ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 627 กลับไป
เมื่อมู่น่อนน่อนได้ยินคำพูดของเฉินถิงเซียว ฉับพลันก็พูดอะไรไม่ออก
เธอจ้องเฉินถิงเซียว สังเกตการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าท่าทางของเขา เดาความคิดของเขาลึก ๆ แล้วคิดอะไรอยู่
มู่น่อนน่อนคิดแล้วคิดอีก คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเฉินถิงเซียวกำลังคิดอะไรอยู่
เธอจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หมดความอดทน:“ดังนั้นคุณก็เลยปิดบังทุกอย่างในเรื่องที่คุณไม่อยากจะบอกกับฉัน คุณคิดว่าแบบนั้นมันดีกับฉัน?”
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลงแล้วย้อนถามกลับ:“คุณคิดว่าบอกกับคุณทั้งหมดแล้ว ดีกับคุณอย่างนั้นเหรอ”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าที่ตัวเองประเมินเฉินถิงเซียวก่อนหน้านี้นั้นคิดไปเองฝ่ายเดียวจริง ๆ
เฉินถิงเซียวนั้นฉลาดจริงเหรอ เห็นได้ชัดว่าเขานั้นโง่ไม่ต่างจากควาย ไม่สามารถพลิกผันเลยสักนิด
สิ่งที่เธอกับเฉินถิงเซียวต้องการสื่อออกมามันคนละเรื่องกันชัด ๆ
“นอนเถอะ” มู่น่อนน่อนลุกขึ้นเดินขึ้นไปบนตึก
……
ห้องที่เฉินจิ่งหยุ้นให้มู่น่อนน่อนนอนพักนั้น เป็นห้องที่เฉินถิงเซียวใช้พักเมื่อมาที่นี่ครั้งที่แล้ว
ห้องไม่ใหญ่มาก แต่เตียงนุ่มมาก
เมื่อปิดไฟแล้ว มู่น่อนน่อนหลับตาท่ามกลางความมืด แต่ทว่านอนไม่หลับ
เรื่องของเฉินมู่ ทำให้เธอนอนไม่หลับพลิกตัวไปมา
ผ่านไปสักพัก เธอรู้สึกว่าคนข้าง ๆ นั้นหายใจอย่างสงบแล้ว จึงลุกขึ้นนั่ง แล้วเปิดไฟบนหัวเตียง และเตรียมที่จะออกไปดูเฉินมู่สักหน่อย
เธอยังคงเป็นกังวล
แต่ เมื่อเธอกำลังจะลุกขึ้น เฉินถิงเซียวที่เดิมทีคิดว่านอนหลับไปแล้วก็ได้ลุกขึ้นนั่งตาม น้ำเสียงชัดเจน:“จะไปไหน”
มู่น่อนน่อนสะดุ้ง แล้วหันกลับไปมองเฉินถิงเซียว:“คุณ……”
เธอชะงัก จากนั้นกล่าวต่อ:“ฉันจะไปดูมู่มู่”
“คุณนอนต่อเถอะ เดี๋ยวผมไปเอง” เฉินถิงเซียวพลิกตัวลงจากเตียง ดึงเสื้อคลุมมาใส่แล้วก็ออกไป
การกระทำของเฉินถิงเซียวเป็นไปอย่างรวดเร็วและไม่คาดคิด เมื่อมู่น่อนน่อนรู้สึกตัวนั้น ประตูได้ถูกปิดลงแล้ว
มู่น่อนน่อนก็ยังคงตามออกไป
เฉินมู่นอนหลับได้สนิท
เมื่อกลับถึงห้อง ทั้งสองต่างเงียบและไม่ได้นอนลงบนเตียงทันที
“ผมไม่อยากบอกสถานการณ์ของมู่มู่ให้กับคุณ ก็เพราะไม่อยากเห็นคุณที่จิตใจกระวนกระวายเช่นนี้”
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสนิท ลุ่มลึกและแฝงด้วยอารมณ์ซับซ้อน
“แต่ว่าถ้าฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับเฉินมู่ หลังเวลาผ่านไปแล้ว คุณรู้บ้างไหมว่าฉันจะตำหนิติโทษตัวเองทุกข์ทรมานมากแค่ไหน” มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้หวังให้เฉินถิงเซียวจะคิดถึงจุดนี้
ทั้งคู่ไม่ได้นอนกันตลอดทั้งคืน
วันรุ่งขึ้นพวกเขาต่างตื่นกันแต่เช้า
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปดูเฉินมู่ที่ห้อง จากนั้นก็ลงจากตึกไปทำอาหารเช้า
เธอทำอาหารเช้าให้กับเฉินมู่ก่อน จากนั้นค่อยทำให้กับทุกคน
อากาศเย็น เฉินมู่นอนดึก ตอนเช้าก็เลยตื่นสาย
มู่น่อนน่อนทานอาหารเช้ากับทุกคนแล้ว ถึงได้ยกอาหารเช้าของเฉินมู่ขึ้นไปบนห้องของเธอ
เฉินมู่ตื่นขึ้นมาแล้ว และกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างว่างเปล่า
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ มู่มู่” มู่น่อนน่อนยิ้มแล้วเดินเข้าไป จากนั้นวางอาหารลงบนโต๊ะ
เฉินมู่น่าจะหิวแล้ว เธอถูกกลิ่นหอมอาหารดึงดูดใจ สายตาจึงจ้องมองไปยังอาหารบนโต๊ะ
“หิวแล้วใช่ไหม ล้างหน้าแปรงฟัน สวมเสื้อผ้าแล้วมาทานอาหารเร็ว” มู่น่อนน่อนเดินเบาที่สุด กลัวจะทำให้เธอตกใจ
เฉินมู่มองท่าทางของมู่น่อนน่อนอย่างไร้ความรู้สึก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร หรืออาจจะไม่คิดอะไรเลย
เวลานี้ ในห้องมีคนผลักประตูเข้ามาอีกครั้ง
มู่น่อนน่อนได้ยินเสียงเปิดประตู ยังไม่ทันรู้ว่าเป็นใครที่เข้ามา ก็เห็นเฉินมู่ขดตัวลงแล้วด้วยท่าทางที่หวาดกลัว
“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว” มู่น่อนน่อนทำการปลอบเฉินมู่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
จากนั้นเธอก็รู้สึกดีใจเล็กน้อย
ก่อนหน้าที่เฉินถิงเซียวจะมา เฉินมู่แทบจะไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ นิ่งเหมือนกับตุ๊กตาหุ่นก็ไม่ปาน
แต่ว่าเมื่อวานหลังจากที่เฉินถิงเซียวมา เฉินมู่กลับรู้สึกกลัวเฉินถิงเซียว เกิดปฏิกิริยาตอบสนองอาการกลัวออกมา
ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่ดี แต่อย่างน้อยก็เป็นปฏิกิริยาของคนปกติ
อย่างน้อยเฉินมู่สามารถรู้สึกถึงอารมณ์ของคนปกติได้แล้ว
จุดนี้ทำให้มู่น่อนน่อนรู้สึกดีใจ
เฉินมู่จ้องมองเฉินถิงเซียวด้วยสายตาระแวดระวังตลอดเวลา
หลังจากที่เฉินถิงเซียวเดินเข้าไปใกล้ เฉินมู่ก็ซบเข้ามาที่อ้อดกอดของมู่น่อนน่อนทันที
มู่น่อนน่อนสะดุ้งด้วยความตกใจ จนชะงักงัน
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอถึงรู้สึกตัวแล้วค่อย ๆ โอบเฉินมู่เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
เธอกอดเฉินมู่ไว้ แล้วหันหน้าไปทางเฉินถิงเซียวแสดงรอยยิ้มดีใจออกมา
หลังจากที่กลับจากต่างประเทศ เฉินถิงเซียวก็ไม่เคยเห็นรอยยิ้มของมู่น่อนน่อนที่ออกมาจากใจเช่นนี้
เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นรอยยิ้มที่มาจากใจของมู่น่อนน่อน
เฉินถิงเซียวเองก็ยิ้มตามขึ้นทันที
อาจเป็นเพราะการมาของเฉินถิงเซียว กระตุ้นการรับรู้อารมณ์ของเฉินมู่
เพียงแค่เห็นเฉินถิงเซียว เธอก็จะเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่มองหาการปกป้อง จึงหลบเข้ามาในอ้อมกอดของคนอื่น
แต่ถ้าเฉินถิงเซียวจากไป เธอก็จะแอบไปมองเฉินถิงเซียว
ทั้งรักทั้งกลัว เป็นเฉกเช่นนี้
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเฉินมู่ที่เป็นแบบนี้นั้นน่ารักมาก
การทานอาหารเช้าของเฉินมู่เป็นไปอย่างราบรื่น
เมื่อมู่น่อนน่อนเก็บจานอาหารของเฉินมู่ออกไปนั้น พบว่าเฉินถิงเซียวยืนรอเธออยู่ด้านนอกประตู
เฉินถิงเซียวรับจานจากมือของมู่น่อนน่อน จากนั้นไม่พูดไม่จาแล้วเดินลงตึกไป
หลังจากที่มาถึงห้องครัว เฉินถิงเซียวได้กล่าวขึ้น:“ได้เวลากลับกันแล้ว”
“กลับไปไหน” มู่น่อนน่อนกล่าวเสร็จก็เข้าใจทันที ที่เฉินถิงเซียวพูดหมายถึงกลับเมืองหู้หยาง
สีหน้าของมู่น่อนน่อนถมึงทึงเล็กน้อย หรี่ตาลงมองจานอาหารของเฉินมู่อย่างละเอียด
“ฉันไม่กลับไป นอกจากพาเฉินมู่กลับไปด้วย หรือให้ฉันอยู่ที่นี่ดูแลเธอ” สภาพแบบนี้ของเฉินมู่ เธอจะทิ้งเฉินมู่แล้วกลับไปเมืองหู้หยางได้อย่างไร
เฉินถิงเซียวเงียบอยู่ชั่วครู่แล้วกล่าว:“อย่างนั้นก็พากลับไปด้วย”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาที่เห็นได้ชัดว่าเกิดความสงสัย
“คุณไม่ใช่เป็นเพียงมู่น่อนน่อน ผมก็ไม่ใช่เป็นเพียงเฉินถิงเซียวเช่นกัน แต่ยังเป็นพ่อแท้ ๆ ของเฉินมู่ ผมก็หวังอยากให้เธอหายเร็ว ๆ สำหรับเรื่องอื่น ไม่มีอะไรที่สำคัญกว่ามู่มู่”
เฉินถิงเซียวจ้องมองดวงตามู่น่อนน่อน แล้วกล่าวออกมาทีละคำช้า ๆ อย่างชัดเจน
ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มให้แก่กันและกัน
มู่น่อนน่อนคิดอีกเรื่องหนึ่งขึ้นได้
“อย่างนั้นพี่สาวคุณล่ะ เธอควรทำอย่างไร” นึกถึงอาการป่วยของเฉินจิ่งหยุ้น รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่น่อนน่อนก็จางลงทันที
เฉินจิ่งหยุ้นเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเฉินถิงเซียว ที่มีสายเลือดเดียวกันกับเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
มู่น่อนน่อนจึงถามเขาขึ้นเบา ๆ :“บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าคุณคิดอย่างไร”
ในโลกใบนี้ไม่มีรักที่จีรัง ไม่มีความเกลียดชังที่ยั่งยืน จิตใจของคนเป็นสิ่งที่ยากจะหยั่งถึง
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า ความรู้สึกที่เฉินถิงเซียวมีต่อเฉินจิ่งหยุ้นนั้นค่อนข้างซับซ้อน ซับซ้อนจนบางทีอาจจะยากแก่การต้องเลือก
“ถ้าเป็นไปได้ พาเธอกลับไปด้วยนะ” มู่น่อนน่อนพลางพูดพลางสังเกตสีหน้าท่าทางของเฉินถิงเซียว
เห็นสีหน้าของเฉินถิงเซียวไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน มู่น่อนน่อนจึงกล่าวต่อ:“อย่างไรเธอก็เป็นป้าแท้ ๆ ของมู่มู่”
เธอไม่ได้บอกว่าเฉินจิ่งหยุ้นเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเฉินถิงเซียว กลัวว่าจะทำเฉินถิงเซียวสติแตก
เห็นได้ชัดว่าเฉินถิงเซียวเริ่มใจอ่อน เพียงแต่ว่ายังไม่ตัดสินใจ อย่างนั้นก็ให้เธอช่วยเขาตัดสินใจแล้วกัน