ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 646 กระตือรือร้นเกินไป
เธอไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวจะรับสายเธอหรือไม่
ในมุมมองของเธอ จากที่เธอรู้จักเฉินถิงเซียวมา หลังจากเฉินถิงเซียวพูดจาใจร้ายมากมาย มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่รับสายของเธออีก
ขณะที่รอสายไปเรื่อยๆ มือของมู่น่อนน่อนก็ยังไม่คลาย
เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ กระทั่งสายถูกตัดอัตโนมัติ เฉินถิงเซียวก็ไม่มีการรับสายเธอ
หลังจากสายโทรศัพท์มือถือตัดอัตโนมัติ ก็กลับมายังหน้าผู้ติดต่อ
มู่น่อนน่อนจ้องมองผู้ติดต่อไม่กี่คนบนหน้าจอ แล้วในใจก็ครุ่นคิด
ในหมู่คนเหล่านี้ มีใครรู้เกี่ยวกับองค์กรXหรือเปล่า
กับเส้นสายและประสบการณ์ของฉินสุ่ยซาน เป็นไปได้ไหมที่จะรู้จักองค์กรX
กู้จือหยั่นล่ะ เขาจะรู้เรื่องขององค์กรXหรือไม่
มู่น่อนน่อนคิดมาถึงตรงนี้ ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง แล้วต่อสายไปหากู้จือหยั่น
เมื่อสายเชื่อมต่อ เสียงของกู้จือหยั่นก็ดังขึ้น “น่อนน่อน?”
ไม่ว่าเมื่อไหร่ กู้จือหยั่นก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังงานล้นเหลือ
“ฉันมีบางเรื่องอยากถามคุณ” มู่น่อนน่อนกับกู้จือหยั่นนับว่าสนิทกัน จึงไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป
กู้จือหยั่นที่ปลายสายลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “คุณอยากถามเรื่องถิงเซียวเหรอ ช่วงนี้ผมไม่ได้เจอเขาเลย ช่วงนี้เขาทำอะไรอยู่ผมก็ไม่รู้……”
รีบร้อนเคลียร์จังนะ จริงๆ เลย……
ไหนเลยมู่น่อนน่อนจะไม่รู้ความคิดของกู้จือหยั่น กู้จือหยั่นก็แค่กลัวเฉินถิงเซียวเท่านั้นเอง
“เรื่องที่ฉันจะถาม ไม่เกี่ยวกับเฉินถิงเซียว”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่น่อนน่อนแล้ว กู้จือหยั่นก็เปลี่ยนน้ำเสียงทันที พูดด้วยความโล่งอก “คุณบอกก่อนสิว่าไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับถิงเซียว ผมกลัวจะตายแล้วเนี่ย……”
“คุณรู้จักองค์กรXไหม” เพิ่งสิ้นเสียงมู่น่อนน่อน ก็ได้ยินเสียงไอของกู้จือหยั่นดังมาจากปลายสาย
“แค่กๆๆ……” ทางฝั่งกู้จือหยั่นมีเสียงกุกกักดังมา อาจเป็นเสียงแก้วน้ำล้ม และกำลังเช็ดน้ำอยู่
มู่น่อนน่อนก็ไม่เร่งรีบ รอเงียบๆ ให้กู้จือหยั่นจัดการให้เสร็จ
ผ่านไปไม่นาน เสียงของกู้จือหยั่นที่ปลายสายก็ดังขึ้นอีกครั้ง “น่อนน่อน คุณพูดอีกรอบ คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ”
มู่น่อนน่อนจำต้องย้ำอีกครั้ง “ฉันถามคุณว่า คุณรู้จักองค์กรXหรือเปล่า”
น้ำเสียงของกู้จือหยั่นจู่ๆ ก็กลายเป็นเคร่งขรึมจริงจัง “น่อนน่อน มีเรื่องอะไรนักหนาเหรอ ที่จริงแล้วการแก้ปัญหามีหลายวิธีนะ คุณอาจจะแค่ยังคิดไม่ตก อย่าเดินทางผิดเลยนะ! ลองถอยสักก้าวแล้วจะเห็นโลกที่กว้างขึ้น มีบางเรื่อง……”
จู่ๆ กู้จือหยั่นก็ยกหลักเหตุผลยิ่งใหญ่มากมายขึ้นมาพูดกับมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่ามันค่อนข้างไร้เหตุไร้ผล เธอจึงขัดจังหวะคำพูดของกู้จือหยั่น “กู้จือหยั่น คุณกำลังพูดอะไรกันแน่”
กู้จือหยั่นสูดหายใจเข้าลึก ทำเหมือนเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ แล้วพูดว่า “น่อนน่อน ต่อให้เฉินถิงเซียวเขาจะทรยศคุณ เขาไม่ดีกับคุณ คุณก็ไม่สามารถซื้อคนจากองค์กรXไปจัดการเขาได้นะ!”
มู่น่อนน่อนร้องไห้ไม่ได้หัวเราะก็ไม่ออก “ในสมองคุณใส่อะไรเอาไว้ ฉันบอกเหรอว่าจะซื้อคนมาจัดการเฉินถิงเซียว”
แม้เธอจะรู้สึกว่ากู้จือหยั่นสมองไม่ปกติ แต่น้ำเสียงของกู้จือหยั่นที่ได้ยินนั้นคลับคล้ายคลับคลาว่าเขาจะรู้จักองค์กรX และเรียกได้ว่ารู้จักองค์กรXดีเสียด้วย
“งั้นคุณถามเรื่องขององค์กรXทำไม” กู้จือหยั่นถอนหายใจโล่งอก น้ำเสียงก็ค่อนข้างเก้อเขิน
ช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนลดลงอย่างเห็นได้ชัดจนถึงจุดเยือกแข็ง เพราะสองวันนี้ที่เขาโทรหาเฉินถิงเซียว ก็ล้วนแล้วแต่ต้องหน้าหงายกลับมา
แต่ว่า เขาไม่เข้าใจเลยว่าเฉินถิงเซียวกำลังคิดอะไรอยู่ และไม่เข้าใจความคิดของสองคนนี้
เขาก็รู้สึกว่าครั้งนี้เฉินถิงเซียวใจร้ายไปหน่อย เมื่อครู่มู่น่อนน่อนถามเขาเรื่ององค์กรX เขาจึงอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่ามู่น่อนน่อนจะแก้นแค้นเฉินถิงเซียวในเรื่องนี้
มู่น่อนน่อนถาม “คุณรู้จักองค์กรXมากน้อยแค่ไหน”
กู้จือหยั่นจมอยู่กับความเงียบครู่หนึ่ง น้ำเสียงค่อนข้างเคร่งขรึม “คุณถามเรื่องนี้เพราะต้องการจะทำอะไรกันแน่ ถ้าคุณไม่บอกว่าคุณจะทำอะไร ผมจะไม่บอกคุณ”
เมื่อครู่เธอยังรู้สึกว่ากู้จือหยั่นไม่น่าเชื่อถือ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นคนระแวดระวังรอบคอบ
มู่น่อนน่อนรีบหาข้ออ้าง “ช่วงนี้ฉันเขียน [เมืองพัง2] มันเป็นพล็อตที่เกี่ยวข้องกับองค์กรประเภทนี้ เพราะงั้นเลยอยากรวบรวมข้อมูลน่ะ”
ก่อนหน้านี้ที่กู้จื่อหยั่นคิดว่ามู่น่อนน่อนต้องการซื้อคนจากองค์กรXเพื่อจัดการกับเฉินถิงเซียว ก็เพราะพูดโดยไม่ผ่านสมองคิด
ตอนนี้ใจเย็นลงแล้ว โดยธรรมชาติแล้วก็รู้ว่าไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้
ได้ยินมู่น่อนน่อนบอกว่าจะรวบรวมข้อมูล กู้จือหยั่นก็ไม่ได้คิดมาก และเชื่อด้วย
“อ้อ เกี่ยวกับองค์กรX เรื่องมันยาว ช่วงเวลาครู่เดียวอาจพูดไม่ชัดเจนพอ” กู้จือหยั่นเหมือนครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้พูดต่อว่า “หรือไม่เอาแบบนี้ พวกเรามาคุยกันต่อหน้า”
คุยต่อหน้า?
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่ากู้จือหยั่นกระตือรือร้นเกินไป
ไม่ปกติเหมือนผีเข้า
เกิดเรื่องผิดปกติแสดงว่าต้องมีปีศาจ
อย่างที่คาดไว้ วินาทีต่อมา กู้จือหยั่นพูดว่า “ฤกษ์ดีไม่ดีเท่าฤกษ์สะดวก เย็นนี้เลยเถอะ ทานอาหารเย็นด้วยกันที่จีนติ่ง โอกาสเหมาะที่จะคุยเรื่ององค์กรX……โอกาสเหมาะที่จะโทรนัดเสิ่นเสี่ยวเหลียง”
พูดมาเสียยืดยาว ปรากฏว่าประโยคสุดท้ายถึงจะเป็นจุดสำคัญสินะ
“กู้จือหยั่น ประสิทธิภาพของคุณต่ำเกินไปนะ คุณกับเสี่ยวเหลียงรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ฉันรู้จักคุณก็สามสี่ปีแล้ว แต่ตอนนี้คุณกับเสี่ยวเหลียงไม่ได้มีการใกล้ชิดกันขึ้นมาเลยสักก้าว” มู่น่อนน่อนพูดขึ้นเพราะรู้สึกแปลกๆ
ที่จริงจนถึงตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเสิ่นเหลียงถึงปฏิเสธกู้จือหยั่น
กู้จือหยั่นกับเสิ่นเหลียงเป็นเพื่อนเล่นที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ทว่าหลังจากมู่น่อนน่อนรู้จักเสิ่นเหลียง มีความสัมพันธ์อันดีกับเสิ่นเหลียง ยังไม่เคยเห็นกู้จือหยั่นปราฏตัวอยู่ข้างกายเสิ่นเหลียงเลย
นี่อธิบายได้ว่า ปัญหาระหว่างเสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่น อาจจะเกิดก่อนที่เธอกับเสิ่นเหลียงรู้จักกัน
คงเป็นเรื่องที่เกิดก่อนเสิ่นเหลียงอายุสิบเก้าปี
“คุณต้องช่วยผมนะ น่อนน่อน……” น้ำเสียงของกู้จือหยั่นหงอยจนดูน่าสงสาร
มู่น่อนน่อนถอนหายใจ “ฉันจะไปถามเสี่ยวเหลียง ถ้าเธอไม่มา ก็ได้แต่ช่างมันไปนะ”
“ได้ ไม่มีปัญหา!” กู้จือหยั่นตอบตกลงทันที น้ำเสียงดีใจ
มู่น่อนน่อนวางสาย แล้วกดโทรหาเสิ่นเหลียง
ช่วงนี้เสิ่นเหลียงถ่ายรายการวาไรตี้โชว์ เวลาเลิกงานแต่ละวันนับว่าเร็ว
ตอนที่มู่น่อนน่อนโทรไป เสิ่นเหลียงกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือพอดี จึงรับสายเร็วมาก
“น่อนน่อน ทำไมอยู่ดีๆ ก็โทรหาฉันล่ะ” ช่วงนี้มู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงไม่ค่อยได้ติดต่อกันมากนัก แค่ส่งวีแชทหากันเป็นครั้งคราว
“ฉันมีเรื่องต้องรบกวนกู้จือหยั่น เขาบอกว่าเย็นนี้ให้ไปทานอาหารเย็นด้วยกัน เขาอยากให้ฉันนัดเธอ เธอเต็มใจก็ไป ถ้าเธอไม่อยากไป ฉันแน่ใจว่าเขาก็ยังคงจะช่วยฉันเรื่องนี้”
มู่น่อนน่อนพูดอย่างชัดเจน จะไปไม่ไป ทุกอย่างแล้วแต่เสิ่นเหลียง
เสิ่นเหลียงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไปสิ ทำไมจะไม่ไป แค่ไม่สนใจเขาก็พอ”
มู่น่อนน่อนจับอารมณ์อันซับซ้อนในน้ำเสียงของเสิ่นเหลียงได้ จึงหัวเราะและพูดว่า “ได้ สถานที่นัดคือจีนติ่ง ถึงเวลาก็ไปกัน”
“เอาตามนี้ วันนี้ฉันจะเลิกงานเร็วหน่อย” เสิ่นเหลียงวางสายอย่างมีความสุข