นเอง เธอไม่มีทางกล้าวิ่งพุ่งเข้าไปในวิลล่าแน่
เพราะตอนนี้ไฟโหมแรงขนาดนั้น มู่น่อนน่อนกระโจนเข้าไปก็มีแต่ตายอย่างเดียว ที่ถูกย่างสดตายทั้งเป็น
ลี่จิ่วเชียนไม่ได้พูดอะไร แค่เหลือบมองมู่น่อนน่อนที่กำลังจะกระโจนเข้าไปด้านใน
อาลั่วเห็นว่าลี่จิ่วเชียนไม่พูดไม่จา เธอก็ไม่อยากจะพูดอะไรเพิ่มเติม
เวลานั้นเอง มู่น่อนน่อนได้วิ่งไปอยู่ตรงบริเวณด้านหน้าของวิลล่าแล้ว พร้อมทั้งฝืนพุ่งตัวเข้าไปด้านในวิลล่าทันที
อาลั่วสีหน้าเปลี่ยนลงถนัดตา “มู่น่อนน่อนเธอ…”
“คุณผู้ชายคะ ฉันจะไปเอาตัวมู่น่อนน่อนกลับมาค่ะ” อาลั่วพูดจบ กำลังจะวิ่งไปทางวิลล่า
ทว่าลี่จิ่วเชียนกลับรั้งเอาไว้ในจังหวะนั้นทันที “ไม่ต้อง ให้เธอได้ลิ้มรสความทุกข์บ้าง”
“ถ้าเธอเกิดได้รับบาดเจ็บขึ้นมาละคะ? ร่างกายของเธอไม่สามารถเสียหายได้นะคะ…” น้ำเสียงของอาลั่วแสดงความสับสนและร้อนรนเล็กน้อย
ส่วนลี่จิ่วเชียนทำสีหน้าเคร่งขรึม และยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคงหนักแน่นดั่งภูเขาไท่ซาน ไม่พูดอะไรออกมาสักประโยค
เขาไม่พูด อาลั่วก็ไม่สามารถทำอะไรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขาได้ พลันยืนขมวดคิ้วนิ่วหน้าอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
มู่น่อนน่อนวิ่งมาหยุดอยู่ด้านหน้าวิลล่า พร้อมทั้งสำลักควันไฟที่กำลังเผาไหม้อย่างรุนแรง กองเพลิงกำลังโหมกระหน่ำลุกโชนจนมู่น่อนน่อนรู้สึกแสบหน้า
มู่น่อนน่อนเหลือบมองตามเปลวเพลิงลุกไหม้ จึงพบว่าห้องที่อยู่ด้านข้างไฟยังไม่ลุกลามสักเท่าไหร่ พลันหันตัวและพุ่งเข้าไปในห้องนั้นทันที
ในห้องมีควันอบอวลไปทั่ว มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปและสำลักควันไฟอยู่ตลอดเวลา
เธอระงับอาการสำลักควันที่มีอยู่ตลอด และเปล่งเสียงเรียกเฉินมู่
“มู่มู่!”
“มู่มู่ลูกอยู่ข้างในไหม? นี่แม่เองนะ?”
มู่น่อนน่อนเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ไหนจะควันที่แรงขึ้น คลื่นความร้อนก็ยิ่งแผดเผามากขึ้น
เธอค่อยๆ เดินเข้ามาถึงจุดที่ถูกไฟไหม้ พลางเม้มริมฝีปากเดินเข้าไปด้านใน
เธอเดินเข้าไปด้านในได้สักระยะอย่างยากลำบาก อย่างเชื่องช้า บางครั้งยังต้องหลีกเลี่ยงเศษกระจกที่อยู่บนพื้นด้วย
มู่น่อนน่อนไม่รู้รายละเอียดโครงสร้างของวิลล่าหลังนี้เป็นพิเศษมากนัก เมื่อเดินผ่านมาหนึ่งห้องถึงได้จำทิศทางห้องโถงใหญ่ได้ และจำตำแหน่งที่ตั้งห้องนอนของเฉินมู่ได้
เมื่อเธอเดินเลียบทางเข้าห้องโถงใหญ่มานั้น จึงเห็นทะเลเพลิงที่อยู่ด้านหน้าเต็มสองตา ราวกับทรงตัวไม่อยู่ พลางสะดุดเท้าจนลงไปนั่งคุกเข่ากองอยู่ที่พื้น
“เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้!?” บริเวณบันไดที่อยู่เบื้องหน้ามันไม่มีแม้แต่เงาเลยเหรอ?
ห้องโถงมอดไหม้ไปเกินครึ่ง
เมื่อครู่ตอนที่เธอมองมาจากด้านนอก เห็นว่าวิลล่าไหม้ไปครึ่งเดียว
แม้ว่าเธอไม่ยินยอมที่จะเชื่อ ทว่าภาพที่ปรากฏตรงหน้าเธอในเวลานี้ บริเวณที่ไฟไหม้นั้นกินตำแหน่งห้องนอนของเฉินมู่เกินครึ่ง
ความหนาวเหน็บพลางแทรกซึมเข้าทุกส่วนอณูทั่วร่างกาย
ทะเลเพลิงที่กำลังลุกโชนอยู่ทางด้านหน้า ทว่ามู่น่อนน่อนกลับหนาวเหน็บ เย็นเข้ากระดูก
ตอนที่เธอถูกลี่จิ่วเชียนพาตัวออกมานั้น เฉินมู่กำลังนอนหลับอยู่
กองเพลิงถาโถมหนักขนาดนี้ ต้องเป็นช่วงจังหวะที่เธอออกมาก็ไหม้ทันที
ตอนที่เธอส่งข้อความหาเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวได้รับข้อความของเธอก็ต้องมาหาเฉินมู่แน่….
มู่น่อนน่อนไม่กล้าจะคิดต่ออีกแล้ว
เธอไม่เชื่อ!
เธอไม่เชื่อว่าเฉินมู่กับเฉินถิงเซียวทั้งคู่จะอยู่ที่นี่!
ทว่ามีอะไรบ้างล่ะที่จะชี้ชัดบอกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่?
เธอต้องการเข้าไปดู! ต้องเข้าไปดูให้ได้!
ทันใดนั้น เธอรู้สึกว่าบริเวณหัวเข่ากลับมีความเย็น
มู่น่อนน่อนก้มศีรษะลงมอง จึงเห็นว่าใต้เข่ามีแต่น้ำ
เธอหันศีรษะกลับไป จึงพบว่ามีน้ำไหลมาจากห้องครัว และห้องโถงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องครัวนัก ในห้องครัวมีน้ำไหลมามากมายขนาดนี้ น่าจะเป็นท่อน้ำระเบิดแน่
มู่น่อนน่อนเริ่มตั้งสติได้ พลันลุกขึ้นและเดินไปทางห้องครัวทันที
ในห้องครัวกลายเป็นทะเลไหลเจิ่งนองไปหมดแล้ว
มู่น่อนน่อนจัดการถอดเสื้อผ้าบนตัวออก และทำให้ตัวเองเปียก โดยการเอาเสื้อโค้ตวางลงในน้ำทำให้เปียกชุ่ม จากนั้นจึงเอาเสื้อคลุมเหนือศีรษะแล้ววิ่งเข้าไปในกองเพลิง
วินาทีที่วิ่งเข้าสู่กองเพลิงนั้น มู่น่อนน่อนคิดตั้งหลายอย่างมากมาย
ถ้าเฉินถิงเซียวกับเฉินมู่อยู่ด้านใน เธอก็จะไม่ออกมาแล้ว
เธอเคยเห็นการจากลาด้วยความเป็นความตายของคนอื่นมานักต่อนักแล้ว เธอเองก็เคยผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง
ยิ่งคนที่มีประสบการณ์ผ่านการจากลามาแล้ว ยิ่งหวงแหนทุกอย่างที่เป็นของตนเองยิ่งนัก
มักมีคนพูดว่า ชีวิตของคนเราชั่วชีวิต แม้ว่าไม่มีญาติพี่น้องหรือคนรัก เหลือแค่ตัวเองคนเดียว ก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
แต่ถ้ามีเหลือแค่ตัวเองเท่านั้น การมีชีวิตอยู่ต่อไปมันจะมีความหมายอะไรเล่า?
ความหมายของการมีชีวิตอยู่มันคืออะไรเล่า?
ตอนที่เรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับคนอื่น บางทีเธอยังสามารถพูดคำปลอบโยนออกมาได้บ้าง
ทว่าเมื่อเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นกับตัวเธอเองแฃ้ล้ว เธอกลับรู้สึกว่า มันก้าวข้ามให้ผ่านไปไม่ได้เลย
อยากจะมีต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
มู่น่อนน่อนได้กลิ่นรองเท้าถูกไฟไหม้ แต่เธอก็ยังยืนกรานฝืนที่จะเดินเข้าไปด้านใน
สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ บริเวณด้านในตรงส่วนนั้นกลับไม่ได้มีไฟไหม้หนักอย่างที่คิด แต่ยังคงมีอุณหภูมิสูงจนทำให้ตกใจ เธอไม่สงสัยสักนิดเลยว่าอีกไม่นานเธอก็คงถูกย่างจนสุกได้ที่
“มู่มู่! เฉินถิงเซียว! แค่ก แค่ก …” มู่น่อนน่อนอ้าปากพูด พลันอดสำลักควันไฟไม่ได้
“โครม!”
มู่น่อนน่อนได้ยินเสียง คิดว่ามีสิ่งของหล่นลงมาด้านข้าง แต่เมื่อเธอหันกลับไปมองนั้น ทว่าเห็นร่างกายคนอยู่บริเวณมุมห้อง…
……
ทางด้านนอกวิลล่า
เวลาผ่านพ้นไปสิบกว่านาทีแล้ว มู่น่อนน่อนยังไม่ออกมาจากด้านใน สุดท้ายลี่จิ่วเชียนก็เริ่มยืนไม่อยู่สุขแล้ว
สีหน้าอาลั่วกลับเคร่งขรึมหนัก แต่ไม่กล้าพูดอะไรมากออกมา
ลี่จิ่วเชียนเหลือบมองวิลล่าเล็กน้อย และพูดออกมาด้วยหน้าถมึงทึง “รีบเข้าไปดูเร็ว”
ตอนที่พวกเขาเข้าไปดูนั้น มองไม่ได้เห็นร่างของมู่น่อนน่อนเลยด้วยซ้ำ
อาลั่วหน้าถอดสีทันที “คงไม่ได้วิ่งหนีไปใช่ไหม?”
“เธอจะวิ่งไปไหนได้?” ลี่จิ่วเชียนหันศีรษะกลับมามองเธอ ด้วยหน้าตาเย็นชา
อาลั่วสำรวจบริเวณโดยรอบ นอกจากตำแหน่งทางประตูที่มู่น่อนน่อนเข้ามาแล้ว ไม่มีตรงไหนที่สามารถวิ่งหนีไปไหนได้เลยจริงๆ
“หรือว่า…” อาลั่วเบนสายตามาทางกองเพลิง และแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ไปหาเธอในนั้นเร็ว!” ลี่จิ่วเชียนออกคำสั่งทันที ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังที่ได้รับการฝึกฝนในการทำงานให้ช่วยเหลือคนในกองเพลิงมาเป็นอย่างดี
อาลั่วคงลังเลอยู่ว่าจะเข้าไปหรือไม่ ลี่จิ่วเชียนออกคำสั่งทันที “คุณไม่ต้องเข้าไป”
อาลั่วได้ยินแล้วชะงักไปชั่วครู่ จนดวงตาแพรวพราวทันที “ค่ะ”
ลูกน้องของลี่จิ่วเชียนเข้าไปได้ไม่นานนัก ก็พาตัวมู่น่อนน่อนที่นอนสลบไสลออกมา
ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลาเป็นทุนเดิมของมู่น่อนน่อนเปรอะเปื้อนด้วยควันดำจนมองหน้าตาเดิมไม่ออก เสื้อผ้าที่อยู่บนตัวก็เปียกโชก และไม่ได้ใส่เสื้อโค้ตไว้
ลี่จิ่วเชียนจ้องมองมู่น่อนน่อนด้วยสีหน้าหม่นหมองอยู่ชั่วพริบตา พลันหันตัวเดินออกไปด้านนอก
“ไปกัน” อาลั่วเดินตามอยู่ด้านหลัง
พวกเขาพาตัวมู่น่อนน่อนออกจากวิลล่า และขึ้นรถออกไปทันที
รถยนต์ค่อยๆ ทะยานออกไปไกล ท่ามกลางกองเพลิงอันแรงกล้าพลันมีคนคนหนึ่งกระโจนออกมาจากวิลล่า
ซึ่งสิ่งที่คลุมเหนือศีรษะคนคนนี้เอาไว้ ก็คือเสื้อโค้ตอันเปียกชุ่มของมู่น่อนน่อนก่อนหน้านี้พอดี เขายืนอยู่ที่เดิมสักพัก เมื่อไม่ได้ยินถึงความเคลื่อนไหวจากภายนอกแล้ว จึงเดินออกมาทางด้านนอก